รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 747 ขอร้องคนอื่นไม่สู้ขอร้องตนเอง

บทที่ 747 ขอร้องคนอื่นไม่สู้ขอร้องตนเอง
ภายในห้องทำงานเงียบมาก มีเพียงเสียงพลิกหน้ากระดาษเป็นครั้งคราวเท่านั้น ทำให้คนรู้สึกว่าชายวัยกลางคนร่างท้วมคนนี้ดูเหมือนจะตั้งใจเป็นอย่างมาก ทำให้คนนับถือ!
บนโต๊ะทำงานของชายวัยกลางคนร่างท้วม มีป้ายชื่อวางเอาไว้ ด้านบนนั้นสลักชื่อของชายวัยกลางคนเอาไว้—-หวงเจิ้งฟา!
อย่างชัดเจน ชายวัยกลางคนร่างท้วมคนนี้คือหวงเจิ้งฟา
ความเป็นจริงก็เป็นแบบนี้ คนๆนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือรองคณบดีโรงพยาบาลประชาชนอันดับที่หนึ่ง รองคณบดี และในเวลาเดียวกันก็เป็นผู้อำนวยการแพทย์ของโรงพยาบาล!
ติ๊งติ๊ง
เสียงสั่นดังขึ้น ทำลายความเงียบในห้องทำงาน ที่แท้ก็เป็นเพราะโทรศัพท์บนโต๊ะสั่นนั่นเอง
หวงเจิ้งหารีบหยิบโทรศัพท์ออกมา ตอนที่เขาเห็นชื่อที่หน้าจอโทรศัพท์ มุมปากของเขา กระตุกยิ้มขึ้นมาก อย่างช้าๆ องศาของมุมปากขยายใหญ่ขึ้น สุดท้าย เป็นรอยยิ้มที่เคล้าไปด้วยความชั่วร้าย เผยอยู่บนใบหน้าเขา
ทันใดนั้นเอง ท่าทีที่ดูเรียบร้อยมีมารยาทของเขา ถูกทำลายลงเพราะรอยยิ้มเหลาะแหละ
หวงเจิ้งฟาในตอนนี้ เหมือนกับพวกอันธพาลที่เห็นผู้หญิงใส่กระโปรงสั้นแล้วแกล้งก้มตัวลงผูกเชือกรองเท้า เพื่อมองผู้หญิงพวกนั้น สีหน้าของพวกเขา ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะขนหัวลุก
สมแล้วที่เป็นอันธพาลแก่จึงได้เผยรอยยิ้มชั่วร้าย คนที่ไม่มีใครรู้สึกว่าไม่เหมาะสม อย่างมากก็แค่ด่าว่าเป็นอันธพาลแก่ ไร้ยางอาย แค่นี้เท่านั้น
เพราะทุกคนต่างรู้ดี อันธพาลแก่ ไร้ยางอายอยู่แล้ว สิ่งที่ทำก็มีแต่เรื่องหน้าไม่อาย คนเราเคยชินไปนานแล้ว เพราะกลายเป็นเรื่องปกติแล้ว
ชายแก่ขี้โกง อันธพาลแก่แบบนี้ ขอแค่คุณไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขา คอยเดินหลีกเลี่ยง ก็จะไม่เป็นอะไร และก็จะไม่มีเรื่องยุ่งยากมาสู่ตัว และยิ่งไม่มีวันส่งผลกระทบไม่ดีต่อตน อย่างมากก็แค่รู้สึกสะอิดสะเอียนก็เท่านั้น
ทว่า บนใบหน้าของผู้อำนวยการแพทย์คนนี้ เผยรอยยิ้มชั่วร้าย ทำให้คนรู้สึกขนหัวลุก
คนแบบนี้ ยังเป็นถึงแพทย์เนี่ยนะ!
ทั้งยังเป็นผู้อำนวยการแพทย์อีกด้วย!
เมื่อครู่ที่ผ่านมา ใบหน้าของเขายังเคลือบไปด้วยผู้มีความรู้ เวลาอ่านหนังสือก็ตั้งใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังจดบันทึกเป็นครั้งคราว ตั้งใจเสียกว่าเด็กนักเรียนที่กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ความแตกต่างระหว่างหน้าหลัง รวมถึงรอยยิ้มที่ไม่เหมาะกับตัวตนของคนๆนี้ ทำให้คนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว!
ใครยังจะกล้ารักษากับหมอแบบนี้!
แต่ว่า ถ้าหากไม่สบาย ก็ไม่รักษาไม่ได้
อันธพาลแก่ ชายแก่ขี้โกงบนท้องถนน เวลาเห็นยังสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ว่า คนไข้ที่ไหนจะกล้าหลบหมอ?
มีใครเคยเห็นเพราะคนไข้กลัวหมอจึงไม่เข้ารับการรักษาบ้าง?
นั่นเป็นการหาเรื่องชีวิตตนเองไม่ใช่เหรอ?
ดังนั้น พบเจอหมอที่บนใบหน้ามีรอยยิ้มแบบนี้ เชื่อว่าไม่มีคนไข้คนไหนไม่รู้สึกกลัว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นกะทันหัน สีหน้าของหวงเจิ้งฟาเคร่งขรึม หลังจากนั้น สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นคนเรียบร้อยมีมารยาทอีกครั้ง พูดเสียงเรียบ:“เข้ามา!”
ประตูถูกเปิดเข้ามา ชายวัยกลางคนไว้ผมแสกกลางเดินเข้ามา ผู้ชายคนนี้นอบน้อมถ่อมตน ใบหน้าเคล้าไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจง เหมือนคนทรยศในอดีต
“พี่เขย!” ชายผมแสกกลางยิ้มประจบ ร้องเรียกด้วยความสนิทสนมอย่างที่สุด
ทว่าหวงเจิ้งฟากลับทำหน้านิ่ง:“บอกนายกี่ครั้งแล้ว โรงพยาบาลเป็นที่สาธารณะ อยู่ในโรงพยาบาลห้ามเรียกฉันว่าพี่ชาย ต้องเรียกตำแหน่งฉัน!”
“ครับๆๆ คณบดี!” ชายผมแสกกลางรีบร้องเรียก
“รองคณบดี!”หวงเจิ้งฟาพูดแก้ไขให้ถูกต้อง “หลังจากนี้ห้ามเรียกผิดอีก ไม่อย่างนั้น เป็นข่าวลือออกไปจะส่งผลกระทบไม่ดีเอาได้ จำขึ้นใจหรือยัง?”
“คณบดี คำพูดนี้ของคุณผมไม่เห็นด้วยนะครับ”
ชายผมแสกกลางทำหน้าตาน่าสงสาร พูดด้วยความโมโห:“ถ้าจะพูดถึงคณบดี การศึกษาสูง ทำงานมานาน ทั้งยังมีประสบการณ์การแพทย์มานานกว่ายี่สิบปี แพทย์ที่มีชื่อเสียงในประเทศล้วนพูดถึงวิทยานิพนธ์และผลงานของคุณ อีกทั้งคุณยังเขียนหนังสือด้านการแพทย์ออกมาหลายเล่ม แสดงถึงความกระตือรือร้นของคุณออกมาอย่างล้นหลาม คุณเป็นคณบดี นั่นยังไม่อาจแสดงความสามารถออกมาได้เต็มที่เลยครับ!”
คำพูดนี้ พูดจนหวงเจิ้งฟาอดยิ้มไม่ได้ เขาผายมือ แล้วพูด:“พอแล้ว หม่าเต๋อ นายพูดเกินไปแล้ว ถึงแม้จุดเริ่มต้นของฉันจะดี ใจฉันก็ดี แต่หนังสือที่เขียนไปจะมีประโยชน์มากแค่ไหน พวกเราไม่สามารถรู้ได้”
ที่แท้ ชายผมแทรกกลางไม่ใช่ใครอื่น เขาคือผู้อำนวยการแผนกของโรงพยาบาล หม่าเต๋อ
ได้ฟังคำพูดของหวงเจิ้งฟา หม่าเต๋อรีบพูดขึ้นทันที:“คณบดีครับ ผมพูดความจริงนะครับ เรื่องอื่นผมไม่รู้ แต่หมออายุน้อยในโรงพยาบาลของเรา มีใครบ้างที่ไม่มีหนังสือของคุณ ศึกษาทั้งวันด้วยความเหน็ดเหนื่อย?”
“ฮ่าๆๆ….สามารถทำอะไรเล็กน้อยเผื่อคนหนุ่มสาว นั่นเป็นสิ่งที่คนแก่อย่างพวกเราควรทำ!”หวงเจิ้งฟาผายมือ พูดด้วยความพอใจ
ไอ้เหี้ยเอ้ย คิดว่าตัวเองเป็นไฟส่องสว่างข้างถนนจริงๆเหรอ? หน้าไม่อายจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะกูใช้เส้นสายช่วยมึง หมอวัยรุ่นพวกนั้น มีใครบ้างที่จะยอมซื้อหนังสือเหี้ยๆของมึง?
ถามคนทั้งโรงพยาบาลดูสิว่ามีใครไม่รู้บ้าง วิทยานิพนธ์ของมึงนักศึกษาปริญญาเอกที่มาฝึกงานที่นี่เป็นคนเขียนทั้งหมด? ธงพวกนั้นก็ลอบสั่งให้คนแกล้งเป็นคนไข้แล้วเอามาให้!
แค่ไม่มีคนกล้าพูดเท่านั้น!
หม่าเต๋อด่าในใจ ทว่ากลับพูดประจบและยิ้มแห้งๆ:“คณบดี คุณยังไม่แก่แม้แต่น้อย เมื่อหลายวันก่อนผมก็เพิ่งได้เจอพี่สาว หน้าของเธออมชมพูมีเลือดฝาก ต้องเป็นเพราะพี่เขยให้ความชุ่มฉ่ำ และให้การดูแลเป็นอย่างดีแน่นอนครับ พี่เขยแก่ตรงไหน?”
“ฮ่าๆๆ……” คำพูดนี้ทำให้หวงเจิ้งฟาหัวเราะเสียงดัง ภูมิใจเป็นอย่างมาก “หม่าเต๋อ นายพูดไม่ผิดเลยจริงๆ พวกเราเป็นหมอ สิ่งแรกที่ต้องทำคือดูแลสุขภาพของตนเองให้ดี สุขภาพร่างกายของตนเองแข็งแรงแล้ว จึงจะสามารถรักษาคนไข้ได้ และทำให้คนไข้ยิ่งมีความไว้วางใจใช่ไหม?”
หม่าเต๋อด่าในใจ ทว่ากลับพูดออกไป:“พี่เขย……อ่อ ไม่สิ คณบดีพูดถูกครับ คำพูดของคณบดี ผมจะเผยแพร่ออกไปแน่นอนครับ”
“อื้ม จำเอาไว้ว่าอย่าเอิกเกริกจนเกินไป! มีเวลาละก็ นายสามารถจัดเรียงคำพูดของฉัน!” หวงเจิ้งฟาพูดอย่างไม่มียางอาย แล้วเขาก็ถามขึ้น:“นายมาหาฉัน มีธุระอะไรรึเปล่า?”
หม่าเต๋อรีบพูดทันที:“คณบดี เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ วันนี้ฉินหลั่งโทรศัพท์มาหาผม เขาบอกว่าจะมาเยี่ยมผม แต่ผมปฏิเสธไปแล้ว……คนในแผนกก็ได้บอกเอาไว้หมดแล้ว วันนี้นามสกุลฉินโดนปฏิเสธจนกระอักกระอ่วนไปเลยครับ ฮ่าๆๆ……”
“อื้ม ทำดีมาก ทำแบบนี้แหละ แต่จำเอาไว้ อย่าให้เขาจับจุดอ่อนของเราได้ จำขึ้นใจรึยัง?” หวงเจิ้งฟาพยักหน้าด้วยความพอใจ
“คณบดี คุณวางใจเถอะครับ ผมรู้ว่าควรทำยังไง!”หม่าเต๋อพูดอย่างประจบประแจง จากนั้นเขาลังเลเล็กน้อย “เพียงแต่……”
“เพียงแต่อะไร?!”หวงเจิ้งฟาเอ่ยถาม
“คณบดีดูสิครับ เรื่องนี้คุณชายหลงเป็นคนแนะนำมา พวกเราทำแบบนี้ แล้วถ้าคุณชายหลงทราบเรื่องเข้า เขาจะไม่มีปัญหากับคุณเหรอครับ? พวกผมถูกเขาจัดการก็ไม่เป็นไร ขอแค่มีคณบดีอยู่ด้วย พวกผมต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน แต่ว่า ถ้าเขาหาเรื่องคณบดี……”
“วางใจเถอะ เรื่องนี้ฉันคิดเอาไว้แล้วว่าควรทำยังไง ต่อให้เขาหลงเหลยจะมีความสามารถมากแค่ไหน ก็อย่าคิดจะย้ายฉันไปได้ง่ายๆ ฉันมีคนคอยสนับสนุน……” หวงเจิ้งฟาพูดเสียงเหี้ยม
“ครับๆๆ คณบดีพูดถูกครับ!”หม่าเต๋อรีบพยักหน้าทันที แล้วพูด:“พี่เขยครับ ผมที่เป็นผู้อำนวยการแผนก งานน้อยไปหน่อย ผู้อำนวยการแผนกจัดซื้อเหมือนจะครบวาระแล้ว พี่ว่า……”
“อืม ฉันจะพิจารณา”หวงเจิ้งฟาพยักหน้าเล็กน้อย
ให้ตายสิ พูดถึงเรื่องจริงจังทีไรก็แกล้งทำเป็นมึนงงตลอด ดูท่าต้องให้พี่สาวจัดการสักหน่อยแล้ว
หม่าเต๋อรีบพูดทันที:“ได้ครับ คณบดีคุณทำงานก่อนเลยครับ ผมขอตัวก่อน……”
……
“อะไรนะ นายจะจัดการประชุมเปิดรับผู้สนับสนุนการลงทุน?”
ภายในห้องทำงานของผู้จัดการโรงงานผลิตยาฉินซื่อ หานจงมองฉินหลั่งด้วยความแปลกใจ ถามด้วยความสงสัย
ฉินหลั่งพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้มแล้วพูด:“ถูกต้อง ฉันต้องการจัดการประชุมเปิดรับผู้สนับสนุนการลงทุน พูดให้ถูกต้องก็คือ ไม่ถือว่าเป็นการหาผู้ร่วมลงทุน เพียงแต่เชิญตัวแทนจำหน่ายของโรงงานผลิตยาฉินซื่อมา ในเวลาเดียวกันก็เชิญตัวแทนจำหน่ายคนอื่นๆที่มีความสนใจและน่าเชื่อถือ ให้พวกเขาซื้อ“slim beauty”ของเรา ส่งเสริมการขายผ่านช่องทางนี้ ไม่ส่งเสริมการขายผ่านโรงพยาบาลแล้ว”
หานจงคือคนที่ฉิวกงเฉิงแนะนำมา แน่นอนว่าฉินหลั่งไว้ใจได้ อีกทั้งหานจงคนนี้ยังทำงานด้วยความตั้งใจ มีความคิดเป็นของตัวเอง ฉินหลั่งคิดว่ารอให้เรื่องในโรงงานผลิตยาฉินซื่อลงตัวก่อน เขาก็จะให้หานจงเป็นคนบริหารจัดการ ส่วนตนก็จะไม่สนใจเรื่องทางโลกแล้ว มุ่งเน้นไปกับการเป็นเซียนและบำเพ็ญเพียร
ทำไมฉินหลั่งถึงจัดการประชุมเปิดรับผู้สนับสนุนการลงทุนล่ะ!

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset