ตอนที่ 193 วิกฤตขั้นสุด
พึ่งพาเพียงความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกมัน,ซากศพกลายพันธุ์ก็ได้เปรียบมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเห็นได้ชัดขณะที่เวลาถูกยืดออกไปอีก,ความได้เปรียบยิ่งขยายตัวมากขึ้น
“กรงเล็บเหยี่ยวเดียวดาย!”
มือขวาของซากศพร่างหนึ่งทันใดนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นนิ้วทั้งห้าของมันคมกริบราวกับของสัตว์อสูรเกิดเป็นคลื่นเสียงและกรงเล็บก็ได้แทงเข้าไปในมือกระบี่
คนหนึ่ง
มือกระบี่คนนั้นเผยสีหน้าเจ็บปวด มีความมุ่งมั่นใจสายตาของเขาพร้อมกับเขาใช้กระบี่สูบโลหิตในมือสับลงไปที่คอของซากศพกลายพันธุ์
ใบหน้าที่เที่ยวแห้งของซากศพมีรอยยิ้มประหลาดปรากฏขึ้นมันจับกระบี่สูบโลหิตไว้ด้วยกรงเล็บขวาและข่วนไปที่หัวใจของมือกระบี่ด้วยอีกกรงเล็บหนึ่ง
“ฟู ฟิว!”
กระบี่สูบโลหิตยกขึ้นเรืองแสงสีดําออกมากระโจมตีครั้งสุดท้ายแทงทะลุร่างของซากศพกลายพันธุ์สูบร่างของมันจนเดือดแห้ง
ฉากที่คล้ายกันสามารถเห็นได้จากอีกที่หนึ่งบางคราก็มีมือกระบี่ตกตายถึงอย่างไร ก่อนที่เขาจะตาย,มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะพาซากศพกลายพันธุ์ลงไปนอนกับพวกเขาด้วย
การต่อสู้ที่ดุเดือด มีหลากหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมันนองไปด้วยเลือดมันเป็นการยากที่จะทนดู
มู่ซินหยา ผู้ที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ํา,มองดูการดูสู้ตรงหน้าพร้อมกับหมุนลูกศรในมือนางเล่นนางพูดด้วยเสียงต่ํา “ข้ากําลังจะลงมือ:คุ้มกันข้า”
สองยอดราชันซากศพ.ผู้ที่บ่มเพาะพลังเส้นทางแห่งซากศพ,ก้าวขึ้นหน้ามาเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้นพวกเขาตามมู่ซินหยาไป,มุ่งหน้าไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว
มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อยากที่จะสกัดพวกเขา อย่างไรก็ตายก่อนที่พวหเขาจะได้เข้าใกล้พวกเขาก็ถูกซัดลอยด้วยฝ่ามือจากสองยอดราชันซากศพ สายลมจาก ฝ่ามือแบกพลังมหาศาล,ส่งมือกระบี่ลอยออกไปไกล
สิบระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธของศาลากระบี่สวรรค์มองดูฉากนี้อย่างเยือกเย็นจากระยะไกลพวกเขามองดูมู่ซินหยาที่นํายอดราชันซากศพสองคนและได้เข้าไปใกล้ค่ายกลเก้ากระบี่ผนึกมาร
มู่ซินหยารู้สึกไม่ดีภายในใจ, ทําไมมันดูง่ายดายกว่าที่ข้าคาดคิดเอาไว้? การป้องกันของศาลากระบีสวรรค์ไม่ควรอ่อนแอถึงเพียงนี้
ช่างมัน;ตราบใดที่ข้าสามารถปลดปล่อยบรรพบุรุษอสูรมารออกมาได้ด้วยความแข็งแกร่งระดับปราชญ์ยุทธของบรรพบุรุษอสูรมาร,จะไม่มีใครภายในศาลากระบี่ สวรรค์สามารถหยุดเขาได้ ถึงเวลานั้น,กลอุบายใดก็ไร้ประโยชน์เมื่อเผชิญหน้ากับพลังเด็ดขาด:มันจะไร้ประโยชน์ทั้งหมด
“ไป! ลูกศรปราบปีศาจ!”
สิ่งที่เรียกว่า “อาวุธต้องห้าม” หมายถึงสมบัติลับที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว,บ้างก็อาจจะได้ถึงสองหรือสามครั้งช่างตีเหล็กจากยุคโบราณได้หลอมมันขึ้นมา เป็นเพ ราะจํานวนการใช้ที่จํากัด,พลังของมันยากที่จะหาเปรียบ เทียบบ่อยครั้งที่พวกมันได้สั่นสะเทือนขั้วอํานาจต่างๆ
ขณะที่มู่ซินหยากไลงหมุนลูกศรสีดําเล่น,มันได้ปล่อยแสงสีดําระยิบระยับออกมาลูกศรได้ปลดปล่อยกลิ่นอายอันตราย
สายลมแรงได้เปาวนรอบตัวของมู่ซินหยา,ครอบคลุมนางและสองยอดราชันซากศพเอาไว้สายลมระเบิดไปทั่วทิศทางจากตัวของนาง
ซากศพกลายพันธุ์และมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ถูกซัดลอยออกไปด้วยสายลมรุนแรงในทันทีทุกสิ่งอย่างในรัศมีร้อยเมตรถูกปัดกวาดออกไป,เหลือเพียงพื้นที่ว่าง เปล่า
“โซว!”
มีเสียงอะไรบางอย่างทะลุทะลวงผ่านอากาศมันมาพร้อมกับแสงวูบผ่าน:ลูกศรได้ซัดเข้าที่หินที่ผนึกราชันมารอสูนเอาไว้และก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหินก้อนมหึมาแตกเป็เสี่ยงและกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยนับไม่ถ้วน
“ยิ้ม”
ในทันทีที่หินผนึกมารอสูรแตกร้าว,ทั่วทั้งถ้ําใต้ดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องแม้แต่เซียวเฉิน,ที่อยู่ไกลออกไปยังได้รับผลกระทบแรงสั่นสะเทือนทําให้เขาตัวเสไปเช่นกัน
“ร้องคําราม!”
เสียงคํารามดังออกมาจากภายในหินผนึกมาระมันช่างฟังดูเก่าแก่ทันใดนั้น,กรงเล็บสัตว์อสูรขนาดมหึมายืดออก มาและทุบลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง
มันทุบกวาดซากศพและมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่หนีออกไปไม่ทันกลายเป็นชิ้นเนื้อ
“ปัง!” พื้นดินสั่นสะเทือนอีกครั้ง กรงเล็บสัตว์อสูรขนาดใหญ่อีกอันโผล่ออกมาและทุบลงไปที่พื้นซากศพและมือกระบี่อีกกองหนึ่งตกตายกลายเป็นเศษเนื้อ
เมื่อระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธทั้งสิบที่กําลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเห็นราชันมารอสูรกําลังจะออกมาเสีหน้าของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนเย่เหวินกล่าว “ราชะนมารอสูรกําลังจะออกมาได้เวลาไปแจ้งให้กับท่านเจ้ายอดเขาทั้งเจ็ดและผู้อาวุโสระ
ดับสูง”
อีกเก้าคนที่เหลือพยักหน้าและพวกเขาทั้งหมดโบกสะบัดมือของพวกเขาเส้นสายสีหยกถูกยิงออกมาจากแขนของพวกเขาเส้นสายหยกเรืองแสงออกมาพร้อมกับจัด ระเบียบตัวเองกลายเป็นค่ายกลแปลกประหลาดในอากาศ
อักขระยันต์ลึกลับเริ่มปรากฏขึ้นบนพวกมัน,ทีละตัวๆพวกมันกลายไปเป็นจุดแสงสว่างพวกมันสว่างรุ่งโรจน์อย่างที่สุด
เซียวเฉินไม่ได้สนใจมันมากนักด้วยสัมผัสวิญญาณของเขากลับกันเขากําลังมองดูหินผนึกมารอย่างหวาดกลัวเขาเห็นราชันมารอสูรที่ทรงพลังกําลังบินออกมาจากภายใต้อย่างช้าๆ
ในจังหวะนั้นเอง,ราชันมารอสูรลุกขึ้นมายืนได้อย่างเต็มตัวมันคือหมาป่ายักษ์ที่สูงกว่าห้าสิบเมตรขนสีขาวของมันปรากฏสว่างขึ้นภายในถ้ําที่มืดมิด
เขี้ยวขนาดใหญ่ คมกริบเยื่นออกมาให้เห็นเรื่อง วาววับด้วยแสงเย็นเฉียบมีสีแดงเลือนลางภายในดวง ตาของมันเมื่อราชันมารอสูรที่ไร้เทียมทานปลดปล่อยกระแสพลังของมันออกมาเมือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และซากศพที่ได้ตกตายไปนานแล้วเริ่มสั่นเทิ้ม พวกเขาต้องนอนคว่ํา ลงกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้มันรู้สึกราวกับมีพลังมหาศาลกดทับลงมาที่ไหล่ของพวกเขามันเกินกว่าที่พวกเขาจะฝันลุกขึ้นได้
“คําราม!” ราชันมารอสูรร้องคํารามอย่างเกรี้ยวกราด,ดังกึกก้องไปไม่รู้จบในอากาศมันแสบไปถึงแก้วหู,ทําให้ถึงกับมันงงไปชั่วขณะ
ราชันมารอสูรจับไปที่ห่วงโซ่วิญญาณด้วยกรงเล็บ,อาวุธจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ปักติดอยู่กับพื้นสั่นสะเทือนอย่างช่วยไม่ได้ในที่สุดมันก็ไม่อาจต่อต้านราชันมารอสูรและถูกดึงขึ้นมาพวกมันถูกสะบัดลอยไปไกล
“ฟู ฟิวเ”
กรงเล็บขนาดใหญ่จับไปที่มือกระบี่ค่ายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ราวกับกําลังจับหนูมือกระบี่พยายามต่อสู้ดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็นผล
“ฟู ฟิว!” กรงเล็บมือขนาดยักษ์กําแน่นขึ้น,ป็นกระดูกทั้งหมดภายในร่างกายของมือกระบี่ผู้นั้นเขามีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดและก็ตกตายลง ราชันมารอสูรโยนร่างไร้วิญญาณนั้นขึ้นไปในอากาศและฉีกกระชากขณะที่มันกําลังร่วงหล่นลงมาที่พื้น เกิดเป็นเลือดฝนโปรยลงมา
หมาป่าร่างยักษ์เปิดปากของมัน,และเลือดโลหิตก็ถูกดูดกลืนเข้าไป“ปัง” มันชกเข้าที่กําแพง,และทั่วทั้งถ้ําต้องสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ดินหินร่วงหล่นลงมาจากเพดานอย่างต่อเนื่องพร้อมกับกํา แพงถ้ําที่สั่นไหวนี่คือพลังที่ไร้เทียมทานของราชันมารอสูรด้วยการชกธรรมดา,มันสามารถขยับภูเขาเคลื่อนแผ่นดิน
ชายชุดดําจากนิกายซากศะเลื่อนไหลที่อยู่ห่างออกไปเผยท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อเขาเห็นถึงพลังของราชันมารอสูร “มันเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปีมาแล้วในที่สุดพวกเราก็มีความหวัง!ด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้จะไม่มีใครในศาลากระบี่สวรรค์สามารถหยุดพวกเราได้”
“มันถูกกําหนดไว้แล้วว่านิกายซากศพเลื่อนไหลของข้าจะต้องรุ่งโรจน์ขึ้นมาในยุคนี้!”
ร่างอันงดงามของมู่ซินหยาคุกเข่าลงด้วยความเคารพนางกล่าวด้วยเสียงนุ่มลึก“เผ่าหมาปาสวรรค์,ผู้สืบทอดลําดับที่ 180 คารวะมหาบรรพบุรุษ
“มันก็หนึ่งร้อยปีผ่านมาแล้ว… หนึ่งร้อยปีที่แสนยาวนาน….ในที่สุดราชันผู้นี้ก็หวนกลับมาฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!!ข้าจักเอาเลือดโลหิตของศาลากระบี่สวรรค์มาล้างไฟแค้น ที่จองจําข้ามาถึงหนึ่งร้อยปี”ราชันมารอสูรผู้ไร้เทียมทานหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง
ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็หยุดลง เขากล่าวกับมู่ซินหยาที่อยู่ตรงพื้น “ลุกขึ้น,ลูกหลานของข้า ข้าสัมผัสได้ถึงสายเลือดอันบริสุทธิ์ของหมาปาสวรรค์ข้าจะมอบความรุ่งโรจน์ที่ไม่อาจข้ามผ่านได้กับเจ้า”
มู่ซินหยาลุกขึ้นและกล่าวขึ้น “ที่สามารถปลดปล่อยมหาบรรพบุรุษเป็นความรุ่งโรจน์ของข้าแล้วเผ่าพันธุ์หมาปาสวรรค์ในตอนนี้อยู่ในแดนรกร้างสภาพแวดล้อมอันต ราย,และพวกเขาต่างขาดแคลนอดอยากเพื่อที่จะขึ้นเป็นแสงนําทาง,ข้าขอความกรุณามหาบรรพบุรุษให้ออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็ว”
ราชันมารอสูรสูดจมูก “ไม่ใช่ปัญหา ข้าฟื้นคืนพลังมาได้ประมาณห้าในสิบส่วนแล้วไม่มีใครสามารถหยุดข้าไม่ให้ออกไปจากศาลากระบี่สวรรค์เมื่อหากฉกเอาต้นกําเนิด เส้นโลหิตวิญญาณและกลายเป็นจักรพรรดิมารอสูร,ทั่วทั้งพิภพจะต้องสยบลงแทบเท้าของพวกเราเผ่าหมาป่าสวรรค์”
เพียงแค่ห้าในสิบส่วนความแข็งแกร่งของเขาก็มากมายถึงเพียงนี้แล้ว หากเขาสามารถฟื้นคืนพลังกลับมาได้ทั้งหมด,เขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด?เซียวเฉินสงสัยอย่าง หวาดกลัว
“ฟ!”
มีเงาลอยมายังเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาได้ยินเสียงลม,เซี่ยวเฉินรู้สึกว่าหน้าอกของเขารัดแน่นขึ้นเขารีบใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยานและถอยกลับอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม,ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังจะลงจอดได้อย่างมั่นคง,กรงเล็บที่เที่ยวแห้งพุ่งออกมาจากพื้นดินและจับขาขวาของเขาเอาไว้กรงเล็บนั้นเหวี่ยงเขาด้วยพลังที่ไม่อาจต้าน
เซียวเฉินลอยไปราวกับกระสอบทราย,ชนเข้ากับกําแพงอย่างรุนแรงจากนั้นเขาก็ตกลงมาบนพื้นอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงปัง
“ข้าไม่คาดคิดว่ามดปลวกเยี่ยงเจ้าจะสามารถหลบหนีออกมาจากซากศะปรับแต่งนับร้อยตัว”
เซี่ยวเฉินดิ้นรนที่จะลุกขึ้นยืน,เขาสามารถเห็นรูปร่างหน้าตาของคนคนนั้นได้อย่างชัดเจนเขาพบว่านั้นคือยอดราชัน ซากศพที่รู้คาถาดําดินเขากําลังสวมเสื้อคลุมยาวสีทเองและขล
ความแข็งแกร่งของยอดราชันซากศพนั้นลึกล้ําเขามีความแข็งแกร่งของระดับขอบเขตกษัตริย์เป็นอย่างน้อยเปรียบเทียบกับเซี่ยวเฉินที่อยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ,เขาแข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมากเซียวเฉินไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้วิ่งหนี
“ปัง!”
ขณะที่เซียวเฉินกําลังครุ่นคิด,มือแข็งกร้านสีดําของยอดราชันซากศพก็ได้ลอยเข้ามาหาเขาแล้วนี่เป็นเพียงแค่หมัดที่ชกออกมาอย่างธรรมดาไม่มีลูกเล่นอะไรมันแบกพลังมหา ศาลและถูกชกออกตรงมาทางใบหน้าเซียวเฉิน
นี่เป็นเพียงหมัดที่ชกออกมาแสนธรรมดาที่พึ่งพาเพียงกําลังกายมันไม่ใช่ทักษะต่อสู้ ถึงอย่างนั้นเมื่อยอดราชันซากศพชกออกมามันเต็มไปด้วยพลัง,พุ่งทะลุผ่านอากาศมา
ก่อนที่เซียวเฉินจะมีเวลาได้คิด, หมัดสีดําก็ได้มาถึงตรงหน้าของเขาแล้ว เซี่ยวเฉินกําหมัดขวาของเขาไว้แน่ นและปล่อยออกไป
“ปัง!”
กําปั้นทั้งสองปะทะกันพวกเขาทั้งสองพึ่งพาเพียงกําลังกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พลังมหาศาลก่อให้เกิดละลอกคลื่นระเบิดไหลไปในอากาศเป็นเวลานาน
ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้มากกว่าของเซียวเฉินไปไกลโขกําปั้นนี้ทําให้เขาตัวลอยออกไปราวกับกระสอบทรายและกระแทกเข้ากับกําแพงด้านหลังของเขาอีกครั้ง
พลังจากกําปั้นของซากศพทําให้ภายในของเซี่ยวเฉินสั่นสะเทือนเลือดไหลรินออกมาจากริมฝีปากของเขามันเห็นชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บภายใน
นี่เป็นครั้งแรกที่เชี่ยวเฉินตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเมื่อประชันกันเรื่องพลังกายเขาได้ฝึกฝนร่างกายของเขามาเป็นเวลากว่าสิบปีตั้งแต่ยังเยาว์หลังจากนั้น,บุปผาเจ็ดสียังได้รุงเลือดเนื้อของเขาอาจกล่าวได้ว่าเขาได้ชุบกายเกิดใหม่,ตัวตนเก่าของเขาถูกลอกคราบออกไป
หมัดของเซียวเฉินมีกําลังมากกว่า1500 กิโลกรัมมันง่ายดายสําหรับเขาที่จะผ่าแยกหินก้อนใหญ่
อย่างไรก็ตาม,ยอดราชันซากศพมีร่างกายที่ปรับแต่งขัดเกลามาเป็นพิเศษเขาได้เปลี่ยนร่างกายให้เป็นซากศพหลังจากการบ่มเพาะพลังมามากกว่าหนึ่งร้อยปี,กําปั้นของ เขาอย่างน้อยต้องแบกพลังมามากกว่า 5000 กิโลกรัม
แรงห้าพันกิโลกรัมปะทะแรงหนึ่งพันห้ากิโลกรัม,มันเห็นชัดถึงความแตกต่าง
ยอดราชันซากศพมองดูเซียวเฉินที่ดิ้นรนลุกขึ้นยืน เกิดความประหลาดใจในดวงตาของเขา แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการออกหมัดชกธรรมดา,แต่พลังของมันสามารถทําให้ แขนของระดับขอบเขตนักบุญแหลกสลายไปอย่างง่ายดายคู่ต่อสู้ของเขาเป็นเพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธกําปั้นนี้ควรจะทําให้หัวใจและหัวใจของเขาแหลกสลายไปแล้ว
“ฟ!”
ยอดราชันซากศพเคลื่อนที่วูบไหวและคว้าคอของเซี่ยวเฉินด้วยกรงเล็บของเขา,ยกตัวของเซียวเฉินลอยขึ้นอย่างง่ายดาย เขาวางอีกมือหนึ่งของเขาลงบนหน้าอกของเซี่ยวเฉิน