นัยน์ตาของเจินเมี่ยวหยูเย็นชา
“บอกมาสิว่ามีเรื่องอะไร ?”
คนรับใช้ส่วนใหญ่ของบ้านนี้เป็นคนของเธอ ดังนั้นเจินเมี่ยวหยูจึงไม่ต้องกังวลอะไร
“คุณหนูใหญ่ร้องไห้ฟูมฟายฟ้องนายท่านว่า แม่บุญธรรมของเธอไม่ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่ดีที่สุด และโรงพยาบาลที่ถูกส่งเข้ารักษาตัวนั่นก็ทรุดโทรมาก นายท่านได้ยินแล้วก็โกรธมากเลยขอรับ”
คนรับใช้รายงานตามความเป็นจริง
“อืม”
รอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเจินเมี่ยวหยู
แน่นอนว่า ที่เซี่ยฉิงกงกลับมาในวันนี้ จุดประสงค์ย่อมไม่ใช่แค่เรื่องการหมั้น แต่โชคดีที่เธอเตรียมแผนสำรองไว้แล้ว
เจินเมี่ยวหยูสูดลมหายใจเข้าลึก เธอบอกเซี่ยชิงฉวนให้พักผ่อนมาก ๆ ยิ่งโมโห เด็กในท้องก็จะยิ่งไม่สบายตามไปด้วย
จากนั้นเธอก็จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะลงไปที่ห้องรับรอง
“เจิ้งหัว..คุณตามหาฉันงั้นหรือ ?”
เจินเมี่ยวหยูก้าวเข้าไปในห้องรับรอง ท่าทีของเธอยังคงอ่อนโยน และมากด้วยน้ำใจ ตามแบบฉบับภรรยา และแม่ที่แสนดี
“ผมไม่ได้บอกให้คุณจัดการให้แม่บุญธรรมของฉิงกงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดหรอกหรือ? ทำไมฉิงกงถึงบอกว่าโรงพยาบาลนั่นซอมซ่อมากล่ะ ?” เซี่ยเจิ้งหัวสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ทว่าเจินเมี่ยวหยูเป็นผู้หญิง เขาจึงไม่สามารถใช้น้ำเสียงดุดันเกินไปนักได้
“เป็นไปได้ยังไง ฉันขอให้หยุนเซินไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเลยนะ !”
ร่องรอยของความไม่เชื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจินเมี่ยวหยู จากนั้นเธอก็สั่งคนรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง
“ไปตามหยุนเซินมาสิ”
โจวหยุนเซินเป็นลูกชายของอดีตพ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลเซี่ย หลังจากที่พ่อบ้านคนเก่าเกษียณอายุ โจวหยุนเซินก็ดูแลงานของตระกูลเซี่ยแทนมาโดยตลอด
หลังจากได้ยิน เจินเมี่ยวหยูบอกว่า เธอสั่งให้โจวหยุนเซินเป็นคนไปจัดการเรื่องนี้ เซี่ยฉิงกงก็เดาได้ทันทีว่านี่คือ แผนสำรองของเจินเมี่ยวหยู
หลังจากนั้นไม่นานโจวหยุนเซินก็เดินเข้ามา เขาก้มคำนับ เอ่ยกล่าวด้วยความเคารพ
“นายท่าน นายหญิง มีอะไรจะสั่งการหรือครับ ?”
“ฉันถามนายหญิง เธอบอกว่าให้แกไปจัดหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดให้แม่บุญธรรมของคุณหนูใหญ่ แล้วโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของแกคือโรงพยาบาลอะไร ?”
โจวหยุนเซินตอบว่า “ที่ผมยังไม่ได้ให้แม่บุญธรรมของคุณหนูใหญ่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เจ้าหยาง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด เพราะจำเป็นจะต้องรอคิว ดังนั้นผมจึงส่งตัวเธอไปพักรักษาตัวในโรงพยาบาลใกล้ ๆ ที่ผมมีคนรู้จักอยู่ในโรงพยาบาลนั้นก่อน ผมจะได้ดูแลเธอง่ายขึ้น เมื่อบ่ายวานนี้โรงพยาบาลเจ้าหยางโทรมาหาผมบอกว่าได้เตียงแล้ว แต่พอผมไปรับแม่บุญธรรมของคุณหนูใหญ่ คนในโรงพยาบาลก็บอกว่าคุณหนูใหญ่กับคุณชายมู่รับเธอออกไปแล้ว”
การแสดงออกของเซี่ยเจิ้งหัวผ่อนคลายลงเล็กน้อย เมื่อเขาได้ยินคำบอกเล่าเหล่านั้น
“ทำไมแกไม่รีบบอกเรื่องนี้กับคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่เป็นคนกตัญญูและเป็นห่วงแม่บุญธรรมของเธอมาก”
“ผมประมาทเอง ผมขอโทษคุณหนูใหญ่ด้วย”
โจวหยุนเซินหันกลับมา โค้งคำนับให้เซี่ยฉิงกง
เซี่ยฉิงกงหัวเราะเยาะในใจ โจวหยุนเซินนี่ก็คงจะเป็นคนของเจินเมี่ยวหยูสินะ
ชั่วขณะนั้น เซี่ยฉิงกงก็รู้สึกเห็นใจเซี่ยเจิ้งหัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งบ้านนี้ เว้นแต่เซี่ยฉิงกงที่เพิ่งกลับมา แทบทุกคนล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเจินเมี่ยวหยู รวมถึงบริษัท และกิจการอื่น ๆ ด้วย
“ไม่เป็นไร” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า
ไม่มีประเด็นที่จะเล่นในเรื่องนี้อีก เจินเมี่ยวหยูน่าจะคาดไว้นานแล้วว่าเซี่ยฉิงกงจะต้องรู้เรื่องนี้ ดังนั้นจึงวางแผนรับมือไว้ล่วงหน้าอย่างระมัดระวัง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เซี่ยฉิงกงก็ยิ้ม
“คุณพ่อ อีกไม่ช้าหนูก็จะหมั้นกับเฉินฮ่าวแล้ว เฉินฮ่าวเป็นคนมากความสามารถ ในฐานะภรรยาของเขาหนูควรกระตือรือร้นมากกว่านี้ จะได้สามารถช่วยงานเขาได้ จริงไหมคะ ? หนูตรวจสอบแล้ว กลุ่มบริษัทของตระกูลเซี่ย มีบริษัทในเครือ ชื่อ ‘ฮุ่ยถังเน็ตเวิร์ค’ ซึ่งเป็นบริษัทเกมอินเทอร์เน็ตและขาดทุนอยู่ คุณพ่อให้หนูลองรับช่วงดูแลต่อกิจการนี้ได้ไหมคะ ?”
คำขอของเซี่ยฉิงกงทำให้สีหน้าของเจินเมี่ยวหยูเปลี่ยนไปทันที
“อย่าเลย ฉิงกง ฮุ่ยถังมีแต่ขาดทุน สิ้นปีนี้ก็จะปิดตัวลงแล้ว หนูไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นหรอก”
เซี่ยฉิงกงได้ศึกษาจิตวิทยา และศึกษาการแสดงออกทางจุลภาคอย่างเป็นระบบ ครั้นเห็นท่าทางที่แสดงความเอ็นดูของเจินเมี่ยวหยู เธอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ บริษัทย่อยในเครือแห่งนี้ต้องมีเรื่องฉ้อฉลแน่ ๆ
“โอ้ ! ถ้าเช่นนั้นฉันก็ยิ่งต้องพยายามให้มากขึ้น ดูสิว่าจะทำให้ บริษัทของคุณพ่อกลับมามีชีวิตชีวาได้ไหม”
***จบตอน บริษัทย่อยในเครือแห่งนี้ต้องมีเรื่องฉ้อฉลแน่ ๆ***