บทที่ 168 เธอมันผู้หญิงบ้านนอกไร้การศึกษา
และในตอนนี้เองท่านแม่โจวก็เชื่อหมดใจว่าการที่เจ้าใหญ่กับเจ้ารองเรียนเก่งมันต้องเป็นเพราะแม่ของพวกเขาแน่ ๆ
ตระกูลโจวไม่มีพรสวรรค์ในการศึกษาเลย
อย่างเช่นโจวเซี่ยลูกชายของสะใภ้รองก็มีผลการเรียนในระดับกลาง ๆ
และที่มันเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเจ้ารองช่วยสอนให้เขา ไม่อย่างนั้นไม่ต้องพูดเลยว่าเขาจะมีผลการเรียนแย่ขนาดไหน อีกอย่างหนึ่งคือตอนที่เขากลับมาบ้าน เขาก็เอาแต่เล่นและไม่ทบทวนบทเรียนเลยสักนิด จนแม่ของเขาวิ่งไล่กวดและตะโกนด่าหาว่าเขาล้างผลาญเงิน หากเขาสอบเข้าไม่ได้ในอนาคตก็ไม่ต้องเรียนแล้ว
ในตอนนี้มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะมีระดับคะแนนที่ดีเพื่อจะได้เลื่อนชั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะได้เรียนซ้ำชั้นอีกปีหนึ่ง
โจวเซี่ยไม่ได้ตกต่ำถึงขนาดต้องเรียนซ้ำชั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถจะสอบได้คะแนนเต็มเหมือนกับเจ้ารองได้
จนกระทั่งการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนมาถึง การเรียนของหลินชิงเหอจึงชะลอลง
แต่ต้องบอกว่าเธอเรียนตำราระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นทั้งหมดจนเข้าใจกระจ่างแล้ว และเรียนเนื้อหาวิชาของระดับมัธยมปลายปีแรกไปเกือบหมดแต่ยังไม่ได้เรียนระดับมัธยมปลายปีต่อ ๆ ไปอีก 2 ปี เธอเห็นว่ามันยังมีเวลาอยู่ก็เลยชะลอการเรียนลง
การเก็บเกี่ยวฤดูร้อนช่างวุ่นวายนัก ต่อให้หลินชิงเหอทบทวนบทเรียนอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องหลักที่ต้องทำยังคงเป็นการดูแลโจวชิงไป๋
นับตั้งแต่การเก็บเกี่ยวฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้น หลินชิงเหอก็สั่งนมเพิ่มหนึ่งขวดทุกวัน แล้วมันก็กลายเป็นหมั่นโถวนมให้เขากับท่านพ่อโจวกินในตอนเช้าก่อนจะออกไปทำงาน
อาหารแสนอร่อยสามมื้อในหนึ่งวัน บวกกับถั่วเขียวต้มน้ำตาลข้นหนืดในตอนเที่ยง
อาหารแบบนี้ทำให้การเก็บเกี่ยวฤดูร้อนอันแสนเหน็ดเหนื่อยผ่านไปได้อย่างปลอดภัยในปีนี้
แต่ยังมีคนบางคนเผชิญอาการลมแดดอยู่ ซึ่งต้านีลูกสาวของสะใภ้ใหญ่เผชิญกับอาการนี้ หลินชิงเหอจึงให้ยากับหล่อน สะใภ้ใหญ่อยากจ่ายคืนให้เธอ แต่หลินชิงเหอก็ไม่รับ
พูดถึงต้านี ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว หลินชิงเหอได้ยินท่านแม่โจวพูดว่าตอนนี้สะใภ้ใหญ่เริ่มช่วยต้านีมองคนที่เหมาะจะมาเป็นคู่ครองที่ดีแล้วด้วย
แต่หลังจากคำนวณเวลาดูแล้ว พบว่าปีนี้ต้านีอายุ 16 ปี ซึ่งตามธรรมเนียมขั้นแรกของการแต่งงานในยุคนี้จะเป็นการเริ่มหาคู่ตอนอายุ 16 ปี
จากนั้นพวกเขาจะหมั้นกันก่อน แล้วรอจนกระทั่งอายุ 18 ปีถึงเป็นเวลาที่เหมาะสมในการแต่งงานออกจากบ้านเดิมไป
พวกเขายังให้ทางครอบครัวฝ่ายชายมาเยี่ยมเป็นบางครั้งบางคราวเพื่อช่วยงานหรืออะไรบางอย่างด้วย
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องปกติของชุมชนในชนบท เรื่องที่ลูกเขยจะมาช่วยงานด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้ว่าที่พ่อตาปริปากเอ่ย
หลังการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนเสร็จสิ้น สะใภ้ใหญ่ก็ได้เลือกลูกเขย
เขาเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน เป็นคนจากตระกูลหวัง
แม้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านโจวเจี่ยจะมีแซ่โจว แต่หนึ่งในสามของพวกเขาก็มีแซ่อื่น
คู่ของโจวต้านีเป็นชายหนุ่มที่อายุมากกว่าเธอ 1 ปี ปีนี้เขามีอายุเพียง 17 ปี มีความสูงอยู่ในมาตรฐาน ไม่มากกว่า 170 เซนติเมตร นับว่าตระกูลหวังเป็นครอบครัวที่ดีไม่น้อย
เขามีพี่น้องเพียง 2 คน ซึ่งนับว่าไม่มากนัก อย่างน้อยหลังจากที่พวกเขาแต่งงานแล้วก็สามารถแยกไปอยู่ในห้องแยกเล็ก ๆ ภายในบ้านได้
สองครอบครัวติดต่อกันเป็นการส่วนตัว ส่วนเรื่องอื่นนั้นเห็นได้เพียงผิวเผิน
ตอนนี้พวกเขายังเด็กนัก ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจึงไม่พูดอะไรมากในตอนนี้และรอจนกว่าเด็ก ๆ ของพวกเขาจะโตขึ้นถึงจะมีการพูดคุยกัน
ซึ่งตอนนี้วิธีหาคู่แบบนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยม
หลินชิงเหอรู้สึกว่ามันเร็วเกินไปสำหรับเรื่องแบบนี้ ตอนเธออายุ 16 เธอยังเรียนชั้นมัธยมอยู่เลย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่พูดอะไร
เด็กสาวคนนั้นไม่ใช่ลูกสาวของเธอ แต่เป็นลูกสาวของสะใภ้ใหญ่ แม้แต่ท่านแม่โจวที่เป็นแม่สามีก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง ดังนั้นปล่อยให้เป็นเรื่องของทางนั้นไปเถอะ
สะใภ้ใหญ่มีสายตาดีไม่น้อย คนที่หล่อนเลือกช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยม
หลังการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนเสร็จสิ้นก็มีการแจกจ่ายธัญพืชกัน
หลินชิงเหอขอให้น้องชายสามตระกูลหลินมาช่วยเหมือนกับปีที่ผ่านมา เธอให้อาหารในส่วนของเขาเพิ่มเติมกับน้องชาย
แล้วเธอก็ยังมอบเสื้อผ้าสองชุดที่ไม่ใช่แล้วของโจวชิงไป๋ให้กับเขาด้วย
แม้มันจะเป็นเสื้อผ้าเก่าไม่ใช่แล้ว แต่มันก็มีรอยปะชุนเพียง 4 ถึง 5 แห่งเท่านั้น ซึ่งนับว่าสภาพของมันยังดีอยู่
น้องชายสามตระกูลหลินได้ของกลับไปเป็นจำนวนมาก มากกว่าอาหารที่หลินชิงเหอได้รับแจกจ่ายเสียอีก แต่ในเมื่อท่านแม่โจวรู้เรื่องนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมืออีกต่อไป ตราบใดที่เธอไม่ทำแบบโจ่งแจ้งก็ไม่มีใครสงสัยในเรื่องนี้
หลังสะสมธัญพืชในครั้งนี้เสร็จ หลินชิงเหอก็ไปสมัครสอบเป็นครูคณิตศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมต้นประจำตำบล
เจ้าวายร้ายเฉินซานก็มาสมัครสอบในครั้งนี้ด้วยเหมือนกัน
เฉินซานตกใจเหมือนกันที่เห็นโจวชิงไป๋พาหลินชิงเหอมา แม้เขาจะหมายตาหลินชิงเหออยู่ แต่คราวที่แล้วเขาก็โดนหญิงสาวดูถูกกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า
หลังจากนั้นเมื่อเห็นว่าหลินชิงเหอไม่สนใจใด ๆ เขาก็หมดความสนใจไปเอง หลินชิงเหอเป็นสาวสวยเรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ถ้าให้พูดตรง ๆ เฉินซานก็ไม่กล้าทำอะไรตุกติกภายใต้สายตาของโจวชิงไป๋หรอก
คนอื่น ๆ ก็จำหลินชิงเหอได้เหมือนกัน
เห็นสายตาแบบนี้แล้ว โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอก็รู้ดี
โดยเฉพาะหลินชิงเหอที่คนทั้งสิบลี้แปดหมู่บ้านได้ยินถึงกิตติศัพท์ความฟุ้งเฟ้อของหญิงผู้นี้ พวกเขากลับไม่คิดเลยว่าเธอจะมาที่นี่ด้วย?
“อะแฮ่ม” ครูใหญ่ประจำตำบลเองก็ประหลาดใจเหมือนกัน เขาไม่คิดเลยว่าโจวชิงไป๋จะพาภรรยาของตนมาสอบตำแหน่งครูจริง ๆ หลังกระแอมไอแห้งครั้งหนึ่งแล้วเขาก็เอ่ยขึ้น “ยังมีเวลาเหลืออีกครึ่งชั่วโมงนะครับ ตอนนี้บรรดาครูในห้องคัดลอกคำถามข้อสอบใกล้เสร็จแล้ว ครั้งนี้เราจะเลือกคนที่มีคะแนนดีที่สุด โดยรับเพียงคนที่ได้ที่หนึ่งและที่สอง คนที่ได้ที่หนึ่งจะเป็นคุณครูอย่างเป็นทางการ ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้แล้วว่าตำแหน่งนี้จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ส่วนคนที่ได้ที่สองก็จะได้เป็นครูสำรอง โดยจะได้เงินเดือน 6 หยวนกับแต้มค่าแรง 3 แต้ม”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน ตอนแรกพวกเขาคิดว่าจะมีตำแหน่งครูแค่ตำแหน่งเดียว ไม่คาดคิดว่ามันจะมีตำแหน่งครูสำรองด้วย
หลินชิงเหอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง หากเธอไม่ได้ที่หนึ่ง เธอก็คงจะได้ที่สองล่ะ!
โจวชิงไป๋ไม่ได้กลับไปในทันที เขานั่งรอหลินชิงเหออยู่ข้างหลัง
ทันทีที่กระดาษข้อสอบพร้อมแล้ว มันก็มีคนทั้งหมด 18 คนที่ทำข้อสอบนี้รวมถึงหลินชิงเหอ
พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าห้องเรียนและเริ่มทำโจทย์ที่ได้รับ
กระดาษข้อสอบมี 2 ชุด แม้พวกเขาจะสอบเข้าในตำแหน่งครูคณิตศาสตร์ แต่ก็ยังมีกระดาษข้อสอบภาษาจีนด้วย
เพราะถ้าต้องมีครูสำรองเป็นการชั่วคราว มันก็จะต้องมีครูคนอื่นเข้ามาแทนที่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องมีความรู้ด้านภาษาจีนด้วย
หลินชิงเหอไม่ลังเลแม้แต่น้อย หลังมองกระดาษข้อสอบจนทั่วแล้ว เธอก็พบว่ามันไม่ยากแต่อย่างใด ทุกคำถามล้วนเป็นคำถามง่าย ๆ ต่อให้มันยากขึ้นมาอีกหน่อย มันก็ไม่ได้พลิกแพลงเท่ากับโจทย์ที่เธอให้เจ้าใหญ่ทำหรอก
หลินชิงเหอทำข้อสอบคณิตศาสตร์จนเสร็จภายในเวลาครึ่งชั่วโมง จากนั้นเธอก็ทำข้อสอบภาษาจีนต่อ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่มากเหมือนกัน
มันต้องใช้เวลาในการเรียบเรียงอยู่บ้างเพราะจำเป็นต้องเขียนเรียงความให้ได้ 500 ตัวอักษร ซึ่งหัวข้อเรียงความก็คือ ‘ก้าวหน้า’
เมื่อเห็นหัวข้อเรียงความอย่าง ก้าวหน้า แล้ว ก็ชัดเจนว่าจะต้องเขียนอะไรลงไป
แม้หลินชิงเหอจะรู้ถึงเหตุการณ์การพัฒนาในอนาคต แต่เธอก็ไม่กล้าเขียนมันลงไป เธอกลับเขียนนิยามหลักของคำว่าก้าวหน้า ขับขานลำนำว่าชีวิตของผู้คนจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องที่เธอเขียนล้วนมุ่งประเด็นไปในเรื่องนี้ ผ่านการเรียบเรียงข้อความอันสละสลวยและกินใจอย่างมาก
ซึ่งผลตัดสินก็ออกมาว่าไม่เพียงแต่เธอจะได้คะแนนเต็มในวิชาคณิตศาสตร์ แต่ยังได้คะแนนเต็มแบบไม่มีข้อผิดพลาดในวิชาภาษาจีนด้วย
ครูใหญ่โรงเรียนมัธยมต้นถึงกับประหลาดใจกับผลการสอบของเธออย่างมาก
“เป็นไปไม่ได้! นี่มันเป็นไปไม่ได้! เธอมันผู้หญิงบ้านนอกไร้การศึกษาชัด ๆ! แต่ทำไมถึงได้คะแนนสูงขนาดนี้!” หลังได้ยินคะแนนนี้แล้ว บัณฑิตชายที่ได้ที่สามก็รับไม่ได้กับผลการสอบนี้ และตะโกนขึ้นมาอย่างกังขาในทันที
การกระทำของเขาเหมือนจะบอกว่าหลินชิงเหอร่วมมือกับทางโรงเรียนโกงผลสอบนี้!
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่เก่งมากโหดมาก สมกับเป็นแม่วายร้ายทั้งสามจริง ๆ ค่ะ เฉินซานที่ว่าร้ายก็ร้ายสู้แม่ไม่ได้แล้ว
พ่อหนุ่มคนนั้นน่ะดูตาม้าตาเรือหน่อย สามีเขายังนั่งอยู่นะ ปากดีใส่แม่แบบนี้ระวังปากจะมีสีจากหมัดพ่อนะคะ
ไหหม่า(海馬)