The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1270 – แขกจากเมืองหลวง

   ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด! 

  ลี่หยิงมองซือหยูด้วยความเวทนา

   ข้าเห็นตอนที่เจ้าฝ่าวิบัติแล้วอย่างมากเจ้าก็มีพลังเพียงว่าที่เทพขั้นกลางเท่านั้น 

   เจ้าอาจจะเอาชีวิตรอดจากกระบวนท่าเดียวของข้าไม่ได้น่าเวทนานัก 

  ฟึ่บ!

  ลี่หยิงหายตัวไปเหลือเพียงเสียงสะท้อนในคำพูดของเขา

  เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง คำพูดอันเย็นชาของเขาก็ดังในหูของซือหยู

   เพราะเจ้าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าตายยังไง! 

  ลี่หยิงกล่าว

  พลังเทพของว่าที่เทพขั้นสูงรวบรวมที่ดัชนีของเขาความบริสุทธิ์ของมันไม่ได้แตกต่างไปจากพลังของเทพเลย

  ครั้งนี้ซือหยูมิได้ก้าวพริบตาเพื่อหลบ เขายื่นมือขวาช้า ๆ ปะทะกับดัชนีที่มีพลังเทพโดยไม่แม้แต่หันหน้ามอง

  ไม่มีเสียงดังสะท้านหูเกิดขึ้นมีเพียงเสียงดังเบา ๆ ระหว่างทั้งสองเท่านั้น

  ร่างซือหยูมิได้แตกสลายจากพลังว่าที่เทพขั้นสูงของลี่หยิงอย่างที่ทุกคนคาดคิด

  ทั้งสองยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

  แต่เมื่อผ่านไปเพียงครู่สั้นๆ ซือหยูก็ลดมือขวาลงอย่างไร้อารมณ์ มังกรดำแล่นผ่านไปตรงหน้า

  ซือหยูถอนหายใจอย่างแผ่วเบา

   จงตายอย่างสงบแม้จะไม่รู้ว่าเจ้าตายอย่างไรก็ตาม 

  แกรก!

  เมื่อซือหยูพูดจบผิวกายของลี่หยิงหลุดออกจากใบหน้าของเขาราวกับเปลือกแข็งกลิ่นอายของความตายเอ่อล้นออกมา

  ด้านในกายถูกทำลายด้วยพลังมรณะดวงวิญญาณของเขาหายไปแล้ว เหลือเพียงเปลือกกายหยาบที่ว่างเปล่า

  ว่าที่เทพขั้นสูงถูกสังหารด้วยฝ่ามือเดียวทั้งอย่างนั้น!!!

  ทุกคนที่มองดูการต่อสู้ตัวแข็งทื่อ

   ท่านเจ้าเมืองมีพลังระดับใดกันแน่? 

   ข้าคิดว่าท่านเจ้าเมืองเพิ่งจะเป็นเซียนนะ 

   โอ้ย!ฝ่ามืออะไรกัน! ต่อให้ลี่หยิงโดนพลังเต็มที่จากว่าที่เทพขั้นสูงด้วยกันเอง เขาก็น่าจะมีพลังตอบโต้ เขาไม่น่าจะตายเช่นนี้ แต่ลี่หยิงหลบฝ่ามือท่านเจ้าเมืองไม่ได้แล้วถูกสังหารในพริบตา! 

  ชาวเมืองชมทะเลตัวสั่นเพราะพลังอันมหาศาลของเจ้าเมืองพวกเขาตื่นเต้นขึ้นมาก

  ยิ่งเจ้าเมืองแข็งแกร่งเท่าใดเขาก็จะยิ่งช่วยให้เมืองชมทะเลเจริญรุ่งเรืองได้มากเท่านั้น

   ฮ่าๆๆๆ!ได้ยินว่าเจ้าเมืองทีแรกมีพลังระดับอสูรเนรมิตร ข้าหวั่นใจนัก แต่กลายเป็นว่าเจ้าเมืองของเราเป็นว่าที่เทพขั้นสูงที่ซุกซ่อนพลังเอาไว้! 

   ถูกเผงไม่แปลกเลยที่องค์หญิงเก้าวางใจให้ท่านเจ้าเมืองดูแลเมืองชมทะเล นั่นก็เพราะเขาปิดบังพลังเอาไว้ มันคือเหตุผลนี้เหตุผลเดียว! 

   ฮ่าๆๆเจ้าลี่หยิงช่างน่าหัวร่อ มันประเมินตนสูงส่ง กล้าถือดีบังอาจตามล่าเจ้าเมืองของเรา สุดท้ายมันกลับตายด้วยฝ่ามือเดียว มันต่างหากที่ควรได้รับความเวทนาจากพวกเรา 

  ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้นอย่างเต็มที่ลี่หยิงที่เป็นผู้เริ่มลงมือก่อนก็ตายไปเสียแล้ว

  เมฆาอสูรและเทพอีกสองคนสีหน้าดำมืด

  พวกเขาคือคนที่พาลี่หยิงกลับมาจากเมืองจักรพรรดิอสูรเพราะเขาคือทายาทที่แท้จริงเพื่อที่จะครองบัลลังก์เจ้าเมืองชมทะเลสืบต่อไป

  แต่เขากลับถูกสังหารในกระบวนท่าเดียวตั้งแต่สงครามจะเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ

  เทพทั้งสามเห็นการโจมตีอย่างชัดเจนความตายของลี่หยิงนั้นคุ้มค่า แต่เขาก็ตายอย่างไม่ยุติธรรม

  มันคุ้มเพราะฝ่ามือนั้นมีพลังอันสุดยอดซึ่งมากพอที่จะกำจัดลี่หยิง

  เขาตายอย่างไม่เป็นธรรมก็เพราะว่าถ้าหากเขาระวังตัวมากกว่านี้และไม่ปะทะกับฝ่ามือโดยตรงเขาคงจะไม่ตายอย่างง่ายดาย

  แต่ไม่ว่าจะอย่างไรลี่หยิงก็ตายไปแล้ว

  แต่มันคือความตายที่ทำให้พวกเขามีเหตุผลใหม่ในการจู่โจม

   กบฏ! 

  เมฆาอสูรแววตาดั่งสายฟ้าเขาตะโกนใส่ซือหยูด้วยเสียงอันดังก้อง

   เจ้าสังหารลูกหลานเทพเจ้าสมควรตายด้วยความผิดมหันต์ พวกเราเป็นเทพแดนจิงหยูจะไม่นั่งรอดูคนชั่วช้าเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าทำร้ายเมืองชมทะเล! 

  เขาตะโกนด้วยคุณธรรมแต่เขาก็ใช้คำพูดเพื่อดูหมิ่นชาวเมืองชมทะเล

   เจ้าบิดเบือนความจริง!ไอ้บัดซบลี่หยิงต่างหากที่พยายามจะสังหารท่านเจ้าเมืองแต่ตายแทน เจ้าคิดว่าเจ้าเมืองเราจะนั่งรอให้ตัวเองถูกทำร้ายจนตายเรอะ? 

   เจ้าต่างหากที่คิดร้ายต่อเมืองชมทะเล! 

   ใช่แล้วไสหัวไปให้พ้น! เรื่องของเมืองชมทะเลไม่ต้องการเจ้ามายุ่งเกี่ยว! 

  ชาวเมืองชมทะเลเข้าใจดีหากเมืองถูกพิชิตเมื่อใด พวกเขาจะกลายเป็นหุ่นเชิดของเทพทั้งสาม

  แต่ความอาฆาตพยาบาทของชาวเมืองชมทะเลนั้นไม่มีค่าในสายตาของเมฆาอสูรเขาเย้ยหยันกลับ

   เจ้าพวกโง่ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยพวกเจ้านะ!    เขาจ้องซือหยูในขณะที่พูด

   ด้วยนามฝ่าบาทข้ามาเพื่อประกาศต่อโลกว่าข้าจะทำสงครามเพื่อความเป็นธรรมกับอสูรขนนก! 

  เมฆาอสูรกล่าวอ้าง

  หลังจากเหลือบมองเทพอีกสองคนข้างๆ ทั้งสามหันไปมองซือหยูพร้อมกัน พลังเทพของทั้งสามแผ่ออกมาทะลวงสวรรค์ มันกำลังจะสังหารซือหยูให้ตาย

  ทั้งสามรู้ว่าหากเรื่องเป็นเช่นนี้พวกเขาก็ทำได้แค่ร่วมมือกันฆ่าซือหยู บุคคลผู้มีคุณสมบัติอันน่าสะพรึงกลัว

  มิเช่นนั้นสิ่งที่รอพวกเขาในอนาคตก็มีแต่เพียงฝันร้ายอันไม่รู้จบ

  ความสำคัญในการสังหารซือหยูนั้นมากพอๆ กับการชิงตัวองค์หญิงเก้า

  ทั้งสามซัดพลังใส่ซือหยูพร้อมกันพลังของเมฆาอสูรนั้นพอ ๆ กับเทพพ่อค้า ซึ่งไม่ใช่พลังที่ซือหยูจะต้านทานได้  แต่ต่อให้เขาทำอะไรไม่ได้คนอื่นก็อาจทำได้

  ปั้ง!ปั้ง!

  ทั้งสามถูกจู่โจมโดยทันทีลำแสงเทพสี่สายเปล่งประกายซัดลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันปลดปล่อยพลังสังหารจากด้านหลัง!

  พลังทั้งสี่นั้นมาจากกลุ่มเจ้าดินแดนที่มีเมืองจันทร์ผ่องเป็นผู้นำ

  ทั้งสี่ลอบโจมตีอยู่ที่ชายแดนของพื้นที่ตัวเองพวกเขาจับตาดูเหตุการณ์ในเมืองชมทะเลอยู่ตลอดและรอคอยโอกาสดีที่สุดในการเริ่มสังหาร

  ทั้งสี่คือสุดยอดไพ่ตายที่ซือหยูเตรียมเอาไว้

  การจู่โจมของทั้งสี่นั้นอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเมฆาอสูรและเทพอีกสองคนโดยสิ้นเชิง

  พวกเขาคิดว่าต่อให้อสูรจันทร์ผ่องและเทพที่เหลือไม่กล้ามาช่วยพวกเขากลุ่มของอสูรจันทร์ผ่องก็ไม่มีเหตุผลให้จัดการพวกเขา ใช่ไหม?

  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันอะไรกัน?กลุ่มอสูรจันทร์ผ่องได้จู่โจมพวกเขาอย่างป่าเถื่อนจากด้านหลัง!

  เมฆาอสูรเป็นคนแรกที่ได้สติพลังเทพที่เขาปลดปล่อยออกมาถูกดึงกลับ เขาร้องคำรามด้วยความโกรธแค้นและหันทิศของพลังไปที่ด้านหลัง

  เสียงดังขึ้นหนึ่งในผู้ลอบโจมตีถูกพลังของเมฆาอสูร เขากระเด็นและทิ้งแอ่งโลหิตเทพไว้บนพื้น เขาคืออสูรจันทร์ผ่องที่มีโลหิตเต็มปาก

  แต่เข็มกระดูกเลือดแดงในมืออสูรจันทร์ผ่องก็ทะลวงฝ่ามือเมฆาอสูรได้สำเร็จเช่นกันเกิดรอยแดงกระจายผ่านฝ่ามือของเขา

   พิษสังหารเทพเรอะ? 

  เมฆาอสูรตกใจแต่เขาก็ไม่ประมาท เขาเรียกพลังมาสะกดพิษทันที  อสูรจันทร์ผ่องกระอักเลือดออกมาใบหน้าเขาสะใจ

   หึหึ!สมกับที่เป็นเทพอันดับหนึ่งในแดนจิงหยู เจ้าทำร้ายข้าได้แม้จะมีพิษสังหารเทพในกายเจ้า! แต่เจ้าหลีกหนีชะตาอันโหดร้ายวันนี้ไม่ได้หรอก! 

  อ๊ากกก!

  เสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังพร้อมๆ กัน เจ้าเมืองก้นบึ้งและเจ้าเมืองโป้หมิงตอบสนองไม่ทันอย่างเมฆาอสูร ทั้งสองร่างแตกสลายจากเทพอีกสามคน เหลือเพียงดวงวิญญาณเทพที่หนีไปได้อย่างไร้ร่องรอย

  เทพทั้งสามคือเจ้าเมืองไป่ยี่เจ้าเมืองหลิงชิง และเจ้าเมืองฟางไซ่

  ทั้งสามไม่คิดจะไล่ตามดวงวิญญาณเทพทั้งสองที่หนีไปทั้งสามยืนเคียงบ่าเคียงไหล่อสูรจันทร์ผ่องและมองเมฆาอสูรจากระยะไกล

  ดวงวิญญาณเทพที่ไร้กายหยาบไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องกังวล

  เมฆาอสูรต่างหากที่น่ากลัวพวกเขาควรจะระวังเมฆาอสูรมากที่สุด

   ฟางไซ่นี่เจ้า… 

  เมฆาอสูรโกรธแค้นในแววตาก่อนหน้านี้ฟางไซ่คือคนที่อยู่ข้างเดียวกันเขา!

  เจ้าเมืองฟางไซ่พูดอย่างไร้อารมณ์

   อสูรจันทร์ผ่องสัญญาจะให้ข้ามากพอใช่แล้ว มากกว่าที่เจ้าจะให้ 

  ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวรมีเพียงผลประโยชน์เป็นที่ตั้งเท่านั้น

   ย่อมได้!ย่อมได้! จะไม่มีพวกเจ้าคนใดรอดชีวิตในวันนี้! 

  เมฆาอสูรตะโกนด้วยความแค้น

  ตู้ม!

  พลังอสูรอันน่าตกใจระเบิดออกมาจากร่างของเขาเขาจ้องอสูรจันทร์ผ่องด้วยความโกรธเกรี้ยว   คิดว่าจะสยบข้าด้วยพิษสังหารเทพเรอะ?ไปลงนรกซะเถอะ! 

  เขากลายร่างเป็นอสูรยักษ์ที่สูงหมื่นศอก

  อสูรจันทร์ผ่องและเทพอีกสามคนสีหน้าหม่นหมองแม้เมฆาอสูรจะมีพิษในร่าง พวกเขาก็ไม่กล้าประมาท พวกเขากลายร่าเงป็นอสูรหมื่นศอกร่างกายอัปลักษณ์เช่นกัน

  สัตว์ประหลาดยักษ์ห้าตัวทำการต่อสู้อย่างดุเดือดเหนือน่านฟ้าเมืองชมทะเล

  ทุกกระบวนท่าทำลายภูเขาและแม้น้ำจนไม่เหลือซากโลกที่แข็งกล้าอย่างโลกอสูรเริ่มแสดงร่องรอยแตก

  เมฆาอสูรคือเจ้าดินแดนอันดับหนึ่งแห่งแดนจิงหยูของจริงแม้จะมีพิษร้ายในร่างกายและเหลือพลังใช้ได้เพียงเจ็ดส่วน พลังการต่อสู้ของเขาก็น่าตกใจเช่นเดิม แม้จะมีเทพอีกสี่คนปิดล้อม เขาก็ไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลย

  แต่เมื่อพวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกันแล้วพวกเขาตั้งใจที่จะสังหารเมฆาอสูร แม้จะผงะเพราะพลังอันน่ากลัวของเมฆาอสูร พวกเขาก็ยิ่งต้องร่วมมือกันสังหารมากขึ้น

  หากพวกเขาปล่อยเมฆาอสูรให้รอดไปได้ในวันนี้มันจะกลายเป็นรากแห่งปัญหาไม่รู้จบและภัยร้ายในภายภาคหน้า!

   ไม่ต้องออมมืออีกแล้ว! 

  อสูรจันทร์ผ่องร้องคำรามราวสายฟ้าเขาพุ่งเข้าไปคนแรกโดยใช้อาวุธอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เขาใช้วิชาสังหารที่กลืนกินพลังเทพของตัวเอง

  เทพอีกสามคนไม่รอช้าทั้งสามใช้พลังสูงสุดของตัวเองออกมา

  สงครามครั้งใหญ่ของเหล่าเทพกำลังเปลี่ยนแปลงแล้ว

  เมฆาอสูรถูกพลังจากเทพทั้งสี่ระเบิดจนตัวโยนเกิดรอยแผลมากมายที่กว้างนับร้อยศอกทั่วทั้งร่าง โลหิตเทพกระเด็นออกมามากมาย ท้องนภาส่องแสงสีทองสะท้อนโลหิตเทพเหล่านั้นอย่างงดงาม

  เวลาผ่านพ้นไปเมฆาอสูรสภาพแย่ลง กายาเทพของเขากำลังจะแตกสลาย

  แต่เทพอีกสี่คนก็ไม่ได้สภาพดีไปกว่ากันนัก!

  เจ้าเมืองฟางไซ่แตกดับจากพลังของเมฆาอสูรแม้แต่ดวงวิญญาณก็ถูกทำลายไป เจ้าเมืองฟางไซ่ตายแล้ว!

  เจ้าเมืองไป่ยี่และหลิงชิงบาดเจ็บสาหัสต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าที่จะฟื้นคืนพลังกลับมาเหมือนเดิม

  แม้แต่อสูรจันทร์ผ่องก็บาดเจ็บอย่างรุนแรง

  แต่ที่พวกเขายังไม่ตายก็เพราะว่าเมฆาอสูรถูกพิษเล่นงานตั้งแต่แรกในการต่อสู้

   มันกำลังจะแพ้แล้วเข้าไปพร้อมกันเลย! 

  อสูรจันทร์ผ่องตะโกน

  ผลที่ได้ชัดเจนเมฆาอสูรกำลังจะตายในวันนี้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน

  เจ้าดินแดนทั้งสามกระโจนเข้าใส่เมฆาอสูรทันทีเพื่อปิดฉาก

  เมฆาอสูรฉีกยิ้มด้วยความปวดร้าวเขาต้องมองซือหยูด้วยความแค้น

   อสูรขนนก!ข้าจะไม่มีวันอภัยให้เจ้า!! 

  แม้จะไร้หลักฐานมันก็เป็นที่แน่นอนว่าซือหยูเป็นคนที่ทำให้เทพทั้งสี่ย้ายข้างอย่างพิลึกพิลั่นเช่นนี้

  เขาเสียใจที่ไม่เชื่อคำของเทพตำราเด็กหนุ่มตรงหน้าน่ากลัวจนไม่ควรจะยุ่งเกี่ยว

  เขาพลิกเมฆาได้เพียงพลิกฝ่ามือพลิกทั้งโลกได้เพียงความคิดเดียว

  ฟึ่บ!

  อสูรขนาดหมื่นศอกโผบินเขาคิดที่จะหนี

   เจ้าจะหนีไปไหน? 

  อสูรจันทร์ผ่องจะยอมให้เมฆาอสูรหนีไปได้รึ?มีเทพอีกสองคนในฝ่ายเดียวกัน ทั้งสองไล่ตามไปด้วย

  เมฆาอสูรไม่ต่างกับศรที่หมดแรงทะยานเขาไม่มีทางหนีรอดจากการโจมตีสุดท้ายของทั้งสามได้แน่

  ตู้ม!ตู้ม! ตู้ม!

  แต่ทันใดนั้นเองเสียงสายฟ้าลั่นส่งเสียงคำรามมาจากขอบนภา

  เมฆพลังอสูรแล่นเหนือเมืองชมทะเลราวกับคลื่นยักษ์จิตสังหารแผ่เข้ามาอย่างรุนแรง

  ซือหยูตกใจจากรังสีพลังอันตรายนี้

   อสูร! 

  ซือหยูขนลุกพลังนี้เป็นลักษณะเฉพาะของเผ่าอสูรที่กวาดล้างจักรวาล

  ตั้งแต่ที่เข้าแดนอสูรมาไม่มีอสูรคนใดที่เขาเจอและเป็นอสูรกระหายเลือดดั่งเช่นอสูรในจักรวาล

  ซือหยูเคยสงสัยว่าเหล่าอสูรในจักรวาลนั้นมาจากโลกอสูรหรือไม่  แต่เสียงแหบพร่าน่ากลัวก็ได้ดังมาจากเมฆานั้นมันทำให้ซือหยูแววตาเยือกเย็น

  โลกอสูรคือดินแดนของผู้ปกครองที่ควบคุมความเป็นความตายของทุกชีวิตบนจักรวาล

  โชคดีของซือหยูหมดลงแล้ว

  พลังอันป่าเถื่อนแผ่ขยายไปทุกทิศทางชาวเมืองชมทะเลตกใจกลัว

  แม้แต่อสูรจันทร์ผ่องและสองเทพที่เหลือก็ตกใจกลัวพวกเขาอุทาน

   ศาลอสูร! 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset