รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 728 กระทำการโดยไม่แบ่งแยกความสำคัญ

บทที่ 728 กระทำการโดยไม่แบ่งแยกความสำคัญ
“จ้างจ้าง นายใจเย็นหน่อย หากไม่มีโอกาสที่เหมาะสมจริง ๆ ห้ามลงมือกระทำการใด ๆ เป็นอันขาด! ”
หยางสิ้นเค่อกล่าวเตือนหยางจ้างกั๋ว: “อย่าคิดหาทางที่จะจัดการฉินหลั่งในช่วงเวลานี้ บริษัทตระกูลหยางของพวกเราในตอนนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากลำบาก นายต้องทำใจให้เย็นเข้าไว้เพื่อมาจัดการสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ สิ่งสำคัญลำดับแรกคือต้องทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตระกูลหยางมีบทสรุปจบลงด้วยดี”
“ถ้าหากยังคงยุ่งวุ่นวายต่อไป สถานการณ์จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นจะยากต่อการแก้ไขจัดการ”
เขาตักเตือนหยางจ้างกั๋วว่า: “การกระทำเรื่องใดก็ตาม ต้องแบ่งแยกจัดลำดับ ไม่ใช่ที่จะหลับหูหลับตาทำโดยไม่แบ่งแยกลำดับความสำคัญให้ชัดเจน”
“ลุงสี่ ท่านวางใจได้ ฉันจะรีบไปจัดการเรื่องของบริษัทให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้”
ขณะที่พูดหยางจ้างกั๋วก็หยิบโทรศัพท์ออกมา: “ขอเวลามากสุดสามวัน เรื่องราวทั้งหมดจะสงบลง”
หยางสิ้นเค่อเห็นว่าหลานชายมีความมั่นใจขนาดนี้ ก็พยักหน้า แล้วเอามือไขว้หลังเดินออกจากบริษัทตระกูลหยางไป
เมื่อหยางสิ้นเค่อจากไป หยางจ้างกั๋วก็โทรศัพท์ไปหาคนผู้หนึ่ง
“สวัสดี คุณชายหยาง” เสียงผู้หญิงอันไพเราะพูดขึ้น
“เหอะเหอะ สมแล้วที่เป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจาง ครู่เดียวก็สามารถที่จะทายเสียงของฉันได้ถูกต้อง” หยางจ้างกั๋วพูดด้วยน้ำเสียงที่หยอกล้อ: “เก่งยอดเยี่ยม มองดูแล้วคุณน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดของการเป็นผู้สืบทอดของตระกูลจาง จางฉีเซินเทียบกับคุณไม่ได้จริง ๆ ”
จางหย่าร่อยิ้ม และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน: “คุณชายหยาง ไม่ทราบว่าคุณโทรศัพท์มาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ? ”
“เรามาร่วมมือทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกัน สถานการณ์ของตระกูลหยางในตอนนี้ คุณน่าจะรับรู้อย่างชัดเจนกว่าผู้อื่นแน่นอน”
หยางจ้างกั๋วพูดออกมาตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม
ด้านจางหย่าร่อนั้นยังสงบเงียบ: “ได้ยินมาบ้างเล็กน้อย แต่สำหรับคุณชายหยางแล้ว มันคงเป็นแค่เพียงเรื่องจิ๊บจ๊อย ตระกูลหยางประกอบธุรกิจมานานหลายปี คงไม่ส่งผลกระทบอย่างหนักเป็นแน่ คุณชายหยาง ฉันคิดว่าคุณคงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่นักหรอก”
“อย่าพูดแบบนั้น” หยางจ้างกั๋วรีบชิงจังหวะควบคุมการพูด: “ฉันต้องการให้ปัญหาเล็กน้อยเหล่านี้จบลง ภายในช่วงระยะเวลาอันสั้น”
“ฉันจำเป็นที่จะขอให้คุณจางช่วยจัดการเรื่องหนึ่ง ช่วยเสาะหาผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้ได้ จากนั้นหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามเพื่อที่จะลงมือจัดการ ภายในเวลาที่สั้นและรวดเร็วที่สุด”
“แน่นอน ฉันไม่ได้ให้คุณทำฟรี ๆ ฉันรับประกันว่า เมื่อเสร็จงาน คุณสามารถขึ้นมาแทนจางฉีเซิน ฉันจะสนับสนุนคุณในทุกด้านอย่างเต็มที่ สนับสนุนให้คุณขึ้นมาเป็นผู้นำสำคัญของตระกูลจางให้ได้ในที่สุด”
“คุณจาง คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง? ”
หยางจ้างกั๋วพูดด้วยน้ำเสียงทั่วไป แต่แฝงไปด้วยความแน่วแน่หนักแน่นอย่างไม่ต้องสงสัย
ฝ่ายโทรศัพท์ทางนั้นไม่ได้ตอบกลับในทันที คงกำลังจะครุ่นคิด เก็บเงียบ เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ทางหยางจ้างกั๋วรู้สึกกระวนกระวายใจแล้ว ขณะนั้นจางหย่าร่อก็ได้พูดขึ้น: “ขออภัยด้วย ข้อตกลงแลกเปลี่ยนนี้ของคุณชายหยาง ฉันไม่เห็นด้วย”
ฟุบ โทรศัพท์ได้ตัดสายไปแล้ว
“คุณหนูใหญ่ หยางจ้างกั๋วโทรมาอีกแล้วเหรอ? ” พวกบอดี้การ์ดต่างห้อมล้อมจางหย่าร่อแล้วเดินลงไปที่ชั้นหนึ่ง ส่วนจางเวิ่นต้าวก็วิ่งเหยาะ ๆ ตามสอบถามจางหย่าร่อ
ดวงตาข้างหนึ่งของจางเวิ่นต้าวได้รับบาดเจ็บจากการที่ถูกฉินหลั่งทำร้าย แม้ว่าจะไม่เปลี่ยนสภาพ ไม่ถึงกับตาบอด แต่ส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการมองเห็นอย่างมาก ซึ่งจางหย่าร่อก็ยังคงใช้งานเขาเหมือนเดิม ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรจากเมื่อก่อน
จางหย่าร่อได้ยินดังนั้น ก็เอาโทรศัพท์โอบไว้ที่หน้าอกและพูดว่า: “ใช่เลย คือเขาที่โทรศัพท์มาหา”
จางหย่าร่อขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ตอนนี้ตระกูลหยางยุ่งยากวุ่นวายไปหมด หากตอนนี้พวกเขายังคิดจะมาเป็นศัตรูกับพวกเราคงจะโง่เขลามิใช่น้อย? ”
ความบ้าคลั่งของหยางจ้างกั๋ว จางหย่าร่อเข้าใจเป็นอย่างดี แต่ในช่วงสถานการณ์แบบนี้ หยางจ้างกั๋วคงไม่ต้องการที่จะสร้างศัตรูเพิ่มขึ้นหรอก
“ตอนนี้ตระกูลหยางมีความกดดันหนักมาก หยางจ้างกั๋วพยายามที่จะหาทางลากฉันเข้าไปอยู่ในปัญหาความวุ่นวายของพวกเขาด้วย ซึ่งนี่คือแผนการที่อยู่ในใจของเขาในตอนนี้”
“เป็นเพราะว่าเบื้องหลังมีศัตรูจำนวนมากที่กำลังใส่ไฟคอยผสมโรงเรื่องเลวร้าย ตระกูลหยางคงจะทุกข์ทรมานอย่างหนักแน่นอน”
“ถ้าหากอาศัยบารมีความสามารถของพวกเรา ก็จะสามารถช่วยข่มขู่ยับยั้งพวกศัตรูที่มีแผนการสกปรกได้พวกหนึ่ง แต่ต่อให้ผ่านไปอีกสิบวันยี่สิบวันก็คงจะไม่สามารถแก้ไขจัดการปัญหาของตนเองได้อย่างแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้น ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถ้าหากชักชวนพวกเราร่วมพวกไม่ได้ เขาก็ไม่สนใจว่าจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง สำหรับเขาแล้ว ศัตรูเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ยิ่งกว่านั้นฉันจางหย่าร่อเดิมทีก็เป็นหนึ่งในศัตรูที่เขาต้องการจะจัดการอยู่แล้ว”
ขณะที่พูด จางหย่าร่อก็เล่นกระสุนปืนอะลูมิเนียมอยู่ในมือของตนด้วย ความรู้สึกเย็นของกระสุนปืนกลับทำให้เธอนั้นมีอารมณ์ที่สงบใจเย็นลงได้โดยพลัน
เมื่อครู่นี้ หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ลง กระสุนปืนหนึ่งนัดยิงตรงเข้ามาที่กระจกห้องทำงานของจางหย่าร่อ สร้างความตกใจให้กับบอดี้การ์ดทั้งตึกอาคาร
จางหย่าร่อคาดเดาว่า คงจะเป็นหยางจ้างกั๋วที่สั่งคนมายิงอย่างแน่นอน
“คุณหนู ตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรดี? ” จางเวิ่นต้าวสอบถาม
“หยางจ้างกั๋วเป็นคนที่หยาบช้าโหดเหี้ยม เวลาทั่วไปจะมีท่าทางกิริยาที่สง่าผ่าเผย แต่ผู้ที่รู้จักและเข้าใจเขาจะทราบดีว่า คนผู้นี้เป็นคนบ้า หากทำให้เขาโมโห เขาก็กล้าที่จะทำในทุกเรื่อง”
จางเวิ่นต้าวพูดด้วยอาการที่แสดงถึงความกังวลว่า: “คุณปฏิเสธเขาไปสองครั้งติดต่อกัน ครั้งนี้เขาจะเล่นงานพวกเราถึงขั้นเอาชีวิตไหม? ”
จางหย่าร่อตอบอย่างหนักแน่นว่า: “ใช่เลย! ”
“ฉันไปทำให้เขาโมโหอย่างหนัก ตอนนี้เขาเหมือนกับหมาจนตรอก เขาคงจะหาทางที่จะจัดการฉันให้ถึงตายอย่างแน่นอน”
“หากฆ่าฉันก็จะมีข้อดีในหลายด้าน ข้อแรกสามารถอาศัยโอกาสนี้ป่าวประกาศให้ภายนอกรับรู้ว่า หากคิดจะเป็นศัตรูกับหยางจ้างกั๋วก็จะมีจุดจบแบบนี้ ทำให้ทุกคนหยุดยับยั้งชั่งใจ”
“ข้อสองเมื่อฆ่าฉันแล้วก็ให้จางฉีเซินขึ้นเป็นใหญ่ แล้วรีบควบคุมช่องทางข่าวสารของตระกูลจางเอาไว้ แบบนี้เขาก็สามารถแก้ต่างตนเองได้อย่างรวดเร็ว”
ตอนนี้จางหย่าร่อควบคุมและรอบรู้ข่าวสารของตระกูลจางทั้งหมดทั้งมวล รู้และเข้าใจลักษณะนิสัยของเศรษฐีนับร้อยนับพันคนในจีนเป็นอย่างดี จึงเข้าใจในตัวของหยางจ้างกั๋วมาเนิ่นนานแล้ว
“ตกลง ฉันเข้าใจแล้ว คุณหนู ตอนนี้ฉันก็จะจับตาดูสถานการณ์การเคลื่อนไหวของหยางจ้างกั๋ว ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มกำลังอารักขาความปลอดภัยของท่านด้วย”
ดวงตาข้างหนึ่งของจางเวิ่นต้าวจ้องเขม็งอย่างกับเสือดาว ส่วนตาอีกข้างหนึ่งก็หรี่ลงเล็กน้อย ลักษณะท่าทางดูระมัดระวังมากกว่าปกติ เตรียมพร้อมสู้รบตลอดเวลา
“คุณหนู สัปดาห์นี้ ท่านไม่ควรจะออกจากบ้านเป็นดีที่สุด ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้คุณท่านใหญ่รับทราบ ให้เขาช่วยคิดวางแผนการ”
“แต่ว่าคุณหนู ถ้าหากหยางจ้างกั๋วตั้งใจจริงที่จะร่วมมือกับท่านเพื่อต่อกรกับจางฉีเซิน และช่วยให้ท่านขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำของตระกูลจาง ท่านจะไม่ลองพิจารณาดูหน่อยหรือ? ”
พูดถึงตรงนี้ จางเวิ่นต้าวก็มีสีหน้าท่าทางที่ลังเล: “หากต้องเดินหน้ากระทำการใด ๆ อย่างระมัดระวังระหว่างผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ ก็ควรเลือกที่จะหลุดพ้นจากช่องแคบเหล่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ แล้วไปอาศัยพึ่งพิงผู้มีอิทธิพลใหญ่เพียงท่านเดียว จะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมากขึ้น”
จางเวินต้าวรู้สึกว่า กี่ปีมานี้ตระกูลจางเหน็ดเหนื่อยมาก มักจะไม่กล้าเลือกอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ต้องทำดีกับทุกฝ่าย ระมัดระวังและไม่ประมาท หากล่วงเกินใครแล้วก็คงต้องลำบาก เหมือนกับว่าจะต้องคอยรับใช้กับทุก ๆ ฝ่าย และยังกลัวที่จะถูกพวกเขาตำหนิติเตียน
“ฮืม ไม่มีทาง พวกเราไม่มีทางที่จะร่วมมือกันได้” จางหย่าร่อเดินเข้าไปยังห้องโถง นั่งลง ยกแก้วน้ำชาขึ้น ค่อย ๆ อ้าริมฝีปากแดง แล้วจิบดื่มเบา ๆ: “คุณท่านใหญ่เป็นมิตรที่ดีกับฉิวกงเฉิง เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตคุณท่านใหญ่ เพียงแค่ข้อนี้ข้อเดียว ซึ่งตอนนี้ฉิวกงเฉิงเป็นศัตรูกับหยางจ้างกั๋ว พวกเราจะมีความร่วมมือกับหยางจ้างกั๋วได้อย่างไร หรือคิดจะทรยศต่อคุณท่านใหญ่ คิดจะตัดแขนของตนเองทิ้งงั้นเหรอ”
“ตอนนี้จางฉีเซินและหยางจ้างกั๋วสนิทสนมกันมาก ที่จริงคุณท่านใหญ่ก็ไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ โดยแต่ละตระกูลต่างก็พากันคาดเดาและหวาดกลัวพวกเราอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นคุณท่านใหญ่จึงหันมาให้ความสนใจในตัวฉัน ทำไมพวกแกถึงมองไม่ออกในเรื่องนี้? ”
“หากพวกเราร่วมมือกับหยางจ้างกั๋ว สุดท้ายก็ต้องได้รับหายนะ สำหรับตระกูล และตัวของฉันเอง ต่างก็ไม่เป็นผลดีอะไรทั้งนั้น”
“จุดยืนหลักของพวกเราตระกูลจางก็คือความเป็นกลาง แกคิดว่าคนรุ่นก่อนไม่เคยใช้ดุลยพินิจเปรียบเทียบผลดีและผลร้ายเหรอ? หากเมื่อไหร่ที่สูญเสียความเป็นกลาง พวกตระกูลอื่น ๆ ต่างจะพากันหวาดกลัวต่อตระกูลของพวกเราอย่างมาก พวกเขาจะร่วมมือกันเพื่อมาทำร้ายสังหารพวกเรา อย่างไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมาใด ๆ ทั้งสิ้น”
“หากพวกเราลงเรือลำเดียวกับตระกูลหยางแล้ว ก็จะต้องฟังคำสั่งของเขา จะมีตระกูลใดเชื่อบ้างว่า พวกเราจะไม่นำข่าวสารที่ส่งผลร้ายต่อพวกเขาส่งไปให้กับตระกูลหยาง ทำให้ตระกูลหยางกุมจุดอ่อนหรือความผิดของพวกเขาเอาไว้”
“จากเดิมที่เป็นมิตรกับทุกฝ่ายไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยังจะกลับมาเป็นแบบเดิมได้อีกเหรอ รอบด้านคงจะรายล้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งอาวุธพวกนั้นก็จะกลายเป็นสิ่งที่มาสังหารตัวเราเอง”
เธอถือแก้วชาเขียวค่อย ๆ เดินมาที่ประตู มองไกลโพ้นไปยังสถานที่กว้างใหญ่ไพศาลและมีฝนตกอยู่พรำ ๆ: “ไม่มีทาง นี่คือชะตาชีวิตที่ลิขิตไว้ของฉัน”
“คุณหนู ท่านวางใจได้ ครั้งนี้คุณท่านใหญ่จางและพวกเขาไปที่สำนักสิ้ง จะต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่อย่างแน่นอน”
จางเวิ่นต้าวปลอบใจว่า: “มีสำนักสิ้งคอยเป็นเกราะป้องกันคุ้มครอง ตระกูลอื่น ๆ ต่างก็เป็นแค่พวกจิ๊บจ๊อยแล้ว พวกเขาก็คงไม่กล้าที่จะมาให้ร้ายโจมตีอะไรกับพวกเราอีกแล้ว ”
“ไม่ใช่อย่างที่แกคิด มันไม่ง่ายดายขนาดนี้หรอก”
“ตอนนี้สำนักสิ้งก็อยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านรุ่นเก่าสู่รุ่นใหม่ คงไม่มาปกป้องคุ้มครองพวกเราโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรเป็นแน่ พวกเราจำต้องมอบตอบแทนอะไรกลับไปบ้าง”
จางหย่าร่อถอนหายใจ: “นี่ก็คือเรื่องที่ยากจะจัดการ หากพวกเราต้องการความช่วยเหลือจากผู้ใด ขณะเดียวกันก็จะต้องถูกบังคับควบคุมจากผู้นั้น ซึ่งการที่จะทำตามคำสั่งบังคับของใครเป็นสิ่งที่พวกเราถือสามากที่สุด”
“หากไม่ต้องการถูกใครบังคับ เพียงแค่ต้องการให้สำนักสิ้งให้ความช่วยเหลือ โดยไม่รับฟังความคิดเห็นจากสำนักสิ้ง ซึ่งจะกลายเป็นการผิดศีลธรรมจรรยาบรรณ”
“คุณหนูพูดได้ถูกต้อง” จางเวิ่นต้าวสีหน้าแสดงออกถึงรอยยิ้มอันขมขื่น: “ฉันฉุกคิดขึ้นได้ว่า โครงข่ายอิทธิพลความสัมพันธ์ของพวกเราก็มากมายมหาศาล แต่กลับสู้ฉินหลั่งคนเดียวไม่ได้”
“เขาก็ไม่ได้ใช้ความสัมพันธ์อะไร ก็เพียงแค่ปรุงแต่งและผลิตยาขึ้นอย่างเงียบ ๆ ผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ นา ๆ ต่างก็พากันต้อนรับขับสู้กับเขา สุดท้ายตระกูลหยางเป็นผู้ได้โอกาส แต่เมื่อใกล้จะทำสำเร็จ กลับตกลงเหว ไม่เพียงสูญเสียไปกว่าหลายพันล้าน แม้แต่หยางจ้างกั๋วเองตอนนี้ก็ตกอยู่ในสภาพยับเยินไม่มีชิ้นดี”
เขาแสดงออกถึงความเคารพเลื่อมใสในตัวของฉินหลั่ง แม้ว่าความเคารพเลื่อมใสนี้จะแฝงไปด้วยความหวาดกลัว: “ถ้าหากไม่นับถึงความแค้นส่วนตัวแล้ว ฉันพูดตามจริงกับคุณหนูว่า ฉันอยากที่จะให้ฉินหลั่งกลายเป็นคนของพวกเราตระกูลจาง ถ้าอย่างนั้นก็จะสามารถต่อกรรับมือกับหยางจ้างกั๋วได้อย่างไม่มีปัญหา”
“ฉินหลั่งมาพึ่งพาอาศัยพวกเรา? ” จางหย่าร่อมีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง: “เวิ่นต้าว แกคิดอะไรอยู่เหรอ เขาเป็นบุคคลที่มีฝีมือทั้งด้านการแพทย์และการต่อสู้ จะยินยอมมาอยู่ภายใต้อาณัติของใครได้อย่างไร และเป็นเครื่องมือให้กับตระกูลจาง ซึ่งคงไม่มีทางเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”
จางหย่าร่อครุ่นคิด พูดขึ้นอย่างจำใจว่า: “พวกเราพึ่งพิงอาศัยเขายังจะ……”
พูดได้เพียงครึ่ง จางหย่าร่อคิดอะไรขึ้นได้โดยพลัน ดวงตาเปล่งประกายแสงขึ้นแวบหนึ่ง เหมือนกับว่าคำพูดของจางเวิ่นต้าวทำให้เธอเกิดแรงกระตุ้นอะไรขึ้นสักอย่าง
“คุณหนู! คุณหนู! ”
ช่วงเวลานี้ เห็นมีเงาของใครบางคนแวบผ่านหน้าประตูไป และก็แวบไปแวบมาจนมาอยู่ด้านหน้าของจางหย่าร่อ เขาคือเซิ่งโส่ว: “คุณหนู มือปืนผู้นั้นถูกพวกเราล้อมเอาไว้แล้ว และก็ทราบถึงประวัติความเป็นมาของเขาแล้วด้วย”
“เขาเป็นนักฆ่า เชี่ยวชาญการซุ่มยิง เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีน”
เขาพูดว่า: “คนผู้นี้ปฏิบัติการอยู่ที่สามเหลี่ยมสีเงินเป็นประจำ นับได้ว่าเป็นนักซุ่มยิงที่มีฝีมือเก่งกาจผู้หนึ่งเลยทีเดียว”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว” จางหย่าร่อริมฝีปากกระตุกเล็กน้อย: “นักฆ่าภูตผี? ”
“ทำไมพวกเขาถึงมาปรากฏตัวที่เย็นจีน? ” จางหย่าร่อผู้ที่รู้ลึกข่าวสารก็คาดเดาถึงความเป็นมาของนักซุ่มยิงและคาดเดาว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้
ในใจของเธอรู้ว่านักฆ่าภูตผีคือใคร มีผลงานเลื่องลือ เสมือนกับภูตผี ฆ่าคนโดยไม่ปรากฎตัว
แต่ว่านักฆ่าภูตผีตกลงมีเพียงคนเดียวหรือว่ามีกันเป็นขบวนการ ภายนอกไม่มีผู้ใดรับรู้ เพราะว่านักฆ่าภูตผีไม่เคยปฏิบัติการผิดพลาด และไม่เคยถูกจับกุมตัว พวกเขามีความอดทนสูง เก่งกาจในการหลบหนีเป็นที่สุด ตำรวจล้อมรอบจับกุมหลายครั้ง แต่ในทุกครั้งพวกเขาก็สามารถหนีเอาตัวรอดไปได้
ดังนั้นนักฆ่าภูตผีตกลงมีเพียงคนเดียวหรือว่ามีกันเป็นขบวนการ จางหย่าร่อต้องการทราบเป็นอย่างมาก

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset