อารมณ์น้อง มันเป็นเรื่องที่เห็นได้นานๆทีตามห้างสรรพสินค้า ที่มีเด็กลงไปงอแงกับพื้นเมื่อขอพ่อแม่ซื้อของเล่นแต่เขาไม่ซื้อให้ อารมณ์โกรธเอมม่าก็แบบเดียวกับเด็กพวกนั้นแหละ ถึงเด็กจะโกรธพ่อแม่ที่ไม่ซื้อของให้ แต่บอกว่าเด็กไม่รักพ่อแม่เหรอ ก็ไม่ใช่
ปัญหาคือผมไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ชาร์ล็อตเข้าใจในแนวคิดตรงนี้
“ผมเองที่เพื่งจะได้รู้จักพวกคุณชาร์ล็อต พูดแล้วอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อถือ แต่ในสายตาผม คุณชาร์ล็อตกับเอมม่ามีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากนะครับ”
ผมเลือกใช้คำพูดที่มองว่าผู้ฟังรับสารที่ผมกล่าวแล้วน่าจะสบายใจ
“แล้วก็เมื่อไม่นานนี้ เอมม่าก็เป็นคนบอกจากปากตัวเองว่า คุณชาร์ล็อตเป็นพี่สาวที่ใจดี หนูรักพี่ชาร์ล็อตที่สุดด้วยครับ”
“เอมม่าพูดแบบนั้นเลยเหรอ…..”
แววตาชาร์ล็อตตื้นตัน ผมกับเธอมองไปที่เอมม่าที่ตอนนี้หลับสนิทจนไม่รู้ว่ามีสายตาคนสองคนมองเธออยู่ ใบหน้าเอมม่าหลับพร้อมรอยยิ้ม ดูภายนอกปราดเดียวก็มองได้ว่าเธอหลับอย่างมีความสุขมาก
“อาโอยางิคุง”
“ครับ?”
“อาโอยางิคุงนี่เป็นคนที่น่าพิศวงดีนะคะ”
“หือ?”
ผมงงสิ สรุปนี่คำชมหรือด่าก็ไม่รู้
“ที่ผมพูดมีตรงไหนแปลกรึเปล่าครับ”
“เปล่า ไม่มีค่ะ”
ผมถามแบบมึนๆไปก่อน ส่วนชาร์ล็อตฟังคำตอบผมจบ ตอบกลับพร้อมส่ายศีรษะ จากนั้นเธอยกมือขวาทาบอก พร้อมส่งรอยยิ้มอบอุ่น
“การที่ชั้นได้คุยกับอาโอยางิคุง ชั้นรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ และเธอเป็นคนที่เข้าใจในตัวเอมม่าเป็นอย่างดีด้วย”
ด้วยรอยยิ้มและคำชมของชาร์ล็อต ทำให้ผมหัวใจเต้นแทบกระดนออกจากปาก
“พูดตามตรงว่าชั้นไม่ถนัดในการรับมือเรื่องผู้ชาย บางคนมีแววตาที่น่ากลัว แต่อาโอยางิคุงแตกต่างออกไป แววตาเธอเต็มไปด้วยความอ้่อนโยน เพียงแค่มีเธออยู่เคียงข้าง ชั้นก็รู้สึกสบายใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่ชั้นบอกว่าอาโอยางิคุงเป็นคนน่าพิศวงคือเรื่องนี้แหละ ไม่รู้ชั้นพูดอะไรลงไปเนอะ ฮะฮะ”
ชาร์ล็อตหัวเราะกลบเกลื่อนความเขิน ใช้มือเสยทัดผมไปด้านข้าง
ผมคิดว่าเธอนี่ขี้โกงชะมัด เธอชมมาแต่ละทีนี่ผมไม่รู้จะตอบกลับยังไงให้คุ้มเลย
“ผมดีใจนะครับที่คุณชาร์ล็อตกล่าวชมผมถึงขนาดนี้”
“งั้นเหรอคะ เธอดีใจชั้นก็พอใจแล้ว”
สุดท้ายพวกผมสองคนเขินกันเองทั้งคู่ ต่างต่างเงียบไม่พูดไม่จาเดินเล่นไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย แต่ว่าด้วยบรรยากาศพาไปหรืออะไรก็ตาม ระยะห่างของทั้งสองคนลดลงจนเดินเคียงข้างกันจนไหล่แทบชนไหล่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มเดินเข้าหาอีกฝั่งก่อน ภายในใจผมคิดว่า ไม่พูดจาเดินกันไปเงียบๆแบบนี้ มันก็ออกจะน่าเสียดายไปสักหน่อย
“คือว่า ปกติคุณชาร์ล็อตชอบอะไรบ้างครับ”
แม้ผมอยากจะพูดทำลายความเงียบ แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะใช้คำไหนดี เลยเลือกถามเรื่องบ้านๆเลยละกัน ออกจะเป็นคำถามเรียบง่าย แต่ก็เป็นสิ่งที่ผมอยากจะรู้ด้วย ผมคิดว่าคำถามนี้ก็ไม่ได้เป็นคำถามที่แย่นะ
“ของที่ชอบเหรอ ขอคิดก่อนนะ”
แม้ว่าจะเป็นคำถามง่าย จะตอบปัดๆก็ไม่ยาก แต่เธอก็เริ่มต้นคิดอย่างจริงจังใช้นิ้วแตะปาก
แสงจันทร์ที่สาดส่องทับเรือนร่างเธอในตอนนี้ช่างงดงาม แค่มองเธอผมก็ตกหลุมรักแล้ว
“คิดว่าสิ่งที่ชอบเป็นมังงะค่ะ”
“หือ หมายถึงยังไงรึครับ
“ชั้นชอบมังงะที่สุด แล้วก็มีเก็บสะสมอนิเมะด้วย”
ไม่น่าเชื่อว่า คนที่บรรยากาศมีออร่าความเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์แบบเธอจะชอบของแบบนี้ แต่ก็นะ เรื่องความชอบมันไม่มีข้อห้ามสักหน่อย
“อ้อ แล้วก็ชอบคนคอสเพลย์ด้วยค่ะ”
“เอ๋”
คนคอสเพลย์เหรอ อย่าบอกนะว่าเธอเคยทำด้วย
“ชั้นคิดว่าคนคอสเพลย์นี่เป็นอะไรที่สุดยอดมากเลยนะ คนที่ทำให้ตัวละครอนิเมะมาปรากฏบนโลกจริงนี่มันดีมาก ชั้นเองสักวันก็คิดอยากจะคอสเพลย์ดูสักครั้งเหมือนกัน”
โอเค ชัดเจนครับ คุณชาร์ล็อตนี่โอตาคุตัวแม่เลยนี่หว่า
แต่ก็นะ ถ้าสวยระดับคุณชาร์ล็อตคอสเพลย์นี่ ผมก็อยากเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง
“ที่ชั้นได้มาอาศํยที่ญี่ปุ่นนี่ชั้นดีใจมาก เพราะว่าที่นี่มีมังงะที่ชั้นชอบเต็มไปหมด อนิเมะก็มีคุณภาพสูง คนคอสเพลย์ก็มีให้เห็นทั่วไปด้วย”
“งั้นเหรอครับ”
“ชั้นอ่านมังงะเยอะมาก เลยเรียนรู้และได้คำศํพท์มาจากมังงะพอสมควร
แล้วก็อยากดูอนิเมะเข้าใจ ชั้นเลยพยายามเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ถึงขั้นระดับสื่อสารคนอื่นได้ค้ะ”
“งี้นี่เอง”
“แล้วก็ที่ญี่ปุ่นมีเมืองชื่ออากิฮาบาระ ได้ยินว่าเป็นเมืองที่มีคนคอสเพลย์เต็มไปหมด ชั้นเองคิดว่าในชีวิตชั้นอยากไปเดินดูเมืองนี้สักครั้งด้วยค่ะ”
“…ฮะฮะ”
พอคุณชาร์ล็อตเริ่มคุยเรื่องอนิเมะ มังงะ คอสเพลย์ เธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาจริงๆ แถมคุยไม่หยุดด้วยนะ แน่นอนว่าเธอจะคุยก็เต็มที่เลย ระหว่างคุยผมก็แอบมองหน้าเธอ ความมีชีวิตชีวาของเธอเปล่งประกายมีเสน่จริงๆ
*******
หมายเหตุ อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon