ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 929 สงครามสายฟ้า

เมื่อทหารชุดแรกของทัพเฮยอวี่เข้ามาในภูเขา หลิวอี้เจาก็รีบกลับไปที่ภูเขาราชาหลี่ว์และแจ้งให้ทุกคนทราบ  

 

 

ตอนนี้หลิวอี้เจาได้รับหน้าที่ในการสอดแนมและสืบข้อมูล หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าหลิวอี้เจามีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ไม่ว่าหน่วยสอดแนมของฝ่ายตรงข้ามจะเก่งแค่ไหน แต่หน่วยสอดแนมจากอู่เว่ยสามารถบินได้ น่ากลัวหรือไม่  

 

 

ถึงแม้เขาจะถูกพบ แต่พวกนั้นก็ไม่สามารถไล่ตามเขาได้  

 

 

หรือต่อให้ตามไม่ทัน ก็ลืมมันซะ กองหน้าของทัพเฮยอวี่รู้ดีว่าไม่เพียงแต่พวกเขาไม่สามารถตามทัน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้เช่นกัน!  

 

 

ในความเป็นจริง หลิวอี้เจาถูกพบหลายครั้ง เมื่อทัพเฮยอวี่พบเขา พวกนั้นต่างก็ตื่นเต้นมาก ทุกคนรู้ดีว่ามีความลับมากมายซ่อนอยู่ในภูเขา ดังนั้นหากพวกเขาสามารถจับหน่วยสอดแนมได้ นั่นจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาอาจรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นบนภูเขาได้  

 

 

นั่นจะเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม  

 

 

แต่เมื่อพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะจับหลิวอี้เจาอย่างตื่นเต้น หน่วยสอดแนมจากทัพเฮยอวี่ก็ติดกับและถูกจัดการในป่า  

 

 

เมื่อผู้บัญชาการเห็นสิ่งนี้จากที่ไกลๆ พวกเขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย พวกเขาใช้ยอดฝีมือระดับหนึ่งมาเป็นหน่วยสอดแนม นี่มันโกงกันชัดๆ!  

 

 

หน่วยสอดแนมคนอื่นๆ จะวิ่งหนีทันทีที่เห็นคน แต่หน่วยสอดแนมของพวกนี้กลับไม่ได้หนีไปทันทีที่ถูกพบตัว แต่กลับฆ่าคนที่พบตัวเขาแทน  

 

 

ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ต่ำช้าจริงๆ!  

 

 

ในความเป็นจริง นี่เป็นเรื่องที่ต่ำช้ามาก ภายใต้สถานการณ์ปกติจะไม่มีใครใช้ยอดฝีมือระดับหนึ่งมาเป็นหน่วยสอดแนม ยิ่งไปกว่านั้นคือยอดฝีมือระดับหนึ่งไม่มีใครอยากเป็นหน่วยสอดแนม พวกเขาสามารถได้ทำในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองภายใต้จอมทัพสวรรค์ ใครจะยอมมาเป็นหน่วยสอดแนมและทำงานหนักขนาดนี้  

 

 

แต่หลิวอี้เจาจงรักภักดีต่อหลี่ว์ซู่มาก เขาจะทำทุกอย่างที่หลี่ว์ซู่บอกให้เขาทำ  

 

 

หลิวอี้เจาค่อยๆ มีความสุขอย่างมาก ตำแหน่งของเขาในฐานะหน่วยสอดแนมจะทำให้เขาสามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่ ในอดีตเขาเคยเป็นผู้บัญชาการกองทัพ เขาต้องคอยสังเกตสถานการณ์ทั้งหมดและสั่งการกองทัพ  

 

 

แต่ตอนนี้ต่างออกไป หลิวอี้เจารู้สึกว่าความสามารถในการบัญชาการกองทัพของเขาไม่แข็งแกร่งเท่ากับจางเว่ยอวี่หรือแม้แต่ตงเยี่ย พวกเขาทั้งคู่เคยเป็นทหารวังหลวงซึ่งเป็นผู้นำของหลิวอี้เจาและคนอื่นๆ  

 

 

ดังนั้น หลิวอี้เจาจึงมีความสุขกับบทบาทของเขาในฐานะหน่วยสอดแนม…ผู้บัญชาการของพวกเขาจะไม่กลายเป็นหน่วยสอดแนม ดังนั้นตราบใดที่ผู้บัญชาการของพวกเขาไม่ได้ต่อสู้กับเขาในระยะประชิด เขาก็จะยังอยู่รอดปลอดภัยไปสักพัก เขาเพียงแค่ต้องคอยระวังยอดฝีมือระดับหนึ่งทั้งสามคนเท่านั้น  

 

 

และถึงแม้ว่าเขาจะถูกทำร้ายก็คงไม่เป็นไร ตราบเท่าที่เขาอดทน เขามั่นใจว่ายอดฝีมือระดับหนึ่งสองคนที่มาพร้อมกับหลี่ว์ซู่จะมาช่วยเขา เขาเชื่ออย่างนั้น  

 

 

เมื่อข่าวของเขาเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทัพเฮยอวี่ หน่วยสอดแนมของทัพเฮยอวี่ก็รู้สึกรำคาญเล็กน้อย ในอดีต พวกเขาหวังว่าจะสามารถพบร่องรอยของศัตรูได้ เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นงานของพวกเขา  

 

 

แต่ตอนนี้กลับต่างออกไป พวกเขาไม่ต้องการเจอใครทั้งนั้น ทำไมน่ะเหรอ นั่นก็เพราะพวกเขากลัวที่จะตาย  

 

 

ทัพเฮยอวี่เริ่มคิดเช่นกันว่าถ้าหน่วยสอดแนมของพวกเขาเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่ง แล้วส่วนที่เหลือของกองทัพล่ะ แน่นอนว่าพวกเขาละทิ้งความคิดนี้ อย่างไรทัพเฮยอวี่ก็เป็นยอดฝีมือของยอดฝีมือ ยังจะมีกองทัพไหนที่แข็งแกร่งกว่าทัพเฮยอวี่อีกหรือ  

 

 

แน่นอนว่ามีกองทัพที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขา แต่คนเหล่านั้นอยู่ในเขตเหนือและเขตตะวันออก!  

 

 

เมื่อหลิวอี้เจาบินกลับมาพร้อมข่าวสาร ทัพอู่เว่ยก็เริ่มระดมพล พวกเขารีบขนธัญพืช อาวุธ และชุดเกราะเข้าไปในถ้ำหินปูน แยกออกไปตามมุมต่างๆ ของถ้ำหินปูนอย่างเป็นระเบียบ  

 

 

อย่างไรทัพเฮยอวี่ก็มีขนาดใหญ่กว่าทัพอู่เว่ยถึงสามเท่า ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขายังสูสีกันอย่างเท่าเทียมกันในแง่ของพลังการต่อสู้ของยอดฝีมือระดับหนึ่ง ดังนั้นหลี่ว์ซู่จึงไม่ต้องการปะทะกับพวกเขาโดยตรง  

 

 

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีได้โดยปราศจากอันตรายเมื่อทัพเฮยอวี่บุกเข้ามา พวกเขามีเกราะและหอกของหลี่ว์ซู่อยู่ในครอบครอง…  

 

 

ถึงแม้จางเว่ยอวี่จะไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ แต่นี่คือสิ่งที่หลี่ว์ซู่คิด…  

 

 

ก่อนที่ชนชั้นสูงในเขตเหนือจะเข้าใจว่าทำไมทัพเฮยอวี่จึงต้องการเข้าสู่ภูเขา ทัพอู่เว่ยก็ได้เปิดฉากการจ่อสู้กับทัพเฮยอวี่แล้ว!  

 

 

ไม่ว่าจะเป็นทัพเฮยอวี่หรือเหล่าชนชั้นสูงในเขตเหนือ ก็คงไม่มีใครคาดคิดว่าทัพอู่เว่ยเล็กๆ นี้จะปักหลักอยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว พวกเขาคุ้นเคยกับเส้นทางใต้ดินเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณแผนที่ของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋  

 

 

โดยปกติ เมื่อจางเว่ยอวี่พาพวกเขาออกไปฝึกหรือพาพวกเขาไปที่เทือกเขา เขาจะตั้งใจเดินผ่านถ้ำหินปูน นี่ก็เพื่อให้ทหารของทัพอู่เว่ยจะได้สามารถเดินไปมาในถ้ำหินปูนได้เหมือนเดินในสวน  

 

 

ตอนนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าตราบใดที่ยังมีแสงสว่าง จะไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวของทัพอู่เว่ยที่จะหลงทางใต้ดิน  

 

 

แต่ทัพเฮยอวี่นั้นแตกต่างออกไป ไม่ว่าพวกเขาจะกล้าเข้าไปในถ้ำหินปูนหรือไม่ นั่นก็เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน  

 

 

ผู้บัญชาการทัพเฮยอวี่ทั้งห้าคนสั่งให้กองทหารเข้าไปในภูเขา เส้นทางบนภูเขาทั้งแคบและคดเคี้ยว นอกจากนี้ภูเขายังปกคลุมพื้นที่จำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเดินทัพไปเป็นกองทัพเดียวได้ ในตอนแรกพวกเขาต้องการที่จะล้อมกองทัพที่อาจอยู่ในภูเขา เพราะถ้าทั้งกองทัพอยู่ร่วมกัน ประสิทธิภาพของพวกเขาก็จะลดลงเช่นกัน  

 

 

พวกเขาแยกออกเป็นห้ากลุ่ม หน่วยสอดแนมทำหน้าที่เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างกลุ่ม หากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเกิดการต่อสู้ ผู้ที่อยู่ในพื้นที่อื่นก็จะมาช่วย  

 

 

จากที่พวกเขาพูด ตราบใดที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งสามารถซื้อเวลาไว้ได้ อีกสี่กลุ่มที่เหลือก็จะสามารถเร่งรีบไปต่อได้ พวกเขาอยู่ห่างจากกันมากที่สุดครึ่งวัน  

 

 

แต่ในขณะที่พวกเขาแยกจากกัน กลุ่มที่ประกอบด้วยทหารสามพันนาย ก็ถูกทัพอู่เว่ย ซุ่มโจมตี  

 

 

ทหารเหล่านั้นปรากฏตัวขึ้นเหมือนภูตผี ทัพเฮยอวี่ไม่รู้ว่าพวกเขามาจากไหน ราวกับว่าพวกเขาโผล่ออกมาจากอากาศรอบตัว และทันใดนั้นพวกเขาก็เริ่มโจมตีจากด้านหลัง  

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นคือทหารเหล่านี้ไม่ได้ต่อสู้เป็นเวลานานนัก หลังจากที่พวกเขาโจมตีและสังหารแล้ว พวกเขาก็วิ่งหนีไป ทัพเฮยอวี่ไม่แม้แต่จะสามารถกันพวกเขาไว้ได้!  

 

 

ทัพเฮยอวี่ได้รู้ว่าไม่มีใครที่ระดับต่ำกว่าสามเลยในหมู่ทหารเหล่านั้น!  

 

 

นี่เป็นเรื่องที่แปลกเกินไป กองทัพที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร แม้แต่กองทัพในเขตเหนือและเขตตะวันออกก็ยังไม่แข็งแกร่งขนาดนี้ กองทัพทั้งสองยังคงมีทหารระดับสี่ปะปนอยู่ด้วย  

 

 

การต่อสู้ขนาดย่อมๆ นี้เหมือนกับสายฟ้าฟาด เกิดขึ้นและจากไปอย่างรวดเร็ว  

 

 

หากทหารฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ลืมไปซะเถอะ ผู้บัญชาการทัพเฮยอวี่พบว่ามียอดฝีมือระดับหนึ่งอยู่ใต้ดินคอยป้องกันศัตรูให้ด้วย!  

 

 

หลังจากแอนโทนีก้าวขึ้นสู่ระดับหนึ่ง ปัญหาของเขาก็ปรากฏขึ้น  

 

 

ความจริงพิสูจน์แล้วว่าสวรรค์นั้นยุติธรรม ก่อนที่ผู้มีพลังธาตุดินจะก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่ง พวกเขามักจะได้รับการยกย่องจากผู้มีพลังสายธาตุเสมอ แต่หลังจากที่พวกเขาก้าวไปสู่ระดับหนึ่งแล้ว ทุกคนก็บินได้ยกเว้นพวกเขา เขาสามารถแสดงศักยภาพทั้งหมดของเขาได้แค่บนพื้นดินเท่านั้น  

 

 

ตัวอย่างเช่นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋สามารถทำให้แอนโทนีควบคุมหาดทรายขาวและทะเลลึกจากบนฟ้าได้ แต่นี่จะเป็นการใช้ประโยชน์จากความสามารถเพียงบางส่วนเท่านั้น  

 

 

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แอนโทนีเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำลายการรูปขบวนในระหว่างการต่อสู้ นอกจากนี้เมื่ออู่เว่ยถอยทัพ แอนโทนีก็สามารถสร้างกำแพงดินเพื่อกันทหารที่ไล่ล่าพวกเขามาได้อย่างง่ายดาย  

 

 

สงครามสายฟ้าขนาดน่อมเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ทัพเฮยอวี่ต้องประหลาดใจ  

 

 

แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset