ซือหยูใจเต้นแรงศาลอสูรเรอะ? มันคือที่ใดกัน?
เหล่าเมฆที่แผ่เข้ามานั้นมีพลังอันเข้มข้นอสูรแสดงตัวออกมา เขาอายุยาวสามสิบปีและมีใบหน้าอัปลักษณ์ดุร้าย…และยังเป็นเลือดบริสุทธิ์
ไม่เหมือนกับอสูรทั่วไปเขาแหลมบนหัวของเขานั้นมีเส้นเลือดสีแดงเชื่อมต่ออยู่ด้วย แม้แต่ผิวกายก็เป็นสีแดง
อสูรเช่นนี้ไม่ต่างจากร่างอสูรของเทพอสูรมณี
เทพอสูรแดงงั้นรึ?
ด้านหลังเขามีเหล่าอสูรร่างแดงอยู่หลายคน
ทั้งหมดดูป่าเถื่อนดุร้ายไม่ต่างกับสัตว์ป่าที่พร้อมกระโจนเข้าหาเหยื่อทุกเมื่อ
อสูรจันทร์ผ่องและเทพอีกสองคนต้องหยุดช้าลงก็ไม่กล้ารุดหน้าไปอีกทั้งสามมองเมฆาอสูรที่บินไปหาเหล่าอสูรแดง
อสูรแดงที่นำมาแววตาชั่วร้ายเขามองอสูรจันทร์ผ่องและเทพอีกสองคนที่ถอยไป เขากำลังแค้น
น่าเสียดาย
อสูรจันทร์ผ่องตัวสั่นใบหน้าเขาหม่นหมอง เขาหวาดกลัว
ถ้าหากพวกเขาพุ่งเข้าไปในพลังเมื่อครู่มันจะนับว่าพวกเขาจู่โจมศาลอสูร
และผลที่ตามมาก็คือการกลายเป็นอาหารให้กับพวกสัตว์ประหลาดจากศาลอสูร!
เพียงแค่พูดว่าน่าเสียดายก็ทำให้เทพทั้งสามตัวสั่นเทิ้ม
ข้าจะพาตัวเขาไป
เทพอสูรแดงกล่าวโดยไม่สนใจผู้คนในเหตุการณ์
เขาเหลือบมองเทพทั้งสามและมองซือหยู ส่วนเจ้า…
คำพูดของเขาเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง
ตามข้าไปที่ศาลอสูรไปรับคำพิพากษาของเจ้า!
ในเมฆาพลังเมฆาอสูรยิ้มด้วยความแค้น
ศาลอสูรคือตัวตนอันสูงส่งที่อยู่เหนือดินแดนทั้งเก้าในศาลอสูรมีเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนอสูร ซึ่งจะรับคำสั่งจากจักรพรรดิอสูรเท่านั้น
การมีอยู่ของศาลอสูรก็เพื่อขยายกำลังไปยังภายนอกและสยบกบฏจากภายในศาลอสูรคือกลุ่มพวกที่น่าสะพรึงกลัวและโหดเหี้ยมม
ใครก็ตามที่ถูกพาไปยังศาลอสูรจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตนอกจากจักรพรรดิอสูรจะออกคำสั่ง
ซือหยูจะไม่มีทางรอดหากไปยังที่นั่นและเขาจะกลายเป็นอาหารให้กับพวกสัตว์ประหลาดแห่งศาลอสูร ถ้าเป็นไปได้เมฆาอสูรก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนในศาลอสูรเช่นกัน เพราะมันหมายถึงการเข้าร่วมกับศาลอสูร!
แต่ซือหยูไล่ต้อนเขาให้จนมุมและเขาไม่มีทางเลือกนอกจากขอความช่วยเหลือในท้ายสุด
ด้วยเหตุผลอันใด?
ซือหยูถามอย่างสุขุมท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบอันหนักอึ้ง
เหตุผลก็คือข้าคือขุนพลแห่งศาลอสูรข้ามีสิทธิ์ไตร่สวนเจ้า เจ้าเมืองน้อยเอ๋ย!
เทพอสูรแดงกล่าวอย่างเย็นชา
ซือหยูไม่ขยับตัวเขาพูดตอบ
หรือก็คือเจ้าลงมือด้วยตัวเอง ไม่อยู่ภายใต้คำสั่งของใครสินะ?
เทพอสูรแดงหรี่ตาเขาคิดว่าเจ้าเมืองผู้นี้จะขู่ได้ง่ายและไม่คิดว่าซือหยูจะเป็นคนสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้
เมื่อไร้คำสั่งจักรพรรดิอสูรเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะจับตัวเจ้าเมือง
ฮื่ม!ถ้าเจ้าพูดแม้แต่คำเดียว ข้าจะฉีกปากเจ้า เป็นชิ้น ๆ!
เทพอสูรแดงตะคอก
ตามข้ามาข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย!
อสูรผู้นี้หยาบคายนัก
ไม่มีเทพคนใดกล้าเอ่ยวาจาเพื่อซือหยู
ศาลอสูรไม่ต่างกับศิลาก้อนยักษ์ที่ทับจิตใจพวกเขาทุกคนพวกเขาแทบจะหายใจไม่ออก
มุกวิญญาณเก้าหยกเปล่งแสงเจ้ามากระโดดออกมา นางมองเทพอสูรแดงด้วยความหวาดกลัวในแววตาเช่นกัน
บังอาจ!เขาคือเจ้าเมืองภายใต้อำนาจของข้า เจ้าต้องขออนุญาตข้าก่อนที่จะทำอันตรายหรือสังหารเขา!
องค์หญิงเก้าตะโกน
เทพอสูรแดงมองเจ้าหมาด้วยความเหยียดหยาม
โอ้?องค์หญิงเก้ารึ? เจ้าไม่มีค่าใดในสายตาศาลอสูรแม้จะเป็นยามที่มีพลังสูงสุด ไม่ต้องพูดถึงสภาพเจ้าในตอนนี้! มีองค์หญิงองค์ชายมากนักที่ตายด้วยมือศาลอสูร!
เจ้าหมาตัวสั่นนางค่อนข้างกลัวศาลอสูร
มันคือกลุ่มอสูรโหดร้ายที่อยู่เหนือองค์ชายและองค์หญิงทั้งหมดหากใครคิดก่อกบฏ ศาลอสูรจะมีสิทธิ์หยุดและสังหารองค์หญิงหรือองค์ชายผู้นั้น
ศาลอสูรคือใบมีดที่จ่อคออสูรทั้งมวลในโลกอสูร
เทพอสูรแดงจ้องซือหยูด้วยสายตาดูถูก
ถ้าข้าอยากให้เจ้าเดินเจ้าก็ไม่มีทางกลิ้ง หากข้าอยากให้เจ้ากลิ้ง เจ้าก็ไม่มีทางคลาน! แม้โลกอสูรจะกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครที่ข้าไม่มีอำนาจเหนือกว่า องค์หญิงก็ช่วยเจ้าไม่ได้ ไม่มีใครต่อต้านข้าได้!
เมื่อพูดจบทันใดนั้นเองก็มีกลิ่นหอมลอยลิ่วเข้ามาจากทุกทิศทาง
เสียงเยือกเย็นดังไปทั่ว
อย่างนั้นรึ?แม้แต่ข้าด้วยรึ?
ฟึ่บ!
คลื่นแสงเทพสองแห่งเปล่งประกายเผยร่างของสองคน
หนึ่งในนั้นคืออเทพอสูรเนตรม่วงที่เดินทางไปยังเมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ด้านหน้าเทพอสูรเนตรม่วงคือสตรีงดงามสวมชุดหลากสีพริ้วไสวนางดูไม่ต่างไปจากมนุษย์
ไม่สิจากพลังของนาง นางคือมนุษย์
เมฆากุหลาบรึ?
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นเทพอสูรแดงหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
ข้ารับใช้มเหสีไค่หลิน!
ข้ารับใช้มเหสีรึ?ซือหยูแปลกใจ
สีหน้าอวดดีของเทพอสูรแดงหายไปแทนที่ด้วยความหม่นหมอง
เจ้าอยากจะลองดีกับข้าจริงๆ รึ?
เขาถาม
ไค่หลินสีหน้าไร้อารมณ์
ข้อแรกเจ้าออกจากเมืองโดยไร้คำสั่ง คิดจับเจ้าเมืองโดยไร้คำอนุญาต ข้าจะรายงานกับท่านมเหสี ท่านจักรพรรดิจะจัดการเจ้าทีหลัง!
เทพอสูรแดงตัวสั่นเล็กน้อยเขาจ้องไค่หลินด้วยหน้าถอดสี
และประการที่สองไม่ใช่ข้าที่ต้องการมาแทรกแทรง แต่เป็นท่านมเหสีเอง!
นางกล่าว
เทพอสูรแดงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
อะไรนะ?ท่านมเหสี…
เทพอสูรแดงมองซือหยุด้วยความตกใจอย่างหนักและไม่เชื่อหูมเหสีหยุนเซี่ยส่งข้ารับใช้อันดับหนึ่งของตัวเองมาดูแลเจ้าเมืองคนนี้ด้วยตัวเองเลยรึ?
ฐานะและเกียรติยศของมเหสีหยุนเซี่ยนั้นสูงส่งเพียงใดกัน?
เทพอสูรแดงหายใจเข้าลึกด้วยความสะพรึงกลัว
มัน…มันรู้จักท่านมเหสีอยู่แล้วงั้นรึ?
แม้แต่อสูรจันทร์ผ่องก็เบิกตาจนตาแทบหลุดออกจากเบ้าไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้
ถ้าจักรพรรดิอสูรคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้ามเหสีหยุนเซี่ยก็คือผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
จักรพรรดิอสูรปิดประตูฝึกตนตลอดเวลาหน้าที่ภาระในแดนอสูรไม่ว่าจะสำคัญเพียงใดล้วนอยู่ภายใต้การปกครองของมเหสีหยุนเซี่ย
บางคนแอบกล่าวว่ามเหสีหยุนเซี่ยคือจักรพรรดิอสูรตัวจริงแห่งแดนอสูรเป็นจักรพรรดินีแห่งที่นี่
ไม่มีใครคิดว่าเจ้าเมืองชมทะเลผู้ที่ไม่มีที่มาที่ไปแน่ชัดจะได้รับการยอมรับจากมเหสีหยุนเซี่ย
แม้แต่เจ้าหมาก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงนางตระหนักได้ในทันทีว่านางไม่เคยรู้จักตัวจริงของซือหยู เขามาจากดินแดนอันห่างไกลกว่าแดนอสูร แล้วเขาจะรู้จักกับมเหสีหยุนเซี่ยได้อย่างไร? …ผู้หญิงน่ากลัวคนนั้นน่ะนะ?!
ถ้าเจ้ารู้อยู่แล้วทำไมยังไม่ไสหัวไปอีก?
ไค่หลินตอบอย่างเย็นชา
เทพอสูรแดงสงบนิ่งเขาหันกลับและตะโกน
ถอย!
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยเขาไม่สนใจซือหยูอีกต่อไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวมเหสีหยุนเซี่ยเพียงใด
ความตึงเครียดในการต่อสู้หยุดลง
ความรู้สึกมากมายปะทะกับซือหยู แม่นางกุหลาบเมฆาที่ท่านผู้อาวุโสเทียนจี่จื้อตามหา…คือมเหสีแห่งจักรพรรดิอสูร
จากคำสั่งเสียของเทียนจี่จื้อมันชัดเจนว่าเขามีความรักต่อเมฆากุหลาบ แต่ถ้าเทียนจี่จื้อรู้ว่านางอันเป็นที่รักกลายเป็นสตรีของจักรพรรดิอสูร เขาจะยังให้ซือหยูบอกคำสั่งเสียอยู่หรือไม่?
อสูรขนนกท่านมเหสีสั่งให้เจ้ามุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงอสูรโดยเร็วที่สุด ท่านมเหสีต้องการพบเจ้า…
ไค่หลินกล่าวนางอ่อนโยนขึ้น
ซือหยูหยุดความคิดและพยักหน้า
ข้าเข้าใจแล้วหากข้าจัดแจงเรื่องในแดนจิงหยูเสร็จเมื่อใด ข้าจะเดินทางไปยังเมืองหลวงทันที
เขากล่าว
ไค่หลินพยักหน้าเบาๆ และมองเขาอย่างเป็นมิตร แต่เมื่อเหลือบมองเห็นอสูรจันทร์ผ่องและเทพอีกสองคน ดวงตานางก็เย็นชาอีกครั้ง ก่อนอสูรขนนกมุ่งหน้าไปเมืองหลวงพวกเจ้าต้องทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของเขา!
นางบอกทั้งสาม
เมื่อพูดจบนางกล่าวเสริม
นี่คือคำสั่งท่านมเหสี
อสูรจันทร์ผ่องและเทพอีกสองคนตัวสั่นอย่างรุนแรงทั้งสามโค้งคำนับ
พวกเราจะทำตามคำสั่งท่านมเหสี!
มเหสีสั่งการด้วยตัวเองให้พวกเขาปกป้องซือหยูเห็นได้ชัดว่านางห่วงใยเขาเพียงใด
ทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบใดกันแน่?!
เหตุใดมเหสีหยุนเซี่ยที่ขึ้นชื่อในความแข็งกระด้างถึงปกป้องซือหยูถึงเพียงนี้?
เมื่อไค่หลินจากไปอสูรจันทร์ผ่องและเทพทั้งสองเดินไปหาซือหยูด้วยความหวาดกลัว
อสูรจันทร์ผ่องวิกฤติแดนจิงหยูหมดไปแล้ว เจ้าประกาศฎีกาองค์หญิงด้วยตัวเองได้เลย…
ซือหยูทำตามสัญญา
อสูรจันทร์ผ่องหัวเราะอย่างขมขื่นถ้าข้ารับใช้มเหสีไม่ปรากฏตัวขึ้นมา ไม่เพียงแต่เขาจะชิงอำนาจปกครองแดนจิงหยู แต่เขาจะสังหารซือหยูทิ้งไปด้วย
เขาเองก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่ซือหยูผ่านวิบัติเทพเช่นกัน
หากมิอาจผูกมิตรกับคนเช่นนี้ได้ก็ต้องไม่ทำให้เป็นศัตรู
ด้วยความสัมพันธ์จากก่อนหน้ามันยากอยู่แล้วที่จะผูกมิตรกับซือหยู
แต่ตอนนี้เล่าเขาจะกล้าหรือ?
เขาเรียกฎีกาออกมาและคืนให้ซือหยูด้วยทั้งสองมือ
ข้าบาดเจ็บหนักยิ่งนักข้าเกรงว่าไม่สะดวกที่ข้าจะดูแลแดนจิงหยู ท่านควรเป็นคนออกคำสั่งแทนฝ่าบาทนะ…ท่านเจ้าเมือง เขากล่าว
เจ้ารับไปซะ
ซือหยูกล่าวเสียงแข็ง
ความทะเยอทะยานของเขาไม่ได้อยู่เพียงแค่ในแดนจิงหยูแต่ไปถึงศาลอสูรแล้ว
มันคือตัวตนที่เป็นภัยอย่างแท้จริงในจักรวาล
เจ้าเองก็ได้ยินแล้วข้ากับองค์หญิงจะอยู่แดนจิงหยูไม่ได้ แดนจิงหยูจะขาดผู้ปกครองในวันหนึ่ง ก่อนที่องค์หญิงจะฟื้นพลังกลับมา เจ้าจะต้องปกครองที่นี่แทนนาง
ซือหยูพูดราวกับออกคำสั่ง
อสูรจันทร์ผ่องไม่แสดงความไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อยเขาตอบรับด้วยความเคารพนับถือ
ขอรับ!
สุดท้ายซือหยูมองเทพอสูรเนตรม่วง เขาประสานหมัด
ทั้งหมดต้องขอบคุณเจ้าที่ส่งจดหมายให้กับมเหสีหากไม่มีเจ้า เรื่องวันนี้คงไม่จบเช่นนี้
เทพอสูรเนตรม่วงทั้งตกใจและสงสัยเช่นเดียวกับข้ารับใช้ทั้งเก้าของมเหสีหยุนเซี่ย
ข้ารับใช้ทั้งเก้ามักจะจัดการหน้าที่การงานต่างๆ แทนนาง เว้นเสียแต่ไค่หลินที่เป็นข้ารับใช้อันดับหนึ่งที่จะอยู่ข้างกายนางตลอดปี ไค่หลินแทบจะไม่เดินทางไปที่ใดเลย
แต่นางก็เดินทางมาเองในครั้งนี้เพื่อซือหยูนั่นทำให้เทพอสูรเนตรม่วงตกใจเป็นอย่างมาก
มเหสีหยุนเซี่ยให้ความสำคัญต่อซือหยูอย่างแปลกประหลาด
เป็นเจ้านั่นแหละที่ปิดบังความลับเอาไว้ข้าเป็นเพียงคนส่งสารเท่านั้น
เทพอสูรเนตรม่วงตอบ
ซือหยูประสานมือและไม่อธิบายเพิ่มเติม
เหตุการณ์ใหญ่ในแดนจิงหยูจบลงไปแล้วแต่ผู้อยู่เบื้องหลังอย่างเทพตำรานั้นยังลอยนวล!
เทพอสูรเนตรม่วงกล่าว
สหายข้าเราควรกำจัดเทพตำราให้เร็วที่สุดไม่ใช่หรือ? อุบายของเจ้านั่นมีมากมาย มันบ่อนทำลายแดนจิงหยูมามากพอแล้ว ปล่อยมันหนีจะไม่ใช่เรื่องเล็กแน่
ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดมันสายเกินไปแล้ว
ซือหยูพูดพลางส่ายหน้า
จากที่ซือหยูรู้จักเทพตำราเมื่อเทพตำราเห็นว่าเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามแผน เขาตำราจะหนี ไม่มีทางที่เทพตำราจะหยุดรอผู้ใด
แต่ถึงอย่างนั้นเทพอสูรเนตรม่วงก็ออกไปตรวจสอบ
ในห้องลับที่มีกลิ่นอายพลังของเทพตำราร่องรอยของเขาไม่มีอยู่อีกแล้ว แต่มีหยกสื่อสารทิ้งเอาไว้
เมื่อหยกสื่อสารถูกนำมาถึงมือซือหยูเขาก็ตกใจเล็กน้อย เทพตำราทิ้งข้อความไว้ให้ข้าเรอะ?ไม่สมกับเป็นมันเอาเสียเลย เจ้านี่ชอบแทงผู้คนจากข้างหลัง มันไม่เคยทิ้งร่องรอยตัวเองเอาไว้
หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีกับดักบนหยกสื่อสารซือหยูบีบมันจนแหลก
หึหึชาวต่างโลกเอ๋ย เจ้าอยากได้เทพตำรารึ? มันอยู่ในมือข้า ใยไม่หารือกันเล่า? ไม่ว่าหารือแล้วจะเป็นเช่นใด เจ้าจะได้ตัดสินความเป็นความตายของมัน
ข้อความกล่าวเช่นนี้
ซือหยูตกใจเทพตำราถูกลักพาตัว!
เทพอสูรเนตรม่วงใช้เนตรม่วงมองหารอบๆ ราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง แต่ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทพตำรานั้นถูกคลื่นพลังอันไร้เทียมทานขวางกั้นเอาไว้
สหายข้าไม่รู้ตัวผู้ลักพาตัว และข้าก็ไม่รู้เหตุจูงใจเหมือนกัน ไม่ไปเจอพวกมันน่าจะดีกว่า เทพอสูรเนตรม่วงกล่าว
เพียงครู่สั้นๆ ซือหยูหรี่ตา เขายืนช้า ๆ
แรงจูงใจในการเจอข้าไม่ชัดเจนก็จริงแต่ส่วนเรื่องคนลงมือ ข้าพอจะเดาได้
ซือหยูตาเป็นประกาย
รู้ว่าข้ามีมเหสีปกป้องแล้วยังกล้าให้ข้าไปเจอตัวมันจะต้องมีเรื่องสำคัญที่จะพูดกับข้าจริง ๆ
สามวันต่อมาซือหยูออกจากเมืองชมทะเลไปด้วยตัวเองและไปยังชายแดนระหว่างแดนจิงหยูและจิงเสวียน
ที่นี่คือป่าไผ่ที่อุดมสมบูรณ์เด็กสาวชุดสีม่วงเอนกายกับต้นไม้สีมรกตอย่างสง่างาม เงาที่ทอดออกมาจากนางแสดงเรือนร่างอันน่าหลงใหล
นางถือตำราอสูรในมืออ่านมันด้วยความสนอกสนใจ
ในตอนนั้นเองนางเงยหน้าพร้อมกับยิ้มด้วยความซุกซนให้กับอสูรรูปหล่อที่เดินมือไพล่หลังมาหาจากทางเข้าป่าไผ่
เจอกันอีกแล้วนะเจ้าคนจากพันธมิตรบูรพา…