เมื่ออำนาจอันแข็งแกร่งอย่างไห่รุ่ยกำลังปกป้องเธอ เฉินซิงเยียนจึงค่อยๆ มีความมั่นใจขึ้นมา ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าเฉินเทียนเหาคือคนที่ทำผิด ไม่ใช่เธอ ดังนั้นมันจึงไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องรู้สึกผิด
หลังจากที่ไห่รุ่ยปกป้องเฉินซินเหยียนต่อหน้าทุกคน การซุบซิบนินทาภายในวงการก็ลดลง แม้บางคนจะอยากสู่รู้ พวกเขาก็ไม่กล้าถกเถียงประเด็นนี้ในที่สาธารณะอีกแล้ว
เฉินซิงเยียนเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เหมาะสมกับตัวตนใหม่ของเธอ หญิงสาวเรียนรู้ที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพราะเธอตระหนักแล้วว่าการมีพื้นหลังที่ดีนั้นช่วยให้เธอปกป้องผู้คนรอบๆ ตัวเธอได้
ไม่นานหลังจากนั้น ไห่รุ่ยก็ปล่อยคำแถลงการณ์เพื่อชี้แจงเรื่องราวทั้งหมด พวกเขาอธิบายว่าพ่อของเฉินซิงเยียนหายตัวไปตั้งแต่อายุได้หกขวบ แต่เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง พ่อของเธอกลับขอเงินจากเธอ ไม่สิ พูดให้ถูกคือเขากลับมาหลอกเอาเงินจากเธอต่างหาก!
เฉินเทียนเหานั้นมีลูกชายที่ป่วยอย่างสาหัสอยู่จริงๆ ดังนั้นหลังจากที่อันจื่อเฮ่าและไห่รุ่ยช่วยกันเปิดเผยหลักฐานทั้งหมดแล้ว ผู้คนจึงเริ่มรู้สึกเห็นใจเฉินซิงเยียน
ขณะเดียวกัน ผู้คนในวงการก็อดไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพตัวเองที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเธอ หากไม่ใช่เพราะไห่รุ่ย ชีวิตเฉินซิงเยียนคงถูกทำลายเพราะพ่อตัวแสบของเธอไปแล้ว การเป็นศิลปินนั้นไม่ได้สวยหรูอย่างที่โลกภายนอกเห็น มีหลายกรณีที่ครอบครัวของตัวศิลปินเองได้กลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจบนทางเดินสู่ดวงดาวของพวกเขา
ดังนั้นเพื่อนหลายๆ คนของเธอจึงอดไม่ได้ที่จะแสดงการสนับสนุนเธอ “ว่ากันตามตรงแล้ว ถ้าจะโทษใครเรื่องนี้ละก็ คนคนนั้นต้องไม่ใช่เฉินซิงเยียนล่ะนะ”
“การมีฆาตกรเป็นพ่อมันไม่ใช่เรื่องสวยหรูอย่างแน่นอน แต่การมีนายใหญ่เป็นพี่ชายคนโตนั้นต้องทำให้ชีวิตของเธอสมบูรณ์ขึ้นมากแน่”
“ด้วยการปกป้องจากไห่รุ่ย เฉินซิงเยียนจะต้องข้ามผ่านอุปสรรคนี้ไปได้อย่างแน่นอน ฉันคิดว่าตอนนี้ทุกคนควรจะเลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้วนะ”
ในตอนท้าย ไห่รุ่ยก็จ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่สมาชิกครอบครัวของเหยื่อ ทว่านั่นไม่ได้รวมถึงสมาชิกครอบครัวที่บังคับให้เฉินซิงเยียนคุกเข่าและเรียกร้องเงินจากเธอ
ไห่รุ่ยอยากจะเตือนไม่ให้ทุกคนเล่นแง่ต่อหน้าราชาแห่งวงการบันเทิง เพราะโม่ถิงไม่ได้จ้างทนายความของเขาไว้เปล่าๆ
ที่สำคัญที่สุดของจุดยืนของโม่ถิง
นักข่าวคนหนึ่งหยุดโม่ถิงระหว่างที่เขากำลังเดินอยู่แล้วขอให้เขาแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ชายหนุ่มตอบกลับไปเพียงแค่ว่า “ผมคิดว่ามุมมองของผมชัดเจนด้วยการกระทำของไห่รุ่ยครับ แม้นามสกุลของเฉินซิงเยียนจะเป็นเฉิน เธอก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลโม่ ผมหวังว่าพวกคุณทุกคนจะจดจำเรื่องนี้เอาไว้และไม่มีวันลืมมันไป”
ทันทีที่โม่ถิงพูด คำพูดของเขานั้นมีความหมายมากกว่าคำพูดเป็นพันๆ คำที่ร้อยเรียงกันมา
ถึงใครจะไม่พอใจกับคำพูดนี้ ก็ต้องขอโทษที พวกเขาต้องทนเอา
พี่ชายที่เป็นเช่นนี้นั้นเท่และทรงอำนาจ คำพูดของเขาทำให้หนทางของเฉินซิงเยียนราบรื่นขึ้นมากมายนัก
…
“ปีนี้มีพิธีมอบรางวัลอยู่หลายงานและก็มีออแกไนเซอร์หลายเจ้าที่ส่งคำเชิญมาให้เธอ มีงานไหนที่เธออยากไปร่วมเป็นพิเศษไหม” อันจื่อเฮ่าและเฉินซิงเยียนเพิ่งย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆ กับไฮแอทรีเจนซี่ แม้จะเทียบกับละแวกสำหรับคนรวยและมีอำนาจไม่ได้ แต่ก็ยังอยู่ในเครือไฮแอท ดังนั้นมันจึงปลอดภัยกว่าละแวกอื่นๆ
“ฉันอยากเจอเฉินเทียนเหา” เฉินซิงเยียนพลันพูดแกมขอร้องกับอันจื่อเฮ่า
อันจื่อเฮ่าเข้าใจว่ายังมีเรื่องที่รบกวนใจเฉินซิงเยียนอยู่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เฉินเทียนเหาไปอยู่ที่ไหนและทำไมเขาถึงจากไป นี่คงเป็นคำถามบางส่วนที่เธอต้องการคำตอบ
ดังนั้นหลังจากเงียบกันอยู่ชั่วครู่ อันจื่อเฮ่าก็พยักหน้า “ฉันจะเตรียมการให้เอง”
“ขอบคุณนะจื่อเฮ่า”
แม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความช่วยเหลือจากไห่รุ่ย เฉินซิงเยียนก็จัดการปลีกตัวออกจากปัญหาที่เฉินเทียนเหาก่อเอาไว้ ดังนั้นสื่อมวลชนจึงไม่กล้าดึงเธอเข้าไปผสมโรงด้วยอีกและเปลี่ยนไปสนใจเรื่องอื่นแทน แต่แน่นอนว่าเรื่องราวของเฉินเทียนเหานั้นยังคงดึงดูดความสนใจคนในปักกิ่งได้อย่างมากมายเช่นเดิม
เพราะถึงอย่างไร มันก็เป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่และเฉินเทียนเหาก็ไม่มีทางหนีโทษประหารไปได้
ในคืนที่เฉินซิงเยียนจะเข้าไปที่เรือนจำ หญิงสาวมีงานอีเวนต์ที่ต้องไปเข้าร่วมด้วย เดิมทีหญิงสาวรู้สึกแย่และโกรธเกรี้ยว แต่หลังจากได้พบกับเฉินเทียนเหา ความรู้สึกทั้งหมดนั้นก็หายไป
ขณะที่อยู่ห่างกันเพียงแค่กระจกกั้น เฉินซิงเยียนนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทว่าเฉินเทียนเหาตัวสั่นพลางอ้อนวอน “ซิงเหยียน ช่วยพ่อด้วย”
ในตอนนั้น เฉินซิงเยียนรู้สึกว่าไม่ว่าชายคนนี้จะมีความลับอะไร ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
“พี่ชายฉันช่วยชดเชยให้กับคนที่คุณทำร้ายแล้ว ส่วนลูกชายที่กำลังป่วยหนักของคุณก็กำลังได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์อยู่เช่นกัน แต่เขาจะถูกส่งตัวไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลังจากที่รักษาตัวเสร็จ ส่วนคุณน่ะ ก็สมควรจะตายอยู่แล้วนี่ ว่าไหม”
“ฉันเป็นพ่อเธอนะ ใจจืดใจดำกันแบบนี้ได้ยังไง”
“รอความตายของคุณไปเถอะค่ะ เฉินเทียนเหา ทีแรกฉันอยากจะถามว่าทำไมคุณถึงทิ้งแม่กับฉัน แต่หลังจากได้เห็นหน้าคุณแล้ว ฉันก็รู้สึกขอบคุณที่คุณทิ้งพวกเราไป เพราะนั่นคือการปล่อยให้พวกเราได้เป็นอิสระยังไงล่ะ”
“ซิงเหยียน ฟังพ่อนะ อย่าไป…”
ทว่าเฉินซิงเยียนกลับรู้สึกว่าเธอไม่มีอะไรจะพูดกับชายคนนี้อีก
ดังนั้นหญิงสาวจึงกระแทกโทรศัพท์ลงกับแท่นวาง
ผู้คนพูดกันอยู่บ่อยๆ ว่าครอบครัวนั้นควรจะให้อภัยกันได้เสมอ เพราะหลังจากที่พวกเขาตายไป พวกเขาก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ทว่าเฉินซิงเยียนก็ยังเลือกที่จะไม่ให้อภัยเขา
เฉินเทียนเหามองเฉินซิงเยียนด้วยความสิ้นหวัง เธอคือความหวังเดียวของเขา เขาคิดว่าเธอจะไม่สามารถทนดูเขาถูกตัดสินโทษประหารด้วยการยิงเป้าได้ แต่ว่า…
…เฉินซิงเยียนนั้นลุกขึ้นแล้วเดินจากไปจริงๆ …
“ลูกสาวพ่อ…ซิงเหยียน…ลูกทิ้งพ่อไปแบบนี้ไม่ได้นะ
ซิงเหยียน…
พ่อผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ พ่อไม่ควรเล่นยาและดื่มเหล้าเลย ซิงเหยียน ช่วยพ่อด้วย”
…
ระหว่างทางกลับบ้าน อันจื่อเฮ่ากุมมือเฉินซิงเยียนเอาไว้ด้วยความกลัวว่าเธอจะหนาว “ยังอารมณ์เสียอยู่เหรอ”
“การคิดถึงเรื่องที่เขากำลังจะตายมันน่าอารมณ์เสียอยู่แล้วล่ะ แต่…เขาก็สมควรได้รับมัน” เฉินซิงเยียนตอบด้วยความจริงจัง จากนั้นหญิงสาวก็สูดหายใจเข้าลึกและดึงสติกลับมา “อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปแล้ว ฉันต้องกลับไปเป็นปกติ ฉันไม่อยากให้เหตุการณ์อย่างนี้มาทำร้ายแม่กับฉันอีก”
“ตอนนี้เธอคือเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของไห่รุ่ยแล้วนะ” อันจื่อเฮ่าผลักหัวของเฉินซิงเยียนเบาๆ “เลิกทำตัวเป็นเด็กๆ ได้แล้ว จดจ่อกับเรื่องการแสดงให้ดีแล้วเดินตามทางของเธอเถอะ”
เฉินซิงเยียนกลับบ้านมาพร้อมรางวัลเล็กๆ ของปีนั้นด้วยความประหลาดใจ แม้มันจะไม่ใช่รางวัลใหญ่โต แต่มีนักแสดงคนไหนบ้างล่ะที่ไม่ได้เริ่มจากจุดเล็กๆ แล้วค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้นไป
แน่นอนว่าถังหนิงนั้นเป็นข้อยกเว้น
เมื่อเห็นเฉินซิงเยียนมีความสุข อันจื่อเฮ่าเองก็เริ่มรู้สึกมีความสุขเช่นกัน เธอมีความสุขแม้เธอจะไม่เคยคิดถึงรางวัลใหญ่ๆ เลยก็ตาม
“ในอนาคต ฉันจะชนะรางวัลให้ได้เยอะๆ เลย”
“ไหนๆ ก็คุยเรื่องนี้กันแล้ว พิธีมอบรางวัลเฟยเทียนได้เริ่มเปิดโหวตรางวัลสาขา ‘ละครเรื่องโปรดของผู้ชม’ แล้วนะ ถ้ามีเวลา เธอควรรวบรวมแฟนคลับของตัวเองแล้วบอกให้พวกเขาโหวตให้ ‘หวงเฟยยอดสตรี’ ของถังหนิงด้วย”
“พี่หนิงไม่จำเป็นต้องใช้แฟนคลับของฉันหรอกค่ะ” เฉินซิงเยียนนั้นช่างสังเกต แม้จะยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าใครจะได้รางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม แต่ถังหนิงไม่มีทางปล่อยรางวัลสาขา ‘ยอดนิยม’ ไปแน่
แม้มันจะไม่ได้สำคัญต่อใจของเธอเท่าไหร่ก็ตามที
‘ผู้รอดชีพ’ กำลังจะเริ่มถ่ายทำและถังหนิงก็จดจ่ออยู่กับภาพยนตร์เรื่องนี้ ทว่าช่วงนี้กั่วกั่วกลับเริ่มป่วยบ่อยขึ้น…