แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 89 ใช้สิทธิการเป็นคู่หมั้น

ภายในห้องโถงรับรอง หลังจากที่เซี่ยฉิงกงกล่าวจบ ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย ทั้งสี่ต่างก็มองเซี่ยฉิงกงเป็นตาเดียว

 

เซี่ยฉิงกงไม่แสดงท่าทีรำคาญแต่อย่างใด เธอเอ่ยถามอีกครั้งว่า

 

“เฉินฮ่าวอยู่ไหนคะ ? ฉันจะพาเขากลับบ้าน”

 

ซิงเหวินจิ้งก้าวไปข้างหน้า เธอมองเซี่ยฉิงกงพลางกล่าวว่า

 

“เฉินฮ่าวพักผ่อนแล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ กลับไปซะ”

 

แววตาของซิงเหวินจิ้งฉายความไม่พอใจเล็ก ๆ และมีร่องรอยของความรังเกียจเปล่งประกายออกมาอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่แววตาของจางหยูหลานก็เต็มไปด้วยความสะใจ

 

ครั้นมู่จื่อหมิงได้ยินเช่นนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดโดยไม่รู้ตัว

 

“เงียบนะ พูดอย่างนั้นได้ไง ?”

 

“ฮึ”

 

ซิงเหวินจิ้งสบตามู่จื่อหมิง นัยน์ตาของมู่จื่อหมิงเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธ ซิงเหวินจิ้งหุบปากลง และไม่กล้าพูดอะไรต่อ เธอเบือนหน้าหนีพร้อมกับทำเสียง “ฮึ” ใส่อย่างเย็นชา

 

เซี่ยฉิงกงไม่สนใจฟังประโยคเหล่านั้นเลย การทะเลาะกับซิงเหวินจิ้งที่นี่ค่อนข้างเป็นสิ่งไร้เหตุผล เธอมาที่นี่เพื่อพาคนของเธอกลับไม่ใช่เพื่อทะเลาะ

 

พักผ่อนงั้นหรือ ? ระหว่างทางมาที่นี่ เธอได้โทรหาหมอซู ทั้งยังขอให้หมอซูมาที่นี่อีกด้วย อาเจิ้งไม่ใช่คนโกหก การที่มู่เฉินฮ่าวเป็นลมต้องมีสาเหตุ

 

เธอยิ้มน้อย ๆ พลางมองคนทั้งสี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า

 

“ในเมื่อเขาพักผ่อนแล้ว เช่นนั้น…อาเจิ้งพาฉันไปที่ห้องของนายน้อยหน่อย คืนนี้ฉันจะนอนที่นี่ด้วย”

 

“ใครอนุญาตให้เธอพักที่นี่ไม่ทราบ ? อย่าพูดเองเออเองสิ”

 

ซิงเหวินจิ้งอดปากไว้ไม่ไหวอีกต่อไป

 

อาเจิ้งรู้ดีว่าห้องของมู่เฉินฮ่าวอยู่ที่ไหน ส่วนเซี่ยฉิงกงก็ไม่ได้มองซิงเหวินจิ้งเลยด้วยซ้ำ เธอปฏิบัติกับหญิงผู้นี้ไม่ต่างจากอากาศธาตุ เธอให้อาเจิ้งเป็นผู้นำทางออกจากห้องรับแขก

 

ทั้งสี่คนที่เหลือได้แต่นิ่งอึ้งด้วยความประหลาดใจ

 

มู่จื่อหมิงมองตามร่างเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกงไปด้วยสายตาครุ่นคิด เขาอดคิดในใจไม่ได้ว่า : ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจดี ไม่แปลกใจเลยที่เฉินฮ่าวไม่ปฏิเสธ

 

พลันมู่จื่อหมิงก็เห็นแหวนหัวมังกรที่เซี่ยฉิงกงสวมอยู่โดยไม่ตั้งใจ เฉินฮ่าวมอบแหวนวงนี้ให้เธอจริง ๆ หรือนี่ ?

 

ขณะที่ฉีป๋อหยวนคอยจับสังเกต แม้เขาจะไม่ได้พูดอะไร ทว่าในใจของเขาก็ได้แต่คร่ำครวญถึงลูกสาวของตน เธอพบกับคู่แข่งความรักที่น่ากลัวเข้าให้แล้ว !

 

หญิงสาวตรงหน้าเขาคนนี้ดูไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

 

ซิงเหวินจิ้งไม่ได้พูดอะไร หากแต่จางหยูหลานกลับเป็นกังวลมาก

 

จางหยูหลานรู้เรื่องยาของฉีเหยียนเอ๋อมาล่วงหน้าแล้ว หากแต่ไม่กล้าบอกซิงเหวินจิ้ง เพราะจะอย่างไรมู่เฉินฮ่าวก็เป็นลูกชายของซิงเหวินจิ้ง ไม่มีแม่คนไหนยอมเห็นลูกชายถูกวางยา หากซิงเหวินจิ้งรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องไม่พอใจเธอเป็นแน่ และเมื่อนั้นเธอก็จะต้องผิดใจกับซิงเหวินจิ้ง

 

และจากที่คะเนเวลาดู ตอนนี้ยาก็น่าที่จะใกล้ออกฤทธิ์แล้วด้วย

 

หากเซี่ยฉิงกงผ่าเข้าไปในเวลานี้ สิ่งที่พยายามมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า และเมื่อถึงเวลานั้นซิงเหวินจิ้งก็อาจจะพบเบาะแสบางอย่าง

 

และ … หากรู้ว่าลูกสาวของเธอเป็นผู้วางยาปลุกกำหนัดมู่เฉินฮ่าว มันก็จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของลูกสาวเธอมากทีเดียว

 

เพราะท้ายที่สุด คู่หมั้นของมู่เฉินฮ่าวก็คือคุณหนูตระกูลเซี่ย !

 

ด้วยเหตุนี้ จางหยูหลานจึงต้องพยายามหาเหตุผล เพื่อป้องกันไม่ให้เซี่ยฉิงกงทำลายแผนการดี ๆ ของลูกสาวเธอ เธอรีบตะโกนออกมาทันที

 

“เธอไม่ได้รับอนุญาต ที่นี่คือตระกูลมู่ เธอนี่ช่างไม่มีความเกรงอกเกรงใจเอาเสียเลยนะ !”

 

ครั้นได้ยินประโยคเหล่านั้น  เซี่ยฉิงกงพลันชะงัก เธอหันไปมองจางหยูหลาน พลางเอ่ยถามด้วยดวงตาที่สดใสไม่ต่างจากน้ำในฤดูใบไม้ร่วง

 

“คุณเป็นใครมิทราบ ? ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ไปตามคู่หมั้นของฉันงั้นรึ ? ทำไมล่ะ ? ขอเหตุผลหน่อยสิ”

 

มู่จื่อหมิงกล่าวแนะนำว่า “นี่คือคุณผู้หญิงบ้านสกุลฉี”

 

“โอ้ ! ที่แท้ก็คือคุณผู้หญิงบ้านสกุลฉี ก็แล้วเหตุใดคุณผู้หญิงบ้านสกุลฉีถึงเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องราวในตระกูลมู่ล่ะ ฉันจะไปพบคู่หมั้นของฉัน ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณไม่ใช่หรือคะ ?”

 

***จบตอน ใช้สิทธิการเป็นคู่หมั้น***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset