ชั่วขณะนั้น บรรยากาศที่กำลังคุกรุ่นก็ถูกทำลายลง มู่เฉินฮ่าวมองเซี่ยฉิงกงอย่างหมดหวัง
“เธอนี่ช่างเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำลายบรรยากาศเสียจริง ๆ”
“คุณนั่นแหละที่ทำลายบรรยากาศ เอาอุ้งเท้าของคุณออกไปจากตัวฉันนะ”
เซี่ยฉิงกงแสดงท่าทางหงุดหงิด ทำไมชายตรงหน้าเธอจึงชอบลวนลามทุกครั้งทุกคราที่มีโอกาส ?
“ถ้าผมไม่ขยับออกล่ะ ?”
มู่เฉินฮ่าวไม่มีแผนจะเอาอุ้งเท้าของเขาออก มือใหญ่ ๆ ยังคงไต่ไล่ไปรอบ ๆ ร่างของเซี่ยฉิงกง
“ปล่อยนะ คนไร้ยางอาย ! นี่คุณไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ ที่นี่ไม่มีใครอื่นนอกจากเรา ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นรักฉันนักหรอก !”
ใบหน้าสวย ๆ ของเธอดูเหมือนคนกำลังจะหมดความอดทน อาจเป็นเพราะเรื่องของเซี่ยชิงฉวนในวันนี้ ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด
แววตาที่อ่อนโยนแต่เดิมของชายหนุ่มพลันเปลี่ยนไป มือใหญ่โอบรอบเอวของเธอแน่น เขากอดเซี่ยฉิงกงไว้ในอ้อมแขนแนบแน่นยิ่งขึ้น
เซี่ยฉิงกงเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ
แววตาของมู่เฉินฮ่าวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงสั่นสะท้านเมื่อสบตาเขา
เขาขมวดคิ้วแน่น นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“พูดอีกครั้งสิ !”
เซี่ยฉิงกงรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างเล็กน้อย หากแต่เธอก็ยังคงดื้อดึง
“ฉันบอกว่า ให้คุณปล่อยฉัน”
ชั่วขณะนั้นเธอรู้สึกเหมือนตัวเบาหวิว เซี่ยฉิงกงถูกยกเอวอุ้มขึ้นไม่ต่างจากเด็กน้อย ความรู้สึกไร้น้ำหนักนี้ทำให้เธอกรีดร้องเบา ๆ มือของเธอพลันกอดคอของมู่เฉินฮ่าวโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยฉิงกงอ้าปากจะพูดบางอย่าง เธอเงยหน้าขึ้นจึงสบเข้ากับนัยน์ตาสีเข้มของมู่เฉินฮ่าว ส่งผลให้เธอลืมไปชั่วขณะว่าเธอต้องการจะพูดอะไร
“ฮืออออออออ”
เสียงร้องไห้
เซี่ยฉิงกงกำลังร้องไห้
นัยน์ตาของเธอหรี่ลงทั้งที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ซึ่งนั่นทำให้มู่เฉินฮ่าวยอมรามือในทันที
ครั้นเห็นใบหน้าที่มีเลือดฝาดของเธอ ซึ่งยามนี้เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา มู่เฉินฮ่าวก็ยอมวางเธอลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ
“เอาล่ะ อย่าร้องไห้เลย นายหญิงน้อยของผม เอาเป็นว่าผมทำผิดไป แต่คุณก็ไม่ควรเลย ?”
เซี่ยฉิงกงพูดสะอึกสะอื้น
“คุณหมายความว่ายังไง ? ฉันทำอะไรผิด ? คุณต่างหากเป็นคนผิด ต่อไปอย่าแตะต้องตัวฉันโดยที่ฉันไม่ยินยอมอีกนะ”
“ได้ ได้ ผมจะไม่แตะต้องคุณอีก”
มู่เฉินฮ่าวไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกทุกข์ใจ เมื่อได้เห็นน้ำตาของผู้หญิงตรงหน้าเขา
เขารู้สึกราวกับว่าก้อนน้ำแข็ง ที่เคยอยู่ในใจของเขาละลายหายไป ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ได้เลย
เซี่ยฉิงกงยังคงสะอื้นเบา ๆ นัยน์ตาฉลาดเฉลียวของเธอมองไปที่มู่เฉินฮ่าว
มู่เฉินฮ่าวกุมหน้าผาก
“ทำไมคุณยังร้องไห้ไม่หยุดอีก ผมก็ปล่อยคุณแล้วนี่”
“คุณไม่อยากกินสปาเก็ตตี้แล้วเหรอ ? ฉันอุตส่าห์ทำให้กินแล้วก็ไม่กิน เห็นไหมเย็นชืดหมดแล้ว”
เซี่ยฉิงกงชี้ไปที่สปาเก็ตตี้ข้างเตาแก๊ส
“กินสิ ใครบอกว่าจะไม่กินล่ะ”
เซี่ยฉิงกงลุกขึ้นหยิบตะเกียบอีกครั้งแล้วตักสปาเก็ตตี้ทั้งหมดในหม้อใส่จานสองใบ ใบใหญ่หนึ่ง ใบเล็กหนึ่ง
จานใบเล็กเป็นของเธอ ส่วนใบใหญ่สำหรับมู่เฉินฮ่าว และใบใหญ่นั้นใหญ่มากเป็นพิเศษ และมีสปาเก็ตตี้เต็มแทบล้นชาม
“เอาล่ะ ฉันไม่สนใจเรื่องเมื่อกี้ก็ได้ แต่คุณต้องกินให้หมดนะ”
เซี่ยฉิงกงผลักจานไปต่อหน้ามู่เฉินฮ่าว พร้อมกับพูดอย่างไม่เกรงใจ
มู่เฉินฮ่าวเลิกคิ้วหยิบตะเกียบขึ้นมา และเริ่มกินโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เซี่ยฉิงกงนั่งเท้าคางอยู่ข้าง ๆ มองดูมู่เฉินฮ่าวกินสปาเก็ตตี้ในจาน น้ำตาที่มุมตาของเธอค่อย ๆ แห้งเหือดไป บางครั้งเธอก็คีบสปาเก็ตตี้หนึ่งหรือสองเส้นเข้าปาก
เซี่ยฉิงกงจ้องมองด้วยความประหลาดใจ มู่เฉินฮ่าวกินสปาเก็ตตี้จนหมดจริง ๆ และรูปลักษณ์ของเขาก็ยังดูสง่างามมาก
นั่นมันสปาเก็ตตี้ทั้งกิโลเลยนะ…
***จบตอน ต้องกินสปาร์เก็ตตี้ให้หมดนะ***