ซูเฟยอึ้งไปเล็กน้อย เธอยิ้มจากนั้นก็หยิบกระเป๋ายา และก้าวออกจากห้องไป
อาเจิ้งและหมั่นโถวไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามอง ทั้งคู่รีบแจวอ้าวออกไปทันที
“นี่..อย่าเพิ่งไปสิ !”
จู่ ๆ เซี่ยฉิงกงก็รู้สึกไม่ดี …
แน่นอนว่าคนทั้งสามแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ‘เสียงเรียกขอความช่วยเหลือ’ จากเซี่ยฉิงกง พวกเขาต่างก็รีบผละจากไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมามอง
ทิ้งกันแบบนี้เลยเหรอ ?
ประตูปิดลง
ศีรษะเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกงแทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร เธอก็รู้สึกว่ารอบเอวของเธอถูกโอบรัดจนแน่น ตาสบตา ริมฝีปากของเธอกับเขาสัมผัสกัน
แม้ว่าฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดในร่างของมู่เฉินฮ่าวจะถูกทำให้เจือจางลงไปมากแล้ว หากแต่เซี่ยฉิงกงก็ยังรู้สึกได้ว่าเนื้อตัวของมู่เฉินฮ่าวร้อนผ่าว
ภายในห้องที่เงียบสงัด เซี่ยฉิงกงสัมผัสได้เพียงเสียงหัวใจของเธอกับเขาที่เต้นระรัวแข่งกัน ตุ้บ ๆ ๆ
เขาจูบเธออย่างดุดัน หากแต่เซี่ยฉิงกงกลับค่อนข้างลังเลที่จะผลักเขาออก
ทำไมเธอถึงรู้สึกเช่นนี้ คำถามมากมายพรั่งพรูเข้ามาในใจของเธอ
เธอไม่ชอบผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่หรือ ?
ทำไมเธอถึงเป็นกังวลมาก ทันทีที่ได้ยินว่าเขาสลบไสลอยู่ที่บ้านสกุลมู่
หลังจากจูบแล้ว มู่เฉินฮ่าวก็พบว่าคนในอ้อมแขนของเขาไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใด ๆ ครั้นเขาลืมตาขึ้น เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะโมโห หรือขำดี
เธอยังคงนิ่งงันอยู่ในความงุนงง ?
นี่..ทักษะการจูบของเขาแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ?
หลังจากจูบอย่างดูดดื่มลึกล้ำ เซี่ยฉิงกงก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะตื่นจากภวังค์
อารมณ์แปลก ๆ แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย เซี่ยฉิงกงรู้สึกราวกับมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบผ่านเข้ามาในสมองของเธอ ร่างของเธอพลันอ่อนระทวยไร้สิ้นเรี่ยวแรงต้านทานใด ๆ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอได้มานอนอยู่ในอ้อมแขนของมู่เฉินฮ่าวแล้ว
แน่นอน..มู่เฉินฮ่าวเองก็ย่อมต้องการที่จะขึ้นสวรรค์กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ ทว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ตระกูลฉีกล้ามาก กล้าวางยาปลุกเซ็กส์เขาเลยงั้นรึ ?
หากเซี่ยฉิงกงไม่รีบมาหาเขา มู่เฉินฮ่าวก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ จะใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ฉีเหยียนเอ๋อ
มู่เฉินฮ่าวกอดเซี่ยฉิงกงไม่ปล่อย
“เซี่ยฉิงกง บางครั้งผมก็หวังว่าคุณจะยอมทำตามความปรารถนาที่แท้จริงของตัวเอง และไม่ต่อต้านผมสักครั้ง ได้มั้ย ?”
เซี่ยฉิงกงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แววตาของเธอแลดูซับซ้อนเล็กน้อย หากแต่ไม่คาดคิด ที่สุดเธอก็พยักหน้ายินยอม
“อืม”
แม้ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธว่าไม่ชอบ หากแต่ในฐานะบุคคลที่มีความเกี่ยวพัน ความใส่ใจที่มีต่อกันย่อมส่งต่อความรู้สึกถึงกันได้ หากเซี่ยฉิงกงไม่รู้สึกกับเขาเลยแม้สักนิด เธอคงจะไม่รีบเร่งมาในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้
“ในเมื่อเราหมั้นกันแล้ว หากเป็นไปได้ ผมก็หวังว่าสัญญาการแต่งงานของเราจะยืนยาวไปตลอดชั่วชีวิตของเรา”
น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวสงบเยือกเย็น และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงรู้สึกปลอดภัย
มู่เฉินฮ่าวเติบโตในกองทัพตั้งแต่ยังเด็ก เขาถูกพากลับมาที่บ้านสกุลมู่ เมื่อเขาย่างเข้าสู่วัยรุ่น เจ้าบ้านมู่เป็นคนที่มีครบทั้งสามมุมมอง ดังนั้นมู่เฉินฮ่าวจึงไม่เคยให้คำมั่นสัญญาอะไรง่าย ๆ และเมื่อเขาให้คำมั่นสัญญา นั่นย่อมหมายถึงชั่วชีวิต (สามมุมมอง คือ ทัศนคติทางโลก // ทางด้านชีวิต // และคุณค่า หมายถึง หากทำอะไรก็ต้องมองว่าคุ้มค่าไหม ? ส่งผลต่อชีวิตอย่างไร ? และโลกจะมองเราเช่นไร?)
หัวใจของเซี่ยฉิงกงเหมือนโดนสึนามิถล่ม เธอได้แต่ตะลึงงัน
นี่..มู่เฉินฮ่าวกำลังสารภาพรักกับเธองั้นหรือ ?
ช่วงเวลานั้น เซี่ยฉิงกงนอนอยู่ในอ้อมแขนของมู่เฉินฮ่าว เธอไม่รู้ว่าควรต้องพูดอะไรออกไปดี
ครั้นเห็นว่าเซี่ยฉิงกงไม่ตอบสนองใด ๆ มู่เฉินฮ่าวก็ถอนหายใจ
“ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ฝืนใจคุณ ผมจะรอจนกว่าคุณจะยินยอมพร้อมใจ”
“งั้นก็..เก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน… ไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง คุณลุงมู่กับแม่ของคุณรอพวกเราอยู่ที่ห้องนั่งเล่นนานแล้ว ตอนนี้..คุณรู้สึกยังไงบ้าง ?”
“อืม..”
***จบตอน สารภาพรักงั้นหรือ ?***