The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1271 – มเหสีเมฆากุหลาบ

  ซือหยูใจเต้นแรงศาลอสูรเรอะ? มันคือที่ใดกัน?

  เหล่าเมฆที่แผ่เข้ามานั้นมีพลังอันเข้มข้นอสูรแสดงตัวออกมา เขาอายุยาวสามสิบปีและมีใบหน้าอัปลักษณ์ดุร้าย…และยังเป็นเลือดบริสุทธิ์

  ไม่เหมือนกับอสูรทั่วไปเขาแหลมบนหัวของเขานั้นมีเส้นเลือดสีแดงเชื่อมต่ออยู่ด้วย แม้แต่ผิวกายก็เป็นสีแดง

  อสูรเช่นนี้ไม่ต่างจากร่างอสูรของเทพอสูรมณี

  เทพอสูรแดงงั้นรึ?

  ด้านหลังเขามีเหล่าอสูรร่างแดงอยู่หลายคน

  ทั้งหมดดูป่าเถื่อนดุร้ายไม่ต่างกับสัตว์ป่าที่พร้อมกระโจนเข้าหาเหยื่อทุกเมื่อ

  อสูรจันทร์ผ่องและเทพอีกสองคนต้องหยุดช้าลงก็ไม่กล้ารุดหน้าไปอีกทั้งสามมองเมฆาอสูรที่บินไปหาเหล่าอสูรแดง

  อสูรแดงที่นำมาแววตาชั่วร้ายเขามองอสูรจันทร์ผ่องและเทพอีกสองคนที่ถอยไป เขากำลังแค้น

   น่าเสียดาย 

  อสูรจันทร์ผ่องตัวสั่นใบหน้าเขาหม่นหมอง เขาหวาดกลัว

  ถ้าหากพวกเขาพุ่งเข้าไปในพลังเมื่อครู่มันจะนับว่าพวกเขาจู่โจมศาลอสูร

  และผลที่ตามมาก็คือการกลายเป็นอาหารให้กับพวกสัตว์ประหลาดจากศาลอสูร!

  เพียงแค่พูดว่าน่าเสียดายก็ทำให้เทพทั้งสามตัวสั่นเทิ้ม

   ข้าจะพาตัวเขาไป 

  เทพอสูรแดงกล่าวโดยไม่สนใจผู้คนในเหตุการณ์

  เขาเหลือบมองเทพทั้งสามและมองซือหยู   ส่วนเจ้า… 

  คำพูดของเขาเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง

   ตามข้าไปที่ศาลอสูรไปรับคำพิพากษาของเจ้า! 

  ในเมฆาพลังเมฆาอสูรยิ้มด้วยความแค้น

  ศาลอสูรคือตัวตนอันสูงส่งที่อยู่เหนือดินแดนทั้งเก้าในศาลอสูรมีเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนอสูร ซึ่งจะรับคำสั่งจากจักรพรรดิอสูรเท่านั้น

  การมีอยู่ของศาลอสูรก็เพื่อขยายกำลังไปยังภายนอกและสยบกบฏจากภายในศาลอสูรคือกลุ่มพวกที่น่าสะพรึงกลัวและโหดเหี้ยมม

  ใครก็ตามที่ถูกพาไปยังศาลอสูรจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตนอกจากจักรพรรดิอสูรจะออกคำสั่ง

  ซือหยูจะไม่มีทางรอดหากไปยังที่นั่นและเขาจะกลายเป็นอาหารให้กับพวกสัตว์ประหลาดแห่งศาลอสูร  ถ้าเป็นไปได้เมฆาอสูรก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนในศาลอสูรเช่นกัน เพราะมันหมายถึงการเข้าร่วมกับศาลอสูร!

  แต่ซือหยูไล่ต้อนเขาให้จนมุมและเขาไม่มีทางเลือกนอกจากขอความช่วยเหลือในท้ายสุด

   ด้วยเหตุผลอันใด? 

  ซือหยูถามอย่างสุขุมท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบอันหนักอึ้ง

   เหตุผลก็คือข้าคือขุนพลแห่งศาลอสูรข้ามีสิทธิ์ไตร่สวนเจ้า เจ้าเมืองน้อยเอ๋ย! 

  เทพอสูรแดงกล่าวอย่างเย็นชา

  ซือหยูไม่ขยับตัวเขาพูดตอบ

   หรือก็คือเจ้าลงมือด้วยตัวเอง ไม่อยู่ภายใต้คำสั่งของใครสินะ? 

  เทพอสูรแดงหรี่ตาเขาคิดว่าเจ้าเมืองผู้นี้จะขู่ได้ง่ายและไม่คิดว่าซือหยูจะเป็นคนสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้

  เมื่อไร้คำสั่งจักรพรรดิอสูรเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะจับตัวเจ้าเมือง

   ฮื่ม!ถ้าเจ้าพูดแม้แต่คำเดียว ข้าจะฉีกปากเจ้า เป็นชิ้น ๆ! 

  เทพอสูรแดงตะคอก

   ตามข้ามาข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย! 

  อสูรผู้นี้หยาบคายนัก

  ไม่มีเทพคนใดกล้าเอ่ยวาจาเพื่อซือหยู

  ศาลอสูรไม่ต่างกับศิลาก้อนยักษ์ที่ทับจิตใจพวกเขาทุกคนพวกเขาแทบจะหายใจไม่ออก

  มุกวิญญาณเก้าหยกเปล่งแสงเจ้ามากระโดดออกมา นางมองเทพอสูรแดงด้วยความหวาดกลัวในแววตาเช่นกัน

   บังอาจ!เขาคือเจ้าเมืองภายใต้อำนาจของข้า เจ้าต้องขออนุญาตข้าก่อนที่จะทำอันตรายหรือสังหารเขา! 

  องค์หญิงเก้าตะโกน

  เทพอสูรแดงมองเจ้าหมาด้วยความเหยียดหยาม

   โอ้?องค์หญิงเก้ารึ? เจ้าไม่มีค่าใดในสายตาศาลอสูรแม้จะเป็นยามที่มีพลังสูงสุด ไม่ต้องพูดถึงสภาพเจ้าในตอนนี้! มีองค์หญิงองค์ชายมากนักที่ตายด้วยมือศาลอสูร! 

  เจ้าหมาตัวสั่นนางค่อนข้างกลัวศาลอสูร

  มันคือกลุ่มอสูรโหดร้ายที่อยู่เหนือองค์ชายและองค์หญิงทั้งหมดหากใครคิดก่อกบฏ ศาลอสูรจะมีสิทธิ์หยุดและสังหารองค์หญิงหรือองค์ชายผู้นั้น

  ศาลอสูรคือใบมีดที่จ่อคออสูรทั้งมวลในโลกอสูร

  เทพอสูรแดงจ้องซือหยูด้วยสายตาดูถูก

   ถ้าข้าอยากให้เจ้าเดินเจ้าก็ไม่มีทางกลิ้ง หากข้าอยากให้เจ้ากลิ้ง เจ้าก็ไม่มีทางคลาน! แม้โลกอสูรจะกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครที่ข้าไม่มีอำนาจเหนือกว่า องค์หญิงก็ช่วยเจ้าไม่ได้ ไม่มีใครต่อต้านข้าได้! 

  เมื่อพูดจบทันใดนั้นเองก็มีกลิ่นหอมลอยลิ่วเข้ามาจากทุกทิศทาง

  เสียงเยือกเย็นดังไปทั่ว

   อย่างนั้นรึ?แม้แต่ข้าด้วยรึ? 

  ฟึ่บ!

  คลื่นแสงเทพสองแห่งเปล่งประกายเผยร่างของสองคน

  หนึ่งในนั้นคืออเทพอสูรเนตรม่วงที่เดินทางไปยังเมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งเดือน

  ด้านหน้าเทพอสูรเนตรม่วงคือสตรีงดงามสวมชุดหลากสีพริ้วไสวนางดูไม่ต่างไปจากมนุษย์

  ไม่สิจากพลังของนาง นางคือมนุษย์

  เมฆากุหลาบรึ?

  เมื่อได้ฟังเช่นนั้นเทพอสูรแดงหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

   ข้ารับใช้มเหสีไค่หลิน! 

  ข้ารับใช้มเหสีรึ?ซือหยูแปลกใจ

  สีหน้าอวดดีของเทพอสูรแดงหายไปแทนที่ด้วยความหม่นหมอง

   เจ้าอยากจะลองดีกับข้าจริงๆ รึ? 

  เขาถาม

  ไค่หลินสีหน้าไร้อารมณ์

   ข้อแรกเจ้าออกจากเมืองโดยไร้คำสั่ง คิดจับเจ้าเมืองโดยไร้คำอนุญาต ข้าจะรายงานกับท่านมเหสี ท่านจักรพรรดิจะจัดการเจ้าทีหลัง! 

  เทพอสูรแดงตัวสั่นเล็กน้อยเขาจ้องไค่หลินด้วยหน้าถอดสี

   และประการที่สองไม่ใช่ข้าที่ต้องการมาแทรกแทรง แต่เป็นท่านมเหสีเอง! 

  นางกล่าว

  เทพอสูรแดงอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

   อะไรนะ?ท่านมเหสี… 

  เทพอสูรแดงมองซือหยุด้วยความตกใจอย่างหนักและไม่เชื่อหูมเหสีหยุนเซี่ยส่งข้ารับใช้อันดับหนึ่งของตัวเองมาดูแลเจ้าเมืองคนนี้ด้วยตัวเองเลยรึ?

  ฐานะและเกียรติยศของมเหสีหยุนเซี่ยนั้นสูงส่งเพียงใดกัน?

  เทพอสูรแดงหายใจเข้าลึกด้วยความสะพรึงกลัว

   มัน…มันรู้จักท่านมเหสีอยู่แล้วงั้นรึ? 

  แม้แต่อสูรจันทร์ผ่องก็เบิกตาจนตาแทบหลุดออกจากเบ้าไม่มีใครพูดอะไรออกมาได้

  ถ้าจักรพรรดิอสูรคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้ามเหสีหยุนเซี่ยก็คือผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

  จักรพรรดิอสูรปิดประตูฝึกตนตลอดเวลาหน้าที่ภาระในแดนอสูรไม่ว่าจะสำคัญเพียงใดล้วนอยู่ภายใต้การปกครองของมเหสีหยุนเซี่ย

  บางคนแอบกล่าวว่ามเหสีหยุนเซี่ยคือจักรพรรดิอสูรตัวจริงแห่งแดนอสูรเป็นจักรพรรดินีแห่งที่นี่

  ไม่มีใครคิดว่าเจ้าเมืองชมทะเลผู้ที่ไม่มีที่มาที่ไปแน่ชัดจะได้รับการยอมรับจากมเหสีหยุนเซี่ย

  แม้แต่เจ้าหมาก็เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงนางตระหนักได้ในทันทีว่านางไม่เคยรู้จักตัวจริงของซือหยู เขามาจากดินแดนอันห่างไกลกว่าแดนอสูร แล้วเขาจะรู้จักกับมเหสีหยุนเซี่ยได้อย่างไร? …ผู้หญิงน่ากลัวคนนั้นน่ะนะ?!

   ถ้าเจ้ารู้อยู่แล้วทำไมยังไม่ไสหัวไปอีก? 

  ไค่หลินตอบอย่างเย็นชา

  เทพอสูรแดงสงบนิ่งเขาหันกลับและตะโกน

   ถอย! 

  เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยเขาไม่สนใจซือหยูอีกต่อไปแล้ว

  เห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวมเหสีหยุนเซี่ยเพียงใด

  ความตึงเครียดในการต่อสู้หยุดลง

  ความรู้สึกมากมายปะทะกับซือหยู   แม่นางกุหลาบเมฆาที่ท่านผู้อาวุโสเทียนจี่จื้อตามหา…คือมเหสีแห่งจักรพรรดิอสูร 

  จากคำสั่งเสียของเทียนจี่จื้อมันชัดเจนว่าเขามีความรักต่อเมฆากุหลาบ แต่ถ้าเทียนจี่จื้อรู้ว่านางอันเป็นที่รักกลายเป็นสตรีของจักรพรรดิอสูร เขาจะยังให้ซือหยูบอกคำสั่งเสียอยู่หรือไม่?

   อสูรขนนกท่านมเหสีสั่งให้เจ้ามุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงอสูรโดยเร็วที่สุด ท่านมเหสีต้องการพบเจ้า… 

  ไค่หลินกล่าวนางอ่อนโยนขึ้น

  ซือหยูหยุดความคิดและพยักหน้า

   ข้าเข้าใจแล้วหากข้าจัดแจงเรื่องในแดนจิงหยูเสร็จเมื่อใด ข้าจะเดินทางไปยังเมืองหลวงทันที 

  เขากล่าว

  ไค่หลินพยักหน้าเบาๆ และมองเขาอย่างเป็นมิตร แต่เมื่อเหลือบมองเห็นอสูรจันทร์ผ่องและเทพอีกสองคน ดวงตานางก็เย็นชาอีกครั้ง   ก่อนอสูรขนนกมุ่งหน้าไปเมืองหลวงพวกเจ้าต้องทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของเขา! 

  นางบอกทั้งสาม

  เมื่อพูดจบนางกล่าวเสริม

   นี่คือคำสั่งท่านมเหสี 

  อสูรจันทร์ผ่องและเทพอีกสองคนตัวสั่นอย่างรุนแรงทั้งสามโค้งคำนับ

   พวกเราจะทำตามคำสั่งท่านมเหสี! 

  มเหสีสั่งการด้วยตัวเองให้พวกเขาปกป้องซือหยูเห็นได้ชัดว่านางห่วงใยเขาเพียงใด

  ทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบใดกันแน่?!

  เหตุใดมเหสีหยุนเซี่ยที่ขึ้นชื่อในความแข็งกระด้างถึงปกป้องซือหยูถึงเพียงนี้?

  เมื่อไค่หลินจากไปอสูรจันทร์ผ่องและเทพทั้งสองเดินไปหาซือหยูด้วยความหวาดกลัว

   อสูรจันทร์ผ่องวิกฤติแดนจิงหยูหมดไปแล้ว เจ้าประกาศฎีกาองค์หญิงด้วยตัวเองได้เลย… 

  ซือหยูทำตามสัญญา

  อสูรจันทร์ผ่องหัวเราะอย่างขมขื่นถ้าข้ารับใช้มเหสีไม่ปรากฏตัวขึ้นมา ไม่เพียงแต่เขาจะชิงอำนาจปกครองแดนจิงหยู แต่เขาจะสังหารซือหยูทิ้งไปด้วย

  เขาเองก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่ซือหยูผ่านวิบัติเทพเช่นกัน

  หากมิอาจผูกมิตรกับคนเช่นนี้ได้ก็ต้องไม่ทำให้เป็นศัตรู

  ด้วยความสัมพันธ์จากก่อนหน้ามันยากอยู่แล้วที่จะผูกมิตรกับซือหยู

  แต่ตอนนี้เล่าเขาจะกล้าหรือ?

  เขาเรียกฎีกาออกมาและคืนให้ซือหยูด้วยทั้งสองมือ

   ข้าบาดเจ็บหนักยิ่งนักข้าเกรงว่าไม่สะดวกที่ข้าจะดูแลแดนจิงหยู ท่านควรเป็นคนออกคำสั่งแทนฝ่าบาทนะ…ท่านเจ้าเมือง    เขากล่าว

   เจ้ารับไปซะ 

  ซือหยูกล่าวเสียงแข็ง

  ความทะเยอทะยานของเขาไม่ได้อยู่เพียงแค่ในแดนจิงหยูแต่ไปถึงศาลอสูรแล้ว

  มันคือตัวตนที่เป็นภัยอย่างแท้จริงในจักรวาล

   เจ้าเองก็ได้ยินแล้วข้ากับองค์หญิงจะอยู่แดนจิงหยูไม่ได้ แดนจิงหยูจะขาดผู้ปกครองในวันหนึ่ง ก่อนที่องค์หญิงจะฟื้นพลังกลับมา เจ้าจะต้องปกครองที่นี่แทนนาง 

  ซือหยูพูดราวกับออกคำสั่ง

  อสูรจันทร์ผ่องไม่แสดงความไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อยเขาตอบรับด้วยความเคารพนับถือ

   ขอรับ! 

  สุดท้ายซือหยูมองเทพอสูรเนตรม่วง เขาประสานหมัด

   ทั้งหมดต้องขอบคุณเจ้าที่ส่งจดหมายให้กับมเหสีหากไม่มีเจ้า เรื่องวันนี้คงไม่จบเช่นนี้ 

  เทพอสูรเนตรม่วงทั้งตกใจและสงสัยเช่นเดียวกับข้ารับใช้ทั้งเก้าของมเหสีหยุนเซี่ย

  ข้ารับใช้ทั้งเก้ามักจะจัดการหน้าที่การงานต่างๆ แทนนาง เว้นเสียแต่ไค่หลินที่เป็นข้ารับใช้อันดับหนึ่งที่จะอยู่ข้างกายนางตลอดปี ไค่หลินแทบจะไม่เดินทางไปที่ใดเลย

  แต่นางก็เดินทางมาเองในครั้งนี้เพื่อซือหยูนั่นทำให้เทพอสูรเนตรม่วงตกใจเป็นอย่างมาก

  มเหสีหยุนเซี่ยให้ความสำคัญต่อซือหยูอย่างแปลกประหลาด

   เป็นเจ้านั่นแหละที่ปิดบังความลับเอาไว้ข้าเป็นเพียงคนส่งสารเท่านั้น 

  เทพอสูรเนตรม่วงตอบ

  ซือหยูประสานมือและไม่อธิบายเพิ่มเติม

  เหตุการณ์ใหญ่ในแดนจิงหยูจบลงไปแล้วแต่ผู้อยู่เบื้องหลังอย่างเทพตำรานั้นยังลอยนวล!

  เทพอสูรเนตรม่วงกล่าว

   สหายข้าเราควรกำจัดเทพตำราให้เร็วที่สุดไม่ใช่หรือ? อุบายของเจ้านั่นมีมากมาย มันบ่อนทำลายแดนจิงหยูมามากพอแล้ว ปล่อยมันหนีจะไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ 

   ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดมันสายเกินไปแล้ว 

  ซือหยูพูดพลางส่ายหน้า

  จากที่ซือหยูรู้จักเทพตำราเมื่อเทพตำราเห็นว่าเหตุการณ์ไม่เป็นไปตามแผน เขาตำราจะหนี ไม่มีทางที่เทพตำราจะหยุดรอผู้ใด

  แต่ถึงอย่างนั้นเทพอสูรเนตรม่วงก็ออกไปตรวจสอบ

  ในห้องลับที่มีกลิ่นอายพลังของเทพตำราร่องรอยของเขาไม่มีอยู่อีกแล้ว แต่มีหยกสื่อสารทิ้งเอาไว้

  เมื่อหยกสื่อสารถูกนำมาถึงมือซือหยูเขาก็ตกใจเล็กน้อย   เทพตำราทิ้งข้อความไว้ให้ข้าเรอะ?ไม่สมกับเป็นมันเอาเสียเลย เจ้านี่ชอบแทงผู้คนจากข้างหลัง มันไม่เคยทิ้งร่องรอยตัวเองเอาไว้ 

  หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีกับดักบนหยกสื่อสารซือหยูบีบมันจนแหลก

   หึหึชาวต่างโลกเอ๋ย เจ้าอยากได้เทพตำรารึ? มันอยู่ในมือข้า ใยไม่หารือกันเล่า? ไม่ว่าหารือแล้วจะเป็นเช่นใด เจ้าจะได้ตัดสินความเป็นความตายของมัน 

  ข้อความกล่าวเช่นนี้

  ซือหยูตกใจเทพตำราถูกลักพาตัว!

  เทพอสูรเนตรม่วงใช้เนตรม่วงมองหารอบๆ ราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง แต่ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทพตำรานั้นถูกคลื่นพลังอันไร้เทียมทานขวางกั้นเอาไว้

   สหายข้าไม่รู้ตัวผู้ลักพาตัว และข้าก็ไม่รู้เหตุจูงใจเหมือนกัน ไม่ไปเจอพวกมันน่าจะดีกว่า    เทพอสูรเนตรม่วงกล่าว

  เพียงครู่สั้นๆ ซือหยูหรี่ตา เขายืนช้า ๆ

   แรงจูงใจในการเจอข้าไม่ชัดเจนก็จริงแต่ส่วนเรื่องคนลงมือ ข้าพอจะเดาได้ 

  ซือหยูตาเป็นประกาย

   รู้ว่าข้ามีมเหสีปกป้องแล้วยังกล้าให้ข้าไปเจอตัวมันจะต้องมีเรื่องสำคัญที่จะพูดกับข้าจริง ๆ 

  สามวันต่อมาซือหยูออกจากเมืองชมทะเลไปด้วยตัวเองและไปยังชายแดนระหว่างแดนจิงหยูและจิงเสวียน

  ที่นี่คือป่าไผ่ที่อุดมสมบูรณ์เด็กสาวชุดสีม่วงเอนกายกับต้นไม้สีมรกตอย่างสง่างาม เงาที่ทอดออกมาจากนางแสดงเรือนร่างอันน่าหลงใหล

  นางถือตำราอสูรในมืออ่านมันด้วยความสนอกสนใจ

  ในตอนนั้นเองนางเงยหน้าพร้อมกับยิ้มด้วยความซุกซนให้กับอสูรรูปหล่อที่เดินมือไพล่หลังมาหาจากทางเข้าป่าไผ่

   เจอกันอีกแล้วนะเจ้าคนจากพันธมิตรบูรพา… 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset