แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 93 สารภาพรักงั้นหรือ ?

ซูเฟยอึ้งไปเล็กน้อย เธอยิ้มจากนั้นก็หยิบกระเป๋ายา และก้าวออกจากห้องไป

 

อาเจิ้งและหมั่นโถวไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง ทั้งคู่รีบแจวอ้าวออกไปทันที

 

“นี่..อย่าเพิ่งไปสิ !”

 

จู่ ๆ เซี่ยฉิงกงก็รู้สึกไม่ดี …

 

แน่นอนว่าคนทั้งสามแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ‘เสียงเรียกขอความช่วยเหลือ’ จากเซี่ยฉิงกง พวกเขาต่างก็รีบผละจากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมามอง

 

ทิ้งกันแบบนี้เลยเหรอ ?

 

ประตูปิดลง

 

ศีรษะเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกงแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

 

ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร เธอก็รู้สึกว่ารอบเอวของเธอถูกโอบรัดจนแน่น ตาสบตา ริมฝีปากของเธอกับเขาสัมผัสกัน

 

แม้ว่าฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดในร่างของมู่เฉินฮ่าวจะถูกทำให้เจือจางลงไปมากแล้ว หากแต่เซี่ยฉิงกงก็ยังรู้สึกได้ว่าเนื้อตัวของมู่เฉินฮ่าวร้อนผ่าว

 

ภายในห้องที่เงียบสงัด เซี่ยฉิงกงสัมผัสได้เพียงเสียงหัวใจของเธอกับเขาที่เต้นระรัวแข่งกัน ตุ้บ ๆ ๆ

 

เขาจูบเธออย่างดุดัน หากแต่เซี่ยฉิงกงกลับค่อนข้างลังเลที่จะผลักเขาออก

 

ทำไมเธอถึงรู้สึกเช่นนี้ คำถามมากมายพรั่งพรูเข้ามาในใจของเธอ

 

เธอไม่ชอบผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่หรือ ?

 

ทำไมเธอถึงเป็นกังวลมาก ทันทีที่ได้ยินว่าเขาสลบไสลอยู่ที่บ้านสกุลมู่

 

หลังจากจูบแล้ว มู่เฉินฮ่าวก็พบว่าคนในอ้อมแขนของเขาไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใด ๆ ครั้นเขาลืมตาขึ้น เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะโมโห หรือขำดี

 

เธอยังคงนิ่งงันอยู่ในความงุนงง ?

 

นี่..ทักษะการจูบของเขาแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ?

 

หลังจากจูบอย่างดูดดื่มลึกล้ำ เซี่ยฉิงกงก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะตื่นจากภวังค์

 

อารมณ์แปลก ๆ แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย เซี่ยฉิงกงรู้สึกราวกับมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบผ่านเข้ามาในสมองของเธอ ร่างของเธอพลันอ่อนระทวยไร้สิ้นเรี่ยวแรงต้านทานใด ๆ

 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอได้มานอนอยู่ในอ้อมแขนของมู่เฉินฮ่าวแล้ว

 

แน่นอน..มู่เฉินฮ่าวเองก็ย่อมต้องการที่จะขึ้นสวรรค์กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ ทว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ตระกูลฉีกล้ามาก กล้าวางยาปลุกเซ็กส์เขาเลยงั้นรึ ?

 

หากเซี่ยฉิงกงไม่รีบมาหาเขา มู่เฉินฮ่าวก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ จะใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ฉีเหยียนเอ๋อ

 

มู่เฉินฮ่าวกอดเซี่ยฉิงกงไม่ปล่อย

 

“เซี่ยฉิงกง บางครั้งผมก็หวังว่าคุณจะยอมทำตามความปรารถนาที่แท้จริงของตัวเอง และไม่ต่อต้านผมสักครั้ง ได้มั้ย ?”

 

เซี่ยฉิงกงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แววตาของเธอแลดูซับซ้อนเล็กน้อย หากแต่ไม่คาดคิด ที่สุดเธอก็พยักหน้ายินยอม

 

“อืม”

 

แม้ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธว่าไม่ชอบ หากแต่ในฐานะบุคคลที่มีความเกี่ยวพัน ความใส่ใจที่มีต่อกันย่อมส่งต่อความรู้สึกถึงกันได้ หากเซี่ยฉิงกงไม่รู้สึกกับเขาเลยแม้สักนิด เธอคงจะไม่รีบเร่งมาในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้

 

“ในเมื่อเราหมั้นกันแล้ว หากเป็นไปได้ ผมก็หวังว่าสัญญาการแต่งงานของเราจะยืนยาวไปตลอดชั่วชีวิตของเรา”

 

น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวสงบเยือกเย็น และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงรู้สึกปลอดภัย

 

มู่เฉินฮ่าวเติบโตในกองทัพตั้งแต่ยังเด็ก เขาถูกพากลับมาที่บ้านสกุลมู่ เมื่อเขาย่างเข้าสู่วัยรุ่น เจ้าบ้านมู่เป็นคนที่มีครบทั้งสามมุมมอง ดังนั้นมู่เฉินฮ่าวจึงไม่เคยให้คำมั่นสัญญาอะไรง่าย ๆ และเมื่อเขาให้คำมั่นสัญญา นั่นย่อมหมายถึงชั่วชีวิต (สามมุมมอง คือ ทัศนคติทางโลก // ทางด้านชีวิต // และคุณค่า หมายถึง หากทำอะไรก็ต้องมองว่าคุ้มค่าไหม ? ส่งผลต่อชีวิตอย่างไร ? และโลกจะมองเราเช่นไร?)

 

หัวใจของเซี่ยฉิงกงเหมือนโดนสึนามิถล่ม เธอได้แต่ตะลึงงัน

 

นี่..มู่เฉินฮ่าวกำลังสารภาพรักกับเธองั้นหรือ ?

 

ช่วงเวลานั้น เซี่ยฉิงกงนอนอยู่ในอ้อมแขนของมู่เฉินฮ่าว เธอไม่รู้ว่าควรต้องพูดอะไรออกไปดี

 

ครั้นเห็นว่าเซี่ยฉิงกงไม่ตอบสนองใด ๆ มู่เฉินฮ่าวก็ถอนหายใจ

 

“ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ฝืนใจคุณ ผมจะรอจนกว่าคุณจะยินยอมพร้อมใจ”

 

“งั้นก็..เก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน… ไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง คุณลุงมู่กับแม่ของคุณรอพวกเราอยู่ที่ห้องนั่งเล่นนานแล้ว ตอนนี้..คุณรู้สึกยังไงบ้าง ?”

 

“อืม..”

 

***จบตอน สารภาพรักงั้นหรือ ?***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset