รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 687 เป็นท่านเปาบุ้นจิ้นสักครั้ง

บทที่ 687 เป็นท่านเปาบุ้นจิ้นสักครั้ง
ฉินหลั่งขยับตัวหลบ แล้วกระโดดถีบใส่อย่างไม่ยั้ง ซามูไรญี่ปุ่นถูกถีบล้มระเนระนาด
จากนั้น ฉินหลั่งก็หยิบดาบซามูไรขึ้นมาเล่มหนึ่ง และส่งเสียงดังกังวานไปทั่วสถานที่แห่งนั้น: “ไอ้แก่โยวโจ่ พวกแกออกมาเดี๋ยวนี้! ”
“ฉินหลั่ง? ! ” เสี้ยงย่าเยว่ส่งเสียงอย่างตกตะลึง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความขุ่นเคืองและความกังวล
ซามูไรญี่ปุ่นทุกคนต่างเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที ท่าทางตื่นเต้นฮึกเหิม นี่คือฉินหลั่งงั้นเหรอ? กล้าดียังไงถึงตะโกนเรียกเจ้าบ้านอย่างไม่ให้เกียรติกันแบบนี้ ไม่มีความเคารพกันเสียเลย!
โยวโจ่ซีอันก็ตกใจเช่นกัน และก็เกิดความโมโห
“ฉินหลั่ง? แกฆ่าน้องชายของฉัน เรียกพ่อของฉันอย่างดูหมิ่น และยังกล้าที่จะบุกรุกหอพิธีฌาปนกิจ แกเชื่อไม่เชื่อ ข้าจะสังหารแกให้ตายทั้งเป็น? ”
โยวโจ่อันซีคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่า ครอบครัวตระกูลโยวโจ่ยังไม่ได้เริ่มกระทำการ ล้างแค้นกับฉินหลั่ง แต่ฉินหลั่งกลับกล้าที่จะบุกเข้ามาหาถึงที่ มันเหมือนเป็นการข่มเหงดูหมิ่น รนหาที่ตายเองแท้ ๆ !
ชาวญี่ปุ่นหลายสิบคนตะโกนโห่ร้อง เตรียมพร้อมที่จะพุ่งกระโจนเข้าหาเพื่อฟันฉินหลั่งให้แหลกละเอียดในทุกเมื่อ
เสี้ยงย่าเยว่ก็ทำทีว่ากล้าหาญตะโกนออกมา: “ฉินหลั่ง แกฆ่าโยวโจ่ชางกาง ยังจะมาอาละวาดที่หอพิธีฌาปนกิจอีก มันช่างกำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้ว แกคิดว่าตนเองเป็นที่หนึ่งในปฐพีงั้นเหรอ ไม่มีใครสามารถจัดการกับแกได้งั้นเหรอ? ”
“ฆ่าโยวโจ่? ”
ฉินหลั่งหัวเราะอย่างเย็นชา: “คนในมือของฉันต่างหากที่เป็นผู้ร้ายที่ฆ่าโยวโจ่ตัวจริง พวกแกถามให้แน่ชัดก่อนที่จะลงมือรบราฆ่าฟันมันก็ยังไม่สายเกินไปไม่ใช่เหรอ? ”
ขณะที่พูด ฉินหลั่งโยนคนที่อยู่ในมือลงไปที่พื้น เถี่ยซือที่สวมหน้ากากฉินหลั่งได้ล้มฟุบไปนอนกองอยู่บนพื้น เสียงหอบหายใจแฝงไปด้วยความสิ้นหวัง
ชาวญี่ปุ่นเหล่านั้นเกิดความสงสัย เดินเข้าไปดู และตกตะลึงโดยพลัน พูดว่า: “ฉินหลั่ง? ”
ทำไมถึงปรากฏฉินหลั่งขึ้นสองคน ขณะนั้นทุกคนต่างก็สับสนคิดไม่ออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โยวโจ่อันซีได้ยินดังนั้นจึงเข้าไปดู เมื่อพบเห็นใบหน้านั้นแล้วลูกตาดำทั้งสองแนบชิดติดกันทันที ตะลึงอย่างบอกไม่ถูก: “คล้ายกันมาก คล้ายกันมาก ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ”
รูปร่างของคนคนนี้ ความสูง และใบหน้า แทบจะไม่มีความแตกต่างกับฉินหลั่งเลย หากทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน คนไหนที่เป็นฉินหลั่งตัวจริงก็คงยากที่จะบอก โดยเฉพาะพวกคนที่พบเจอกับฉินหลั่งเพียงไม่กี่ครั้ง
เสี้ยงย่าเยว่มองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ในมือเต็มไปด้วยเหงื่อ เตรียมจะนำเอาโทรศัพท์มือถือออกมาหลายครั้ง แต่ในทุกครั้งก็เป็นเพราะมือไม้สั่นจึงยังไม่ได้นำออกมา
ขณะนี้ โยวโจ่อันซีอดทนไม่ไหวอีกแล้ว เบิกตาโพลงและพูดว่า: “ฉินหลั่ง แกนี่มันหมายความว่าอย่างไร? จัดหาคนเพื่อมาปลอมแปลงเป็นตัวปลอมงั้นเหรอ? ”
“โง่เง่าขนาดนี้เลยเหรอ? แบบนี้ก็มองไม่ออก? ” ฉินหลั่งเหวี่ยงสะบัดดาบซามูไร ซึ่งช่วงกี่วันมานี้เขาได้ศึกษากระบวนท่าเพลงดาบโบราณจากคัมภีร์เต่าเย่า จึงต้องการที่จะลองใช้ดู
โยวโจ่อันซีพูดไม่ออกบอกไม่ถูก โมโหจนปากบูดเบี้ยว ยังไม่เคยมีใครกล้าที่จะพูดแบบไม่เกรงใจกับเขาแบบนี้มาก่อน ฉินหลั่งผู้นี้มันหยิ่งโอหังมากเกินไปแล้วจริง ๆ
“คนผู้นี้มีชื่อว่าเถี่ยซือหรือที่แปลว่าศพเหล็ก มีความคล้ายคลึงกันกับสำนักหมอผีของพวกแก โดยเฉพาะชื่อของพวกแกทั้งสองที่มันห่วยแตกสิ้นดี ซึ่งก็คือเถี่ยซือผู้นี้ ที่ลักลอบเข้าไปในโรงพยาบาล แล้วปลอมตัวเป็นหมอ ลอบฆ่าน้องชายของแก”
ขณะที่พูดฉินหลั่งก็มองไปยังเอกสารที่อยู่ในมือของโยวโจ่ซีอัน
บนเอกสารนั้นเขียนตัวอักษรอย่างชัดเจนว่าใบอนุญาตประกอบการแพทย์ ฉินหลั่งอดไม่ได้ที่จะแอบบ่นในใจ เพื่อต้องการที่จะประจบสำนักหมอผีทางตระกูลเสี้ยงเองยอมที่จะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่แท้ที่จริงแล้วต่างก็เก็บปกปิดความลับของตนเองเอาไว้
ได้ยินที่ฉินหลั่งพูดแบบนี้ ทุกคนที่อยู่แห่งนั้นก็เกิดความโกลาหลโดยพลัน มองไปที่เถี่ยซือที่นอนกองอยู่กับพื้นด้วยความไม่อยากที่จะเชื่อ
“ฉินหลั่ง? ตัวปลอม? ผู้ร้ายตัวจริง? ” เรื่องราวเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่สมองของชาวญี่ปุ่นเองตามไม่ทันแล้ว งุนงงอยู่กับที่เดิม
“แบบนี้เป็นไปได้ด้วยเหรอ? แล้วถ้าอย่างนั้นใครเป็นผู้สร้างเรื่องขึ้นมาทั้งหมด วางแผนการทำให้ตระกูลโยวโจ่กับฉินหลั่งต้องมาบาดหมางต่อสู้กัน? ”
ตอนนี้บอดี้การ์ดชาวญี่ปุ่นที่เคยได้ร่วมปะทะสู้รบที่โรงพยาบาลได้เดินเข้ามาดูใกล้ ๆ มองพิจารณาอย่างละเอียดไปที่เถี่ยซือผู้ที่มีความคล้ายคลึงกับฉินหลั่ง
โยวโจ่อันซีก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ หนังตากระตุกไม่ยอมหยุด จากนั้นก็มองไปที่เสี้ยงย่าเยว่ที่มีสีหน้าที่ซีดจาง
จากนั้นสายตาของทุกคนก็มองกันไปที่ใบหน้าของเสี้ยงย่าเยว่ เพราะว่าสีหน้าท่าทางของเธอดูไม่ค่อยจะเป็นปกติ พูดไม่ถูกว่าผิดปกติในแบบใด
“อะไรกัน? พวกแกจะทำอะไร? !”
“สงสัยฉันเหรอ? ฉินหลั่ง แกมันชั่วช้าเสียจริง มีความสามารถในการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นที่ไม่เบาเลยทีเดียว! ”
เสี้ยงย่าเยว่รับรู้ได้ถึงการที่ถูกทุกคนตั้งข้อสงสัย จึงก้าวออกมาต่อว่า: “ฉินหลั่ง วิธีการใส่ร้ายโยนความผิดให้กับผู้อื่นมันต่ำต้อยเกินไป พวกเราสามารถที่จะตรวจสอบได้ และเชิญคุณชายโยวโจ่มาร่วมตรวจสอบด้วย แล้วมาดูกันว่าตกลงคนร้ายผู้นี้มาจากตระกูลเสี้ยงใช่หรือไม่”
“ถ้าหากไม่ใช่ ขอถามฉินหลั่งว่าจะอธิบายต่ออย่างไร? ละครของแกจะแสดงต่อไปอย่างไร?
“ฉันกล้ารับประกันได้ว่า คนผู้นี้คือนักแสดงที่แกจ้างมา เพื่อใส่ร้ายตระกูลเสี้ยง ทำให้แกหมดมลทินไม่ต้องรับโทษ”
“คุณมองผิดไปแล้ว คุณโยวโจ่ฉลาดหลักแหลมขนาดนี้ จะถูกคุณยุยงส่งเสริมได้อย่างไรกัน”
เธอยืดอกรักษามาดที่แกร่งกร้าวของตน พยายามที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของคนตระกูลโยวโจ่ แต่ที่จริงแล้วเสี้ยงย่าเยว่ทราบเบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอรู้ว่าเถี่ยซือเป็นใคร มีความเป็นมาอย่างไร
ถ้าหากโยวโจ่รู้ว่าตระกูลเสี้ยงก็ทราบเบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังสนับสนุนส่งเสริม ปกปิดความเป็นจริง ถ้าอย่างนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลโยวโจ่กับตระกูลเสี้ยงคงจะต้องถึงคราวตกต่ำอย่างแน่นอน
ในเวลานี้โยวโจ่จ้องไปที่ฉินหลั่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันทุ้มต่ำว่า: “แกไปเอาแพะรับบาปนี้มาจากที่ไหน? ”
“ฉินหลั่ง พวกข้าสำนักหมอผีกับตระกูลโยวโจ่ไม่ใช่ว่าจะง่ายดายกระจอกเหมือนอย่างที่แกคิดหรอกนะ ไม่ใช่ว่าจะสามารถมาหลอกลวงกันได้อย่างง่ายดายที่ไหน”
ดวงตาที่แวววาวของเขาดูหนักแน่นขึ้น: “หากแกอยากจะยืนยันว่าตนเองไม่มีความผิดจริง ก็สมควรที่จะแสดงหลักฐานออกมา ไม่อย่างนั้นครอบครัวตระกูลโยวโจ่ของพวกข้าจะสู้รบต่อกรกับแกจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน”
ขณะที่พูดนั้น ชาวญี่ปุ่นหลายสิบคนก็เริ่มตั้งวงล้อมรอบตัวของฉินหลั่งแล้ว เตรียมพร้อมที่จะจู่โจมเข้าหาฉินหลั่ง
“เหอะเหอะเหอะ โยวโจ่อันซี วันนี้ข้ามาเพื่อนำตัวผู้ร้ายมาส่งมอบให้แก แกคิดว่าข้ากลัวแกอย่างนั้นเหรอ? และที่สำคัญ ใช่ก็คือใช่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ไม่ใช่ข้าที่เป็นผู้ร้ายแล้วจะมาพูดปรักปรำว่าข้าเป็นผู้ร้ายได้อย่างไรกัน”
ฉินหลั่งยกดาบซามูไรขึ้น: “ดังนั้นแกอย่ามาทำเป็นวางมาดโอหังหน่อยเลย ข้าสามารถสังหารแกได้ทุกเมื่อ แล้วนำแกวางไว้ที่หอพิธีฌาปนกิจแห่งนี้”
“แกอายุก็ไม่น้อยแล้ว ควรจะมีความคิดในการตัดสินใจเองได้แล้ว ดูการแต่งกายของเขา ดูบาดแผลของเขา ดูรูปร่างหน้าตาของเขา ข้าคิดว่าคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเหล่านั้นคงจะรับทราบและรู้สึกได้ คงเข้าใจได้ว่าเรื่องราวมีความเป็นมาอย่างไร”
“อย่างนี้แล้วกัน วันนี้ข้าขอเป็นเปาบุ้นจิ้นสักครั้ง เพื่อสอนการพิจารณาและตัดสินคดีความให้กับแก”
“ก่อนอื่นเลย เรียกบอดี้การ์ดทุกคนที่เข้าร่วมการปะทะสู้รบในคืนเกิดเหตุการณ์วันนั้นออกมาให้หมด ให้พวกเขาดูพิจารณาให้ดี ๆ ว่าใช่หรือไม่ใช่นักแสดง มันคงจะไม่ยากเกินไป”
“ลำดับต่อมา ผู้ร้ายยังมีชีวิตอยู่ แกก็ทรมานเขาโดยใช้การทรมานทั้งสิบอันดับของราชวงศ์ชิง หรือว่าจะใช้วิธีการทรมานในแบบฉบับของชาวญี่ปุ่นที่ไม่ค่อยจะได้เรื่อง หากยังไม่ได้ผล พวกแกสำนักหมอผีเป็นถึงสำนักที่โด่งดัง หากต้องการที่จะสอบถามเรื่องราวข้อเท็จจริงมันจะยากขนาดนั้นเชียวเหรอ? ! ”
ฉินหลั่งพูดได้อย่างถูกต้องและมีสัจธรรม ด้วยน้ำเสียงที่ดังหนักแน่น เถี่ยซือที่นอนกองอยู่กับพื้นสะดุ้งตกใจโดยพลัน ท่าทางทุกข์ทรมานและพูดว่า: “พอได้แล้ว พอได้แล้ว พวกแกอย่าได้มาทรมานทารุณข้า ข้าจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังอย่างละเอียด”
“โยวโจ่อันซีจากเดิมที่มีสีหน้าโหดเหี้ยม ขณะนี้ได้แปรเปลี่ยนกลับสู่ปกติ เพื่อรอฟังเรื่องราวที่จะเล่าต่อไป”
เถี่ยซือมีสภาพที่เหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เหมือนว่าขณะที่เดินทางมาได้ถูกฉินหลั่งทรมานมาก่อนแล้ว ดังนั้นตอนนี้อยู่ในสภาพที่จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับตัว จิตใจหวั่นไหวสั่นคลอน
“ข้าคือเถี่ยซือ คือลูกศิษย์แห่งแก๊งแถ่จ่างซึ่งข้าเป็นศิษย์ที่เข้าร่วมสำนักแต่ไม่ได้ถูกยอมรับแบบทางการ ข้าเป็นผู้ที่ถูกผู้อาวุโสฉิวกงเฉิงสั่งการให้ไปลอบฆ่าโยวโจ่ชาวกางที่โรงพยาบาลคางเจ๋”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset