นี่ผมฝันไปรึเปล่า
ผมกำลังเดินกลับบ้านด้วยกันกับสาวงามนักเรียนชาวต่างชาติที่เพิ่งย้ายมาวันแรก
ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆก็ได้ยินเสียงชาร์ล็อต
“เป็นอะไรจ๊ะเอมม่า”
เอมม่ากระตุกแขนเสื้อผม สักพักเธอผายมือสองข้าง
“อุ้มหน่อย”
กะแล้วเชียวว่าเด็กเพิ่งตื่น ไม่น่าจะมีแรงเดินไหว
ทีนี้ปัญหาคือจะให้อุ้มต่อหน้าพี่สาวจะได้รึเปล่า
ผมเหลือบตามองชาร์ล็อต
เธอส่ายหน้าปฏิเสธ
“เอมม่า อย่าไปรบกวนอาโอยางิคุงสิ หนูเดินไหวอยู่แล้วเนอะ”
ชาร์ล็อตนั่งยอง สบสายตาระดับเดียวกับเอมม่า กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ดูเหมือนว่าเอมม่าจะไม่ยอมรับง่ายๆ น้องส่ายหน้าปฏิเสธ และหันมามองผม ด้วยแววตาที่มีน้ำเสียงว่า “อุ้มหนูหน่อยน้า”
เจอสายตาอ้อนวอนจากเด็กน่ารักแบบนี้เป็นใครก็ยากจะปฏิเสธจริงๆ
“ไม่เป็นไรครับคุณชาร์ล็อต ผมอุ้มเอมม่าไหว น้องน้ำหนักตัวเบา แต่ก็นะ ถ้าคุณไม่อยากให้ผมอุ้มน้องสาว คุณสามารถบอกผมได้นะครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ไม่ได้มีความคิดแบบนีั้นเลย ชั้นแค่ไม่อยากรบกวนอาโอยางิคุงไปมากกว่านี้”
“สบายมากครับ แล้วก็ถ้าผมอุ้มเธอ พวกเราจะเดินกลับถึงบ้านไวกว่าด้วย”
ปกติผมคิดว่าน้องคงเดินไหวแหละ แต่วันนี้เอมม่าเป็นเด็กหลงทางมา น่าจะใช้แรงกายเยอะ ฉะนั้นถ้าผมอุ้ม จะไวกว่าและน้องจะได้พักผ่อนเร็วๆด้วย
ผมเอ่ยความคิดเรื่องนี้ให้ชาร์ล็อตฟัง สุดท้ายเธอก็ยินยอม และผมก็อุ้มเอมม่า
“ฮะฮะฮะ”
พอถูกอุ้มเท่านั้นแหละ เอมม่าเปล่งเสียงแสดงความดีใจมากๆ ดูเหมือนว่าน้องจะชอบให้คนอุ้มมากๆ
“ขอโทษอาโอยางิคุงด้วยนะ ไว้กลับถึงบ้านชั้นจะอบรมเอมม่าเรื่องนี้”
“อย่าเลยครับ เรื่องมันจิ๊บจ๊อย สบายๆครับ”
“ฮะฮะ อาโอยางิคุงเป็นคนอ่อนโยนจริงด้วย”
เจอน้องเอมม่าอ้อนผมก็ดีใจแล้ว มาเจอชาร์ล็อตกล่าวชมอีกผมยิ่งดีใจคูณสองเลย
ขณะที่ผมกำลังจะสนทนากับชาร์ล็อตต่อ เอมม่ากล่าวขัดขึ้น
“บู่…..พวกโอนี่จังคุยเรื่องอะไร เอมม่าไม่เข้าใจเลย”
ผมก็ลืมไปว่าตอนคุยกับชาร์ล็อต ผมกับเธอใช้ภาษาญี่ปุ่นสนทนากัน เลยกลายเป็นว่าเอมม่าเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ว่าพวกผมคุยอะไรกัน
“ขอโทษนะ เดี๋ยวจากนี้พวกพี่จะใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารแล้วกันนะ”
ผมกล่าวขอโทษเอมม่า
“ขอบคุณนะ อาโอยางิคุง ภาษาอังกฤษของอาโอยางิคุงสื่อสารได้ดีจริงๆ”
ทางด้านชาร์ล็อตก็กล่าวชมผมและเริ่มใช้ภาษาอังกฤษเช่นกัน
“คุณชาร์ล็อตเองก็เก่งญี่ปุ่นไม่ต่างกันนะครับ”
ทั้งสองคนจะกล่าวชมภาษากันและกัน และมีถามเรื่องว่าไปเรียนจากไหน ทางชาร์ล็อตบอกว่า ครอบครัวเป็นคนสอน อากิฮิโตะก็จะคิดในใจว่า ชาร์ล็อคคงเป็นลูกคุณหนูร่ำรวย และถ้าครอบครัวสอนภาษาญี่ปุ่นได้คงไม่ใช่คนธรรมดา แต่จะให้ถามเจาะลึกไปมากกว่านี้ก็ดูเสียมารยาท ระหว่างที่คิดอยู่ เอมม่ากล่าวแทรกขึ้นมา
“เอมม่าอยากพูดภาษาญี่ปุ่นบ้าง”
“ไม่ต้องกังวลครับ เดี๋ยวเอมม่าก็พูดภาษาญี่ปุ่นได้ครับ”
“จริงเหรอ..?”
“อืม จริงสิครับ”
“เย่!”
เอมม่าแสดงความดีใจเมื่อได้ยินคำพูด ซุกหน้าเข้ากับ อกผมราวกับน้องเป็นลูกแมว
ถ้าเธอมีพี่สาวแบบชาร์ล็อตที่พูดญี่ปุ่นได้ระดับสื่อสารไหลลื่น รู้สำนวนลึกซึ้ง ยังไงไม่นานเอมม่าก็ต้องพูดได้แน่นอนขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
“…….”
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
ผมสังเกตเห็นชาร์ล็อตทำท่าเหมือนติดใจอะไรบางอย่างเลยเอ่ยปากถาม
“เปล่าค่ะ แค่เห็นเอมม่าทำท่าอ้อนได้ขนาดนี้เลยรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย”
“น้องอาจจะติดคนง่ายมั้งครับ”
“ไม่หรอกค่ะ จริงๆถ้ามองจากมุมมองคนทั่วไปก็น่าจะรู้สึกได้ว่า เอมม่าเป็นเด็กที่ไม่ได้ติดคนง่ายๆ ชั้นไม่เคยเห็นเอมม่าอ้อนใครแบบนี้นอกจากคนในครอบครัวมาก่อน”
ผมตะลึงในคำตอบของชาร์ล็อตเพราะคาดไม่ถึง เนื่องจากตอนเอมม่าอยู่กับผม ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าน้องเป็นคนแบบที่ชาร์ล็อตกล่าว
“ฮะฮะฮะ”
เอมม่าเปล่งเสียงหัวเราะน่ารักก่อนซบหน้าลงกับอกผมอีกครั้ง
น้องน่ารักมากจนผมลูบหัวเธอ พอถูกลูบหัวน้องยิ่งทำท่าอ้อนผมยิ่งกว่าเดิม
“ชั้นอยากรู้เลยว่าอาโอยางิคุงใช้วิธีไหนถึงทำให้เอมม่าติดเธอได้ขนาดนี้”
“ผมก็แค่เปิดคลิปแมวให้น้องดูนะครับ”
“แค่นั้นเองเหรอ ถึงเอมม่าจะชอบแมวมากก็เถอะแต่ก็ไม่คิดว่าวิธีนั้นจะทำให้ติดเธอได้นะ”
ตอนแรกชาร์ล็อตก็ติดใจ อยากจะหาคำตอบในเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็เลิกสนใจ เปล่งเสียงหัวเราะน่ารัก
“จริงๆข้อสรุปมันก็อาจจะเป็นแค่ อาโอยางิคุงเป็นคนใจดีมากๆเท่านั้นก็ได้นะ”
“ง..งั้นเหรอครับ”
อาโอยางิเห็นชาร์ล็อตหัวเราะก็เกิดอาการใจเต้นตึกตัก
การที่เธอประเมินค่าเขาไว้สูงมันทำให้อาโอยางิรู้สึกดีใจมาก
หลังจากนั้นพวกผมสามคนก็เดินกลับบ้านด้วยกันเรื่อยๆ ระหว่างที่อาโอยางิกำลังรู้สึกว่าอยากจะให้ช่วงเวลานี้อยู่ไปนานๆ ทว่า..
“เอ่อ คุณชาร์ล็อตครับ ทำไมอยู่ๆคุณถึงเว้นระยะห่างจากผมรึครับ”
อาโอยางิถามด้วยความสงสัยเพราะว่าเดินอยู่ด้วยกันดีๆ จู่ๆชาร์ล็อตเว้นระยะเดินด้วยกันซะงั้น ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดไป
“คือว่า…ก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรพิเศษจ๊ะ”
ถึงจะบอกว่าไม่มีเหตุผล แต่อยู่ๆถ้าถูกสาวงามที่เดินด้วยกันแต่แรกแล้วเว้นระยะห่างดื้อๆ เป็นใครก็เฟล หรือเธอไม่อยากจะเดินด้วยกันกับเรารึเปล่า
“ขอโทษนะคะ”
“ท..ทำไมขอโทษผมล่ะครับ”
“คือว่าชั้นไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดี”
ท่าทางและน้ำเสียงขอโทษของเธอจริงจังมาก แต่นั่นยิ่งเพิ่มความสงสัยให้อาโอยางิ
“ถ้างั้นทำไมถึงเว้นระยะล่ะครับ”
ชาร์ล็อตหลบตาอาโอยางิ สีหน้าดูลำบากใจและลังเลที่จะตอบคำถามนี้ แต่สุดท้ายชาร์ล็อตก็ตอบด้วยสีหน้าแดงจัด และน้ำเสียงที่ขวยเขิน
“ชั้นเพิ่งนึกออกว่าวันนี้ชั้นวิ่งวุ่นทั้งเย็นจนเหงื่อท่วมตัวไปหมด ก็เลย..รู้สึกอาย”
อ้ออ ก็สมเป็นเด็กผู้หญิงล่ะนะ ที่แท้เธอกังวลเรื่องกลิ่นตัวแน่ แต่ว่าท่าทางขวยเขินของเธอมันน่ารักมาก สาวน้อยนักเรียนชาวต่างชาติทำท่าเขินมันไม่ใช่ภาพที่หาดูได้ง่าย แต่ผมมีโอกาสได้เห็นมัน เล่นเอาผมแทบจะลืมหายใจ