รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 552 แสวงหาโอกาสทางการรักษา

บทที่ 552 แสวงหาโอกาสทางการรักษา
สิบห้านาทีหลังจากนั้น รถยนต์โรลส์-รอยซ์ก็ขับเข้าสู่บริเวณลานบ้านของตระกูลเหลียน
แม้ว่าจะไม่ใหญ่โตโอ่อ่าเหมือนกับบ้านตระกูลจง แต่นับว่าใหญ่โตสมฐานะคนรวยอย่างแน่นอน
ภูเขาทะเลสาบจำลอง ออกแบบจัดเรียงเป็นแนวได้อย่างลงตัวในบริเวณลานบ้าน แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูหนาว ก็ยังคงความสวยงามอย่างที่สุด
รถยนต์โรลส์-รอยซ์ขับวนรอบบริเวณลานบ้านอยู่พักหนึ่งจึงหยุดจอด พ่อบ้านเหลียนวิ่งลงจากรถ เพื่อเปิดประตูรถให้กับฉินหลั่ง และพูดอย่างนอบน้อมว่า:
“พ่อหนุ่มฉิน เชิญ”
ผู้อาวุโสที่มีอายุหลายสิบปีแล้ว แต่ก็ยังคงให้ความเคารพและมีมารยาทต่อฉินหลั่ง ฉินหลั่งพยักหน้าตอบรับ แล้วลงจากรถ เดินตามเหลียนหรงหวาเข้าไปสู่ห้องโถง
“แผลบริเวณแผ่นหลังเน่าเปื่อยมากอาการหนักพอควร”
“ที่สำคัญคือ มีเลือดคลั่งภายในกะโหลกศีรษะ ทำให้ระบบการทำงานของประสาทส่วนกลางผิดปกติ”
เหลียนหรงหวาพาฉินหลั่งเดินเข้าไปยังด้านใน ทัศนวิสัยโดยรอบได้เปลี่ยนแปลงไป ภายในห้องโถงจัดวางโต๊ะหินอ่อนกลมหลายตัว ด้านข้างยังมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ระดับสูงหลากหลายประเภท
ฝาผนังทั้งสองข้างของห้องโถง มีเครื่องฉายภาพโปรเจคเตอร์
บนเก้าอี้ มีคุณหมอที่มีชื่อเสียงจำนวนกว่าสิบท่านนั่งอยู่ แต่ละท่านนั่งอย่างองอาจและทุกท่านล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งสิ้น ซึ่งในขณะนี้กำลังร่วมกันวิเคราะห์ผลจากการตรวจสอบ
พวกเขาถกปัญหาและปรึกษากันอย่างดุเดือด แต่ว่าเสียงที่พูดนั้นกลับเบามาก ท่าทางดูเคร่งขรึม แต่ก็มีความวิตกกังวล แน่นอนว่ากำลังหนักใจกับอาการของผู้ป่วย
บริเวณโดยรอบสี่ทิศของห้องโถง ยังมีผู้ชายและผู้หญิงอีกสิบกว่าคน ดูจากท่าทางแล้วคาดว่าน่าจะเป็นคนรับใช้และบอดี้การ์ด
พวกเขาต่างยืนอยู่กันอย่างสงบ เพื่อรอให้ความช่วยเหลือแก่พวกคุณหมอที่อยู่ในสถานที่นี้
ฉินหลั่งยังสังเกตเห็น ในกลุ่มคนดังกล่าว ยังมีผู้หญิงอายุน้อยหนึ่งคน อายุประมาณยี่สิบกว่าปี หน้าตาสวยงาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อเหลียนหรงหวาและฉินหลั่งปรากฏตัวขึ้น ทุกคนก็เพียงแค่เงยหน้ามองขึ้นเท่านั้น แล้วก็รีบก้มหน้าเพื่อที่จะวินิจฉัยข้อมูลการรักษาต่อไป
ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะจิตใจของพวกเขาทั้งหมดอยู่กับร่างกายผู้ป่วย
“ทุกท่าน!” “ เหน็ดเหนื่อยกันหน่อยนะครับ!”
ขณะที่เหลียนหรงหวากำลังจะพาฉินหลั่งขึ้นไปชั้นบน บนบันไดวนมีผู้ชายและผู้หญิงจำนวนหนึ่งกำลังเดินลงบันไดมา
ด้านหน้าสุดเป็นผู้หญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบกว่าปี มีขนาดรูปร่างที่สมส่วน เปล่งประกายภาพลักษณ์อันสง่างาม
เป็นเพราะว่าอายุอานามที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้รูปลักษณ์ดูอิ่มเอิบเป็นปกติสุข และไม่มีสิ่งใดที่พิเศษเกินเลย มีเพียงแค่ความเมตตาอารี
เธอเปรียบเสมือนบ่อน้ำลึกที่วัดระดับความลึกไม่ได้ เคร่งขรึมไม่ตื่นตระหนก ทำให้ผู้คนไม่สามารถคาดคะเนได้ถึงตัวตนที่แท้จริงได้
ภาพลักษณ์ที่สงบนุ่มนวลนั้นไม่ใช่ว่าจะเสแสร้งให้เกิดขึ้น แต่เป็นเพราะผลจากประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน ซึ่งท่าทางที่สุขุมเยือกเย็นของเธอนี้เอง ทำให้ฉินหลั่งรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองอย่างมาก
“คุณผู้หญิง!”
เมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้น พวกคุณหมอทั้งหลายต่างพากันยืนขึ้น และทักทายกันด้วยความเคารพ
แน่นอนว่าเธอคือคุณผู้หญิงที่พ่อบ้านต่างพูดถึงกัน ได้ยินว่าชื่อสือฟางเฟย
ดูจากอายุแล้ว เป็นผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบกว่าปี แต่รูปลักษณ์หน้าตาดูเหมือนกับอายุเพียงสามสิบต้น ๆ บำรุงรักษาผิวพรรณได้เป็นอย่างดีจริงเชียว
ฉินหลั่งคิดไม่ถึงว่า คุณยายพริกจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขนาดนี้ เขาคิดมาเสมอว่าคุณยายพริกคงไม่มีวงศ์ตระกูล หากคำนวณจากอายุของคุณยายพริกแล้ว สือฟางเฟยน่าจะเป็นรุ่นหลานแล้ว
ฉินหลั่งถอนหายใจแล้วพูดว่า: สวยและสง่างามจริง ๆ สมกับที่เคยได้ยินทุกคนเล่าลือกัน
“ทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันหน่อยนะ!”
สือฟางเฟยไม่มีการถือตัวแต่อย่างใด พยักหน้าทักทายกับทุกคนอย่างอ่อนโยน จากนั้นการสนทนาก็เปลี่ยนแปลงไป:
“ลูกหญิงของท่านได้ทานยาและฉีดยาของคุณหมอแล้ว แต่ว่ายังคงไม่รู้สึกตัว”
“และตัวเลขดัชนีของร่างกายตกลงบ้างเล็กน้อย ไม่ถึงกับอันตรายนัก แต่ก็ไม่เป็นผลดีเท่าที่ควร”
“ถ้าอย่างนี้คงแสดงว่าร่างกายของเธอไม่สามารถที่จะรับการทดสอบได้มากครั้ง”
“ดังนั้นการรักษาหลังจากนี้ต่อไป ผมหวังว่าทุกท่านจะต้องเพิ่มความมั่นใจในผลของการรักษามากขึ้นจึงค่อยทำการรักษา”
รูปลักษณ์ของเธอช่างสง่างาม น้ำเสียงการพูดจาก็อบอุ่นนุ่มนวล: “วันนี้ เทียนเหอคงรับการรักษาได้อีกเพียงครั้งเดียวเป็นครั้งสุดท้าย”
“คุณหญิงเกรงใจกันเกินไปแล้ว นี่คือหน้าที่ของพวกเรา”
คุณหมอผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายกล่าวตอบอย่างเคารพ แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความหนักใจ ตัวเลขดัชนีร่างกายของคนป่วยที่ตกลงไป นั่นแสดงให้เห็นว่าการพยายามรักษาในช่วงก่อนหน้านี้ทั้งหมดของพวกเขานั้นคงจะสูญเปล่า
และที่สำคัญพวกเขาจะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นเพียงครั้งสุดท้ายสำหรับการทดลองรักษาในวันนี้แล้ว
ขณะที่ฉินหลั่งเดินเข้ามาด้านในนั้นก็เห็นหมอหญิงอายุราวยี่สิบกว่า ๆ เงยหน้าขึ้นมา แววตาเปี่ยมด้วยความมั่นใจ และกำลังจับปากกาเขียนใบสั่งยาอย่างตั้งใจ
“คุณผู้หญิง พ่อหนุ่มฉินมาแล้ว ”
ท่ามกลางความเงียบสงบของทุกคน เหลียนหรงหวาพาฉินหลั่งเดินเข้าไปหาคุณผู้หญิง
ฉินหลั่งยิ้มให้กับสือฟางเฟย: “สวัสดีครับคุณผู้หญิงสือ”
“พ่อหนุ่มฉิน คุณมาถึงแล้ว ดีมากเลย เดินทางมาคงเหน็ดเหนื่อยสินะ”
สือฟางเฟยจับมือทักทายกับฉินหลั่ง: “ได้โปรดรักษาอาการเทียนเหอด้วยนะ”
เขาคือคนที่คุณนายพริกแนะนำมา สือฟางเฟยมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
“คุณผู้หญิงไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ เรื่องที่คุณนายพริกได้ฝากฝังเอาไว้ ผมจะทำมันให้ดีที่สุด”
ฉินหลั่งปลอบใจสือฟางเฟย: “คุณผู้หญิงวางใจได้ ผมจะทำให้เทียนเหอรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน”
“ฉันเชื่อมั่นพ่อหนุ่มฉิน”
สือฟางเฟยเบี่ยงมือไปทางชั้นบน: “พ่อหนุ่มฉิน เชิญขั้นข้างบน ฉันพาคุณไปพบผู้ป่วย”
ฉินหลั่งไม่ลังเลใจ เดินตามสือฟางเฟยขึ้นไปข้างบนทันที
“ช้าก่อนคุณผู้หญิง!”
สือฟางเฟยและฉินหลั่งเดินไปไม่ทันจะกี่ก้าว คุณหมอหญิงอายุน้อยผู้นั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคน
คุณหมอหญิงอายุน้อยผู้นี้มีสายตาที่อ่อนหวาน ถึงขั้นมีเสน่ห์น่าหลงใหล ได้แสดงท่าทางหยิ่งผยองโอ้อวด พร้อมกับแนะนำตัวเองว่า:
“คุณผู้หญิง ฉันคือสวี่ซีเหวินลูกสาวของหมอเทวดาสวี่แห่งวงศ์ตระกูลการแพทย์ของเย็นจีน”
“คุณผู้หญิง คุณจะพาคนไปรักษาผู้ป่วย นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าวันนี้ลูกหญิงคนที่สองได้รับการทดลองรักษามากมายหลายวิธีแล้ว ซึ่งตอนนี้ถือว่าหนักหนาเกินพอแล้ว ฉันมีความเห็นว่า ไม่สมควรที่จะพาคนขึ้นไปเพื่อรักษาอาการอีกแล้ว”
“คุณหมออายุน้อยคนนี้ พวกเราไม่เคยได้พบเจอมาก่อนและไม่รู้จักคุ้นเคย ไม่รู้ว่าเขามีความสามารถอันใดที่จะรักษาผู้ป่วยให้หายได้?”
“คุณหลับหูหลับตาให้เขาไปรักษาคนป่วย ไม่แน่อาจจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดหนักมากขึ้นกว่าเดิม”
สวี่ซีเหวินแนะนำสือฟางเฟยอย่างจริงใจ จากนั้นหล่อนก็มองไปยังฉินหลั่งอย่างดูถูก:
“คุณเคยเรียนวิชาการแพทย์กับท่านหยาง ท่านเหย็น ท่านอู่ หรือว่าได้เคยศึกษาวิชาการแพทย์จากสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับสากลมาก่อนงั้นเหรอ?”
“ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ทั้งในและต่างประเทศล้วนมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลสวี่ของฉัน คุณเป็นลูกศิษย์ของใครกัน?”
“ไม่งั้นเอาความมั่นใจจากไหนมาที่จะมารักษาผู้ป่วยให้หายดีได้?”
สวี่ซีเหวินพาทีมงานของตนเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ตรวจดูอาการของเหลียนเทียนเหอรอบหนึ่งแล้วและเพิ่งจะคิดแผนการรักษาออก แต่กลับถูกฉินหลั่งช่วงชิงโอกาสการรักษาครั้งสุดท้ายของวันนี้
อีกทั้งสือฟางเฟยก็มักพูดถึงแต่พ่อหนุ่มฉิน พ่อหนุ่มกับการแพทย์มีความสัมพันธ์กันตรงไหน? ทำไมจึงต้องให้ความเคารพต่อฉินหลั่งมากมายขนาดนี้? ให้ความสำคัญมากกว่าผู้เชี่ยวชาญวิชาการแพทย์แผนจีนและแผนตะวันตกเสียอีก ซึ่งจุดนี้เองทำให้สวี่ซีเหวินรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“เด็กหนุ่มน้อยที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม จะเข้าใจอะไรเกี่ยวกับวิชาการแพทย์? แม้ว่าจะเคยได้เรียนรู้บ้างเล็กน้อย จะเก่งกาจเหนือไปกว่าทุกคนที่อยู่ ณ แห่งนี้เหรอ?”
“ฉันยังคงสงสัย บัตรวิชาชีพการแพทย์เขาก็ยังไม่มี หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ? เขารับผิดชอบงั้นเหรอ หรือเป็นผู้ที่ได้รักษาผู้ป่วยก่อนหน้านี้? หรือว่าพวกเราทุกคน?”
“คุณคิดว่าเขาคือท่านหยางท่านเหย็นผู้ที่เป็นหมอเทวดางั้นเหรอ มีวิชาฝังเข็มเหลียนฮวน ศึกษาตำราวิชาฮุ่ยหยาง สามารถฝังเข็มแบบวิชาโบราณเหล่านี้ได้”
“เขาคงคิดว่าตัวเองคือผู้ที่มีพรสวรรค์พิเศษอย่างคู่เค่อแห่งวงการแพทย์อเมริกาตอนเหนืองั้นเหรอ อายุเพียงสิบห้าปีก็กล้าที่จะจับมีดหมอทำการผ่าตัดคลอดให้กับเพื่อนนักศึกษา”
คุณหมอหลายรายที่อยู่ในที่แห่งนี้ก็ยังมีความเคลือบแคลงใจสงสัยในตัวของฉินหลั่งอย่างมาก
พวกเขายังคงไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใดที่คุณผู้หญิงสือจึงให้ความสำคัญต่อเด็กวัยรุ่นอย่างฉินหลั่งมากขนาดนี้ วันนี้ทุกคนในที่แห่งนี้ได้พูดคุยถกเถียงเรื่องการรักษากันอยู่ แต่ในวินาทีสุดท้ายกลับกลายเป็นว่าถูกผู้ที่มาทีหลังแย่งชิงโอกาสไป
โอกาสการรักษาเหลือเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ลูกหญิงคนที่สองผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลเหลียนไม่ใช่ว่าเป็นหนูทดลอง ที่จะสามารถนำมาทดลองเพื่อทดสอบผลการรักษาของตน

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset