หลังจากแสร้งทำเป็นไม่เต็มใจอยู่ครู่หนึ่ง เซี่ยฉิงกงก็ขึ้นรถโดยไม่เหลียวกลับไปมองอีกเลย
หลังจากขึ้นรถแล้ว รถก็แล่นไปเรื่อย ๆ อย่างนุ่มนวล ระหว่างทางกลับบ้านสกุลมู่ เซี่ยฉิงกงก็หลับตาลงหวังจะงีบสักครู่ เมื่อคืนเธอนอนดึก และตื่นแต่เช้าตรู่ ทำให้เธอรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามหลังจากงีบไปได้เพียงไม่กี่นาที เซี่ยฉิงกงก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจของใครบางคน พ่นรดบนใบหน้าของเธอ เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาวุ่นวายอยู่แถว ๆ ใบหน้าของเธอ
ครั้นลืมตาขึ้นมอง เซี่ยฉิงกงก็ต้องตกตะลึงไปกับใบหน้าอันหล่อเหลาของมู่เฉินฮ่าวที่ขยายใหญ่ขึ้นในคลองสายตา
“เฮ้ย ! จะทำอะไรน่ะ ! คุณทำให้ฉันตกใจกลัวแทบตาย !”
เซี่ยฉิงกงตบหน้าอกตนเอง พร้อมกับเบะปากอย่างหงุดหงิด
มู่เฉินฮ่าวค่อย ๆ คลายเน็คไทของเขาออก พลางกล่าวว่า
“มีเศษอาหารติดอยู่ที่มุมปากของคุณ คุณไม่เห็นเหรอ ? คุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ย มารยาทในการรับประทานอาหารของคุณแย่จริง ๆ “
“ก็ฉันชอบของฉันแบบนี้..ทำไมต้องทำตามใจคุณด้วยล่ะ ว่าต้องกินแบบไหนกินยังไง ?”
เซี่ยฉิงกงรำคาญนายน้อยตระกูลมู่คนนี้เต็มแก่ ยังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย ทำไมต้องมาบงการเธอทุกเรื่อง !
ถ้าต้องแต่งงานกันจริง ๆ ! จะหนักกว่านี้ไหมเนี่ย ? !
“คุณเป็นคู่หมั้นของผม ทำไมผมถึงจะไม่สนใจคุณล่ะ ? คุณคิดว่าการเป็นคุณหนูตระกูลมู่มันดีนักหรือไง ?”
มู่เฉินฮ่าวขมวดคิ้วเล็กน้อยเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แล้วคุณคิดว่าฉันอยากแต่งงานกับคุณงั้นเหรอ ? หากคุณไม่ต้องการฉันที่เป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไร ยังไงเสียบ้านสกุลเซี่ยก็ยังมีลูกสาวอีกคน เซี่ยชิงฉวนอาจเหมาะกับรสนิยมของคุณมากกว่า ว่ามั้ย ?” เซี่ยฉิงกงโต้กลับ
…
มู่เฉินฮ่าวสะอึกกับคำพูดของเซี่ยฉิงกง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“อาเจิ้งจอดรถ”
เอ๊ะ ! ผู้ชายคนนี้คงไม่ไล่เธอลงจากรถ แล้วปล่อยให้เธอเดินกลับเองหรอกนะ ! เซี่ยฉิงกงหันไปมองมู่เฉินฮ่าวอย่างระแวดระวัง
สีหน้าของมู่เฉินฮ่าวเวลานี้นั้นเย็นชาถึงขีดสุด ราวกับว่าเขาสามารถแช่แข็งผู้คนให้กลายเป็นหุ่นน้ำแข็งได้แม้จะไม่เจตนาก็ตามที
รถค่อย ๆ หยุดอย่างช้า ๆ
“นายน้อย มีอะไรหรือครับ ?”
คนขับที่ชื่ออาเจิ้งหันหน้ามาถาม
ก่อนที่มู่เฉินฮ่าวจะทันได้พูดอะไรออกมา ใบหน้าของเซี่ยฉิงกงก็กลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม เธอจับแขนของมู่เฉินฮ่าว เอ่ยกล่าวอย่างอ่อนหวานว่า
“แหม… ฉันก็แค่ล้อคุณเล่นเท่านั้น … “
“ลงไป”
ริมฝีปากบางของมู่เฉินฮ่าวเปิดออกเล็กน้อย เขาออกคำสั่ง
“นายน้อยนี่เป็นทางด่วน … ไม่ควร … ”
อาเจิ้งลังเล พร้อมกับกล่าว
“ลงไปซะ อย่าให้ผมต้องพูดเป็นครั้งที่สาม … ” มู่เฉินฮ่าวกล่าวช้าๆ
ฉิงกงยิ่งรู้สึกหดหู่ ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนหน้าไวเสียเหลือเกิน ยิ่งเมื่อครู่เธอได้ยินอาเจิ้งบอกว่ารถกำลังอยู่บนทางด่วน อันตรายเกินไปที่จะลงจากรถในสถานที่แบบนี้ จะดีจะร้ายยังไงก็ให้ลงจากทางด่วนก่อนไม่ได้รึไง ?
นี่เป็นวิธีที่ตระกูลมู่ปฏิบัติต่อว่าที่นายหญิงน้อยงั้นหรือ ?
เซี่ยฉิงกงเองก็อารมณ์ขึ้นเป็นเหมือนกัน เธอเตะประตูรถเปิดออก จากนั้นก็เหยียบรองเท้าส้นแหลมสูง 10 ซม. ก้าวลงจากรถ
เซี่ยฉิงกงอดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่ว่า
“ลงก็ลงสิ ใครสนใจอยากนั่งรถนายกัน มู่เฉินฮ่าวคอยดูเถอะ ไอ้คนลามก”
หลังจากที่รถขับออกไปได้ประมาณสิบเมตร รถก็หยุดอีกครั้ง ประตูเปิดออก อาเจิ้งวิ่งลงมาจากรถ เขายื่นโทรศัพท์มือถือส่งให้เซี่ยฉิงกง พลางกระซิบข้างหูของเซี่ยฉิงกงว่า
“คุณหนูเซี่ย..อย่าทะเลาะกับนายน้อยเลย มิฉะนั้นคุณจะต้องเสียใจเมื่อไปถึงบ้านสกุลมู่”
หลังจากพูดจบอาเจิ้งก็เดินกลับไปขึ้นรถ
มู่เฉินฮ่าวโผล่หน้าออกมาจากรถ เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แจ่มใส พลางพูดว่า
“ในนั้นมีแอพนำทางอยู่ ภายในสองชั่วโมงนี้ คุณต้องหาทางไปบ้านสกุลมู่ให้ได้ … ไม่เช่นนั้น … ผมไม่รับรองผลที่จะตามมา”
***จบตอน ลงรถบนทางด่วน***