แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก – ตอนที่ 125 อาการป่วยของแม่บุญธรรม

เซี่ยเจิ้งหัวรู้สึกละอายใจต่อเซี่ยฉิงกงมาโดยตลอด เขามักคิดเสมอว่า รอให้ถึงวันที่เซี่ยฉิงกงแต่งงานเสียก่อน เขาจะเลือกบริษัทในเครือที่มีศักยภาพของกลุ่มธุรกิจตระกูลเซี่ยมอบให้เซี่ยฉิงกงเป็นสินสอด ตอนนี้เซี่ยฉิงกงเสนอตัวว่าจะขอรับบริษัทย่อยที่ขาดทุนไปฝึกฝนในการเป็นผู้บริหาร เซี่ยเจิ้งหัวจึงอดไม่ได้ที่จะไม่สบายใจ

 

“ฉิงกง พ่อรู้ว่าลูกเป็นคนมีเหตุผล หากแต่บริษัทย่อยแห่งนั้นอยู่ในภาวะขาดทุนมาโดยตลอด ทั้งกำลังจะปิดตัวลงในช่วงปลายปีนี้ หากหนูต้องการฝึกฝน พ่อจะเลือกบริษัทที่มีกำไรให้หนูดีกว่าไหม ? อย่างน้อยหนูก็จะได้นำกำไรเหล่านั้นไปใช้บ้าง”

 

เซี่ยฉิงกงยิ้มพลางส่ายหน้า

 

“ไม่ค่ะ คุณพ่อ ถ้าเป็นบริษัทที่มีกำไรอยู่แล้ว จะเรียกว่าฝึกฝนตัวเองได้อย่างไรกันคะ ?”

 

เซี่ยเจิ้งหัวได้แต่คิดคนเดียวในใจว่า เด็กคนนี้ช่างมีเหตุผลจริง ๆ

 

“ฉิงกง หนูเป็นเด็กดีมาก ในเมื่อหนูตัดสินใจเช่นนี้ พ่อก็เห็นด้วยกับหนู อย่างไรก็แล้วแต่ หนูก็อย่าได้เสียเวลากับบริษัทในเครือแห่งนั้นมากนักล่ะ ตระกูลเซี่ยของเราเน้นธุรกิจอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมมาโดยตลอด ส่วนธุรกิจด้านอินเทอร์เน็ตนั่นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราลองทำ เพื่อนำร่องเท่านั้น เป็นเรื่องปกติที่ผลประกอบการมักจะออกมาไม่ดีในช่วงเริ่มต้น”

 

“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ หนูจะตั้งใจทำงานนี้อย่างเต็มที่”

 

เซี่ยฉิงกงยิ้ม พร้อมกับก้มศีรษะลง ขณะเดียวกันเธอก็คิดว่า เพราะนี่คือโครงการนำร่อง จึงง่ายที่จะทำให้เห็นว่าจะล่มหรือรุ่งใช่มั้ย ?

 

“คุณลุงเซี่ยไม่ต้องเป็นกังวล ผมจะอยู่เคียงข้างฉิงกงเสมอ”

 

มู่เฉินฮ่าวกุมมือเล็ก ๆ ของเซี่ยฉิงกงเอ่ยกล่าวอย่างจริงจัง

 

เจินเมี่ยวหยูบีบฝ่ามือของเธอแน่น การแสดงออกบนใบหน้าของเธอกลับมาเป็นเช่นเดิม แววตาของเธอแสนใจดี อ่อนโยนและมีน้ำใจ

 

จะมีก็เพียงรอยยิ้มที่ปั้นแต่งใส่เซี่ยฉิงกงเท่านั้นที่แลดูปลอมเสียเหลือเกิน

 

หากมีความสุขจากใจจริง นัยน์ตาของคนเราย่อมต้องหรี่เล็กน้อย ในขณะที่มุมปากก็จะหงายขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน

 

ทว่ารอยยิ้มของเจินเมี่ยวหยู กลับมีเพียงมุมปากเท่านั้นที่ยกขึ้น ทว่านัยน์ตากลับแวววาวผิดปกติ

 

หลังอาหารมื้อค่ำ ทั้งสามก็กล่าวคำอำลาเซี่ยเจิ้งหัว

 

มู่จื่อหมิงใช้ชีวิตหลังเกษียณหมดไปกับการตกปลา เขาจึงกลับไปทำกิจกรรมโปรดของตน

 

มู่เฉินฮ่าวและอาเจิ้งก็แยกตัวกลับไปที่บริษัท เพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ส่วนหมั่นโถวก็พาเซี่ยฉิงกงไปเยี่ยมเซี่ยฉิวเจินที่โรงพยาบาลเอกชนสกุลมู่

 

ครั้นเซี่ยฉิงกงไปถึงโรงพยาบาล ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ฝนเทลงมา และนั่นส่งผลให้ทั้งเธอ ทั้งหมั่นโถวผู้ซึ่งไม่มีร่มเนื้อตัวเปียกโชก

 

หลังจากเข้าไปในตึกคนไข้ ทันทีที่เซี่ยฉิวเจินผู้ซึ่งแต่เดิมนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ได้เห็นเซี่ยฉิงกงซึ่งยามนี้เนื้อตัวเปียกโชก เธอก็เป็นกังวล เธอรีบลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูสะอาดมาเช็ดผมให้เซี่ยฉิงกง

 

“ฉิงกง ฝนตกแบบนี้ หนูไม่จำเป็นต้องมาเยี่ยมแม่ก็ได้  แม่อยู่ที่นี่สบายดีมากเลย เด็กโง่เอ๊ย ! หวังว่าจะไม่เป็นหวัดอีกนะ”

 

ครั้นได้ยินคำตำหนิของเซี่ยฉิวเจิน เซี่ยฉิงกงพลันรู้สึกจมูกคัดขึ้นมาทันที เธอหวนคิดถึงชีวิตที่ประสบมาก่อนหน้านี้

 

เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ตนเองจะเป็นทายาทจากตระกูลมั่งคั่งซึ่งหายจากบ้านตั้งแต่ยังแบเบาะ

 

ส่วนเซี่ยฉิวเจินก็ดูแลใส่ใจเธอเป็นอย่างมาก

 

“แม่ หนูไม่เป็นไร หนูแค่อยากมาหาแม่น่ะ”

 

เซี่ยฉิงกงยิ้ม ขณะพยายามกลั้นน้ำตา

 

ซูเฟยเปิดประตูเข้ามาพอดี เธอมองไปที่เซี่ยฉิงกงพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

“นายหญิงน้อย คุณอยู่ที่นี่ด้วย”

 

“ค่ะ ว่าแต่แม่ของฉันเป็นยังไงบ้าง ?”

 

“เราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะค่ะ คุณป้าเซี่ยควรต้องพักผ่อนอย่างเต็มที่”

 

“ได้สิ”

 

ขณะที่เซี่ยฉิงกงเดินตามซูเฟยไปที่ห้องทำงาน เธอก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย

 

“หมอซู แม่ของฉันเป็นอะไรมากหรือเปล่า …?”

 

ซูเฟยหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมายื่นส่งให้เซี่ยฉิงกง

 

“จากผลการตรวจ พบว่าคุณป้าเซี่ยป่วยมาก ทั้งยังมีเนื้องอกอีกด้วย ทว่านั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร หลังรับการผ่าตัดก็คงจะดีขึ้น โชคดีที่คุณพามาแต่เนิ่น ๆ หาไม่ หากเนื้องอกพัฒนาไปสู่มะเร็ง อาการก็จะร้ายแรงขึ้น ทว่าปัญหาใหญ่สุดตอนนี้ก็คือหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจของคุณป้าเซี่ยขาดเลือดอย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังพบว่าหลอดเลือดหัวใจมีอาการตีบตัน ซึ่งจำเป็นจะต้องเข้ารับการผ่าตัดขยายหลอดเลือดหัวใจโดยวิธีการดามขดลวด”

 

***จบตอน อาการป่วยของแม่บุญธรรม***

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก

แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก
Status: Ongoing
โดย เรื่อง แต่งก่อนค่อยอ้อนรัก บ้างส่วนของนิยาย ณ ผับคราวน์คลับ ที่ยิ่งดึกก็ยิ่งมีชีวิตชีวา ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งที่ตกแต่งด้วยแสงสลัว และมืดทึม “โจวตัน ไอ้หัวหมูนั่นอยากร่วมมือกับฉันด้วยเรอะ ! เฮอะ เขาคงเขมือบเงินทองมากไปจนไม่ดูฐานะของตัวเองเลย ถ้าไม่ใช่เพื่อกำราบความหยิ่งยโสของตระกูลเซี่ย ฉันไม่ทางเซ็นสัญญากับไอ้หมูนั่นแน่ ?” “ตูม !” มือเล็กกดโทรศัพท์บนโต๊ะ เพื่อปิดเสียงที่บันทึกไว้ นิ้วเรียวยาวขาวละเอียดวาวอย่างคนสุขภาพผิวดี “บอสโจว คุณได้ยินแล้วใช่ไหม ?” เจ้าของมือยิ้ม ใบหน้าของโจวตันที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนเป็นสีตับหมูซึ่งเห็นได้ชัดเจนมากแม้จะอยู่ภายใต้แสงริบหรี่ “อ้อ..และนี่” เซี่ยฉิงกงจูบสัญญานั่นแล้วพับครึ่ง ก่อนจะซุกไว้บริเวณบั้นเอวภายใต้เสื้อของเธอ เครื่องแบบบริกรของผับคราวน์คลับนี่ออกจะเปิดเผยมาก จนเซี่ยฉิงกงต้องดึงขอบเสื้อบนหน้าอกของเธอขึ้นอย่างแรง แต่ก่อนที่เธอจะจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกว่าไหล่ของเธอถูกดึงขึ้น “นี่เธอ ช่วยส่งไวน์นี้ไปที่ห้อง 8069 ด้วย” ผู้จัดการเจ้ากี้เจ้าการยกแขนของเซี่ยฉิงกงแล้วยัดถาดใส่มือเธอ เซี่ยฉิงกงยักไหล่ ในเมื่อปลอมตัวเป็นบริกรก็ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพจนกว่าจะหมดหน้าที่ อย่างไรเสียที่สุดฉันก็ได้สัญญามาแล้ว เอาเป็นว่าฉันยินดีที่จะส่งไวน์ให้ก็แล้วกัน “8096 หรือ 8069 ?” เซี่ยฉิงกงคลำทางเดินไปพร้อมกับถาดที่ใส่ไวน์แดง ขณะเดียวกันก็มองผู้คนในห้องส่วนตัวเหล่านั้นอย่างระแวดระวัง เธอโทรไปที่แผนกต้อนรับ แต่สายไม่ว่างเลย เธอจึงไม่รู้ว่าห้องไหนแน่ และนั่นทำให้เซี่ยฉิงกงต้องค่อย ๆ คลำหาไปเรื่อย ๆ “ช่างมันเถอะ เลือกเอาสักห้องก็แล้วกัน !” ต่อให้เปิดประตูเข้าไปแล้วผิด ก็แค่ออกมาเท่านั้นเอง ! เมื่อนึกได้เช่นนี้ เซี่ยฉิงกงก็เคาะประตู 8069 เธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใด ๆ จึงค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออก “อา !” แล้วเซี่ยฉิงกงก็ต้องผงะกับฉากในห้อง “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย… “ แม้ว่าแสงไฟจะไม่สว่างไสวเท่าใดนัก ทว่าเซี่ยฉิงกงก็พอจะมองเห็นว่า ชายคนหนึ่งในห้องกำลังกดร่างของผู้หญิงที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยอยู่บนโซฟา ทันทีที่เห็นประตูเปิดออก ทั้งสองคนในห้องก็มองไปที่ประตู เซี่ยฉิงกงยังคงสามารถมองเห็นผมยาวยุ่งเหยิงของสาวงามคนนั้น ทั้งยังใบหน้าที่ดูเหมือนจะเมามายเล็กน้อย นอกจากนี้เสื้อผ้าที่แหวกลึกของเธอยังเปิดรับสายลมฤดูใบไม้ผลิมากจนน่าละอาย “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ !” เซี่ยฉิงกงกำลังจะปิดประตู รีบเผ่นจากไป ทว่าชายในห้องกลับห้ามเธอไว้ มู่เฉินฮ่าวปลดมือหญิงสาวที่กำลังคล้องคอของเขาไว้ เขาเหลือบตาไปมองเซี่ยฉิงกงด้วยท่าทีที่อันตราย “ไม่คาดคิดว่าจะมีพวกมาด้วย” มู่เฉินฮ่าวลุกขึ้นนั่งตัวตรง สายตาที่เขามองเซี่ยฉิงกงเต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณผู้ชายคะ คุณเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักเธอเลย” เซี่ยฉิงกงรู้ดีว่าคนที่มาผับคราวน์คลับแห่งนี้ล้วนเป็นพวกเศรษฐี หรือมีอำนาจพอควร ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหาใด ๆ ที่นี่ หลังจากได้สัญญา และเสิร์ฟไวน์เรียบร้อยแล้ว เธอก็จะออกไปจากที่นี่ทันที “นั่นเธอถ่ายรูปไว้ใช่ไหม เอามานี่” เซี่ยฉิงกงเพิ่งสังเกตเห็นว่า เธอยังคงถือมือถือที่เพิ่งโทรหาแผนกต้อนรับเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง … แย่แล้ว ! เขาคงคิดว่า เธอกำลังถ่ายภาพลามกที่พวกเขามีอะไรกันเพื่อใช้แบล็คเมล์ ดังนั้นเขาจึงมองเธอด้วยสายตาเช่นนั้น ! คนอะไรหน้าด้านชะมัด ? นี่คงลักกินขโมยกินล่ะสิท่าถึงกลัวโดนถ่ายรูป ? หน้าตาก็หล่อเหลาดี แต่กลับกินไม่เลือกเหมือนหมา ฉิงกงคิดกับตัวเอง “คุณผู้ชาย ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถ่ายรูปคุณ” ในใจของเซี่ยฉิงกงรู้สึกขยะแขยง ทว่าเธอก็พยายามพูดอย่างใจเย็น เพราะมีรูปโป๊ของภรรยาโจวตันกับชายอื่นอยู่ในโทรศัพท์มือถือของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อาจโชว์ให้เขาดูได้ มู่เฉินฮ่าวยิ่งมั่นใจว่า ผู้หญิงทั้งสองคนเป็นพวกเดียวกัน “ใครส่งเธอมา ?” น้ำเสียงของมู่เฉินฮ่าวเย็นชา ทำให้เซี่ยฉิงกงอึดอัดมาก นี่หมายความว่าไง ? แสดงว่าต่อให้เธอกระโดดลงล้างตัวที่แม่น้ำฮวงโหก็ไม่สะอาดล่ะสินะ ? (สำนวนแปลว่า แก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น) “ฉันมาเอง” เซี่ยฉิงกงเผลอตอบไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหลือบไปมองหญิงสาวบนโซฟาที่กำลังมองจ้องมาด้วยสายตาแปลก ๆ เธอรีบเปลี่ยนคำพูดว่า “คุณผู้ชาย คุณเห็นมั้ย ? ฉันเป็นแค่บริกรตัวเล็ก ๆ ฉันต้องรีบนำไวน์ไปเสิร์ฟห้องที่เขาสั่งไว้ !” “เลิกพูดไร้สาระ ส่งโทรศัพท์ของเธอมา” มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจคำร้องขอความเมตตาของเธอ เขากวาดตามองเธอจากหัวจรดเท้าก่อนจะพูดต่อ เซี่ยฉิงกงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ คน ๆ นี้ คือโจโฉกลับชาติมาเกิดหรือไง ? ท่าทางเขาแลดูน่าสงสัยมาก ถ้าจะระแวงกันถึงขนาดนี้ จะมาเที่ยวผับนี่ทำไม ? “ฉัน…” “ยังไม่ไสหัวไปอีก !” “ฉันจะไปแล้ว จะไปแล้ว … ” เซี่ยฉิงกงพยักหน้า พร้อมกับโค้งคำนับทันทีที่เธอได้ยินประโยคนี้ “ไม่ใช่เธอ” มู่เฉินฮ่าวขัดจังหวะเซี่ยฉิงกงทันที เขาเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแววตาของเขาเย็นชาอีกทั้งน่ากลัว ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาดึงขอบเสื้อเกาะอกของเธอขึ้นมาให้เข้าที่เข้าทาง ความขาวเนียนราวหิมะทำให้เซี่ยฉิงกงตาแทบค้าง “คุณชายมู่… ” ผู้หญิงคนนั้นครางชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเสียใจ หากแต่เธอกลัวสายตาที่เย็นชาของมู่เฉินฮ่าวมากกว่า เธอจึงไม่กล้าขัดขืนคำสั่งเขา ก่อนที่เธอจะจากไป เธอยังกวาดตามองเซี่ยฉิงกงอย่างอาฆาตมาดร้าย เซี่ยฉิงกงสับสน เธอหันไปมองมู่เฉินฮ่าวด้วยความประหลาดใจ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ? “ฉันเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้น !” เซี่ยฉิงกงพยายามใจกล้ากล่าวย้ำอีกครั้ง มู่เฉินฮ่าวเยาะเย้ย “บริกรที่ผับคราวน์ก็ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเสิร์ฟน้ำเท่านั้นนี่” ครั้นได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เซี่ยฉิงกงก็เข้าใจได้ทันที เธอหยิบถาดขึ้นมาด้วยความโกรธ หวังจะรีบออกไปจากห้อง ทว่าเธอก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียว มู่เฉินฮ่าวก็กระชากตัวเธอกลับมาอย่างแรง ไวน์แดงในถาดพลัดตกลงบนพื้นและแตกกระจาย จบกัน ฉันทำไวน์ตกแตก ไวน์นี่มีมูลค่าหลายแสนเสียด้วย ? “คุณบ้าไปแล้ว !” เซี่ยฉิงกงโกรธมาก มู่เฉินฮ่าวไม่สนใจกับความโกรธของเธอเลย เขากดร่างเซี่ยฉิงกงลงบนโซฟา ครั้นถูกกดตัวอย่างแรง เซี่ยฉิงกงก็เดือดจัด เธอยกมือขึ้นผลักอกมู่เฉินฮ่าวออก “นี่ไม่ใช่ความต้องการของเธอหรอกเหรอ ในเมื่อมาเสนอตัวถึงหน้าประตูก็อย่าโทษว่าฉันหยาบคาย” “ความต้องการของฉันงั้นรึ ? นี่คุณสมองพิการหรือเปล่า..หา..?” เซี่ยฉิงกงดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับถูกกดตัวไว้อย่างแน่นหนา มู่เฉินฮ่าวยกมือของเธอขึ้นเหนือศีรษะ “ปล่อยฉันนะ คนไร้ยางอาย !”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset