นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 88

 

เอาล่ะ– ถึงเวลาสำหรับมื้อค่ำแล้ว

 

หลังคุณซิลเวียกับผมที่ทำความสะอาดร่างกาย

และเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จ ก็ได้มุ่งหน้าไปสถานที่จัดงานเลี้ยง

พวกเราทั้งสองคนมุ่งหน้าไปอาคารที่สูงที่สุดในย่านที่อยู่อาศัย

 

อาคารนี้ก็เป็นสีขาวเหมือนกับอาคารอื่นๆ  

แต่ที่แตกต่างกันก็คือความสูงของที่นี่นั้นสูงกว่าที่อื่นมาก

 

นับจากหน้าต่างที่เห็นจากตรงนี้แล้ว คงจะสูงประมาณซัก 7 ชั้นได้

พอผมเดินเข้าไปในอาคาร ก็มีดาร์กเอลฟ์ที่น่าจะเป็นยามเฝ้าได้ยื่นแผ่นวงเวทย์ให้ผม

ไม่นานนั้นก็มีวงเวทย์ปรากฎขึ้นมา และเวทย์เทเลพอร์ตก็ถูกเปิดใช้งาน

โดยเทเลพอร์ตผมกับคุณซิลเวียขึ้นไปที่ดาดฟ้าชั้นบนสุดของอาคาร

 

แผ่นวงเวทย์อันนี้เป็นไอเทมที่แม้แต่ผู้ไม่มีพลังเวทย์ก็ใช้ได้

โดยจะทำให้ผู้ที่ใช้สามารถใช้เวทย์ที่สลักอยู่บนแผ่นหนังได้

 

มันไม่ใช่ของที่มีขายทั่วไปอยู่ตามตลาดท้องตลาด แถมราคาก็แพงด้วย

การที่เอาของแบบนั้นมาใช้แบบนี้ก็แสดงให้เห็นได้เลยว่าพิธีในครั้งนี้นั้น

มีความสำคัญมากถึงขนาดไหน

 

“เรียว นายนั่งตรงนี้ก็แล้วกันนะ”

 

“อา”

 

ผมนั่งลงตรงที่ที่คุณซิลเวียบอก  

ในตอนที่ผมกำลังจะนั่งคุณซิลเวียก็ดึงเก้าอี้ออกมาให้ผมนั่งด้วย

จะเรียกว่าเป็นผู้หญิงที่ดูเท่ หรือผู้หญิงดูเป็นสุภาพบุรุษดีกันล่ะเนี่ย

หลังจากที่ผมนั่งลง คุณซิลเวียก็นั่งลงที่ทางฝั่งขวามือของผม

 

“ฮุฮุ ไม่ต้องประหม่าถึงขนาดนั้นก็ได้นะเรียวคุง”

 

และคนที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของผมคือคุณแม่ของคุณซิลเวีย

 

เครือญาติของผู้มีคุณสมบัติในการรับมรดกนั้น

สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำนี้ด้วยได้มากสุดแค่สองคนเท่านั้น

 

คุณพ่อปฏิเสธที่จะมางานเลี้ยงอาหารค่ำและรออยู่ที่บ้าน  

ก็เลยมีคุณแม่ของคุณซิลเวียและผมที่มาด้วยกัน 

 

แล้วเธอหันมาที่ผมและยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับผม

 

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หม่าม้าก็จะคอยอยู่ด้วยตลอด เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ♡ จะว่าไปแล้วเรียวคุงนี่น่ารักจริงๆนะ ถึงตอนแรกจะเป็นห่วงเบบี้จังอยู่ก็เถอะ แต่ถ้ามีคนดีๆแบบนี้คอยอยู่เคียงข้างเบบี้จังของฉัน ก็รู้สึกวางใจได้แล้วล่ะน้า”

 

“เอ่อ…ท่านแม่….ทั้งต่อหน้าเรียว ต่อหน้าหนู หรือจะต่อหน้าคนอื่น….แบบว่า ช่วยหยุดเรียกหนูแบบแปลกๆอย่างนั้นทีจะรึเปล่า?”

 

คุณซิลเวียทำหน้าไม่พอใจตอนที่พูดแบบนั้น

และในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงระฆังดังมาจากที่ไหนซักแห่ง

 

คุณซิลเวียกับคุณแม่ก็ยิ้มออกมา

ผมตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นและกลับมานั่งที่เหมือนเดิม

 

จากนั้นก็มีแสงสีน้ำเงินอมฟ้าปรากฎขึ้นที่ด้านสั้นของโต๊ะยาวสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ผมรู้สึกตกใจมาก แต่คุณซิลเวียกับคุณแม่ของเธอ  

รวมถึงคนอื่นๆที่นั่งอยู่บนโต๊ะ กลับดูไม่มีทีท่าแปลกใจอะไรกันเลย

 

ในขณะเดียวกัน แสงก็ค่อยๆสว่างขึ้นและเริ่มเห็นเป็นร่างกายของดาร์กเอลฟ์หญิง

 

“ทุกคน ขอขอบคุณที่มากันในครั้งนี้เพื่อคนแก่คนนี้นะ”

 

ดาร์กเอลฟ์หญิงคนนั้นค่อนข้างตัวโปร่งใสเล็กน้อย

ดวงตาของผมถึงกับเบิกกว้าง เพราะตรงหน้าของผมนั้นคือผีล่ะ

(ต้นฉบับใช้คำว่าGhostเลยแต่ผมขอใช้คำว่าผีครับเพราะง่ายดี55)

 

ปกติแล้วคนที่กลายเป็นผีมักจะสูญเสียสติและเหตุผลไปจนไม่สามารถพูดคุยอะไรกันได้

แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าผมนี้กลับมีสติและเหตุผลอยู่ครบสมบูรณ์

 

นอกจากนี้ พอวิเคราะห์จากบทสนทนาที่คุยกันก่อนหน้านี้แล้ว

ดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะเป็นท่านทวดของคุณซิลเวียนะ

 

ผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นจึงหันไปถามคุณซิลเวียด้วยสายตา

 

“หืม ฉันยังไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ท่านทวดของฉันเป็นเนโครแมนเซอร์น่ะ ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ท่านได้ฝึกฝนวิชาลับเพื่อที่จะทำให้ตัวเองสามารถกลายเป็นผีได้น่ะนะ แต่ถึงจะว่างั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่แบบนี้ได้ตลอดไปหรอกนะ เพราะถ้าผ่านไปซัก 10 ปีแล้วก็จะสลายหายไปน่ะ….”

 

จำไม่เห็นจะได้ว่าเคยบอกเลยนะคุณซิลเวีย

แต่ก็นะ ถึงต่อให้ผมจะได้ยินมาก่อนผมก็คงไม่สามารถทำความเข้าใจได้อยู่ดีนั่นแหละ

เพราะว่าเรื่องแบบนี้มันเหนือความคาดหมายมากๆเลยล่ะ

 

เนโครแมนเซอร์คือคนที่สามารถจัดการกับร่างกายของคนตายและพวกผี

แต่บอกตามตรงผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีเนโครแมนเซอร์

ที่กลายไปเป็นผีหลังจากที่ตายไปแล้วด้วยอยู่น่ะ

 

แต่จะว่าไป ปกติแล้วมันก็คงจะไม่มีคนธรรมดาที่ไหนเค้าคิดจะทำกันหรอกนะ

เพราะถ้าเกิดว่ามันพลาดขึ้นมา อาจจะต้องสูญเสียสติและความมีเหตุมีผล

และจบลงด้วยการเร่ร่อนไปตลอดกาลเลยก็ได้นะ?

 

สมกับที่เป็นสายเลือดของคุณซิลเวียเลยแฮะ

มิน่าล่ะ เพราะงี้ผมถึงรู้สึกใจเต้นตุบตับแปลกๆตอนที่คุณซิลเวียพูดเรื่องนั้นนี่เอง

 

เรื่องที่ว่าก็คือการที่แม้ท่านทวดจะเสียชีวิตไป

แต่ดันกลับพูดว่าอยากเห็นเหลนเป็นเจ้าสาวเนี่ย

ฟังยังไงมันก็รู้สึกขัดแย้งกันอยู่แล้ว แต่สรุปแล้วเรื่องมันเป็นงี้นี่เองสินะ

 

“ฉันคิดว่าทุกคนก็คงจะรู้เรื่องเกี่ยวกับฉันและมรดกของฉันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ แต่ถึงอย่างงั้น….ก็ไม่คิดเลยว่า ลิเลีย เอย์เซน คิยาโนโตะ และซิลเวีย ทั้งสี่คนจะได้พบกับคู่หมั้นแบบนี้ น่าดีใจจริงๆ เพียงเท่านี้ฉันก็จะสามารถไปสู่สุขติได้อย่างสบายใจแล้วสินะ”

 

ท่านทวดมองทุกคนด้วยรอยยิ้ม

 

“งานแต่งจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ครั้งนี้เราแค่มาพบหน้ากันเฉยๆน่ะนะ ถ้างั้นก่อนอื่น ช่วยแนะนำให้รู้จักกันหน่อยสิ”

 

โอ๊ะโอ๋ ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไม่ใช่เวลาที่จะมามัวแต่ตกใจสินะ

คุณซิลเวียกับผมค่อยๆลุกขึ้นยืน ในขณะเดียวกันท่านทวดก็มองมาที่พวกเรา

แถมก่อนผมจะยืนขึ้น คุณซิลเวียก็ดึงเก้าอี้ออกให้ผมด้วย เท่จริงๆเลยนะเนี่ย

 

แถมวันนี้คุณซิลเวียยังใส่ชุดเมอร์เมดเดรสสีไวน์แดงด้วยล่ะ

และผมกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆก็ใส่ชุดที่เหมาะกับพิธีการเหมือนกัน

 

ไหล่สีน้ำตาลที่เปิดโล่งให้เห็นชัดเจน และตัวเดรสก็ยังเปิดเผยขาให้เห็นด้วย

สีของดวงตาเธอกับสีของชุดนั้นดูเข้ากันมากเลยล่ะ

 

“ท่านทวดคะ นี่คือเรียวคู่หมั้นของหนูเองค่ะ”

 

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเรียวครับ เป็นพนักงานกิลด์ที่ทำงานอยู่ที่กิลด์นักผจญภัยในเมืองคาสซานดร้าครับ”

 

ผมสบตากับท่านทวดพร้อมพูดไปด้วย

 

“เดิมที่แล้วพวกเราควรจะมาทักทายก่อนที่คุณจะชวนพวกเรามาที่หมู่บ้านแบบนี้ด้วยซ้ำ….ที่ต้องมาหลังจากที่เชิญมาแบบนี้ต้องขออภัยด้วยจริงๆครับ”

 

“ไม่ละๆ นี่มันก็เป็นเพราะความเอาแต่ใจของฉันเองด้วยแหละ ไม่ต้องไปใส่ใจนักหรอกนะ”

 

ท่านทวดมองมาที่ผมด้วยท่าทางที่ค่อนข้างจะประหลาดใจ

แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นประหลาดใจในทางที่ดีล่ะนะ

 

“ฮึฮึ ท่านทวดคะ เขาคนนี้น่ะ ถึงแม้ว่าหนูจะเป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดแบบนี้ แต่เขาก็ปฏิบัติกับหนูด้วยความจริงใจเหมือนที่เห็นอยู่ตอนนี้เลยแหละค่ะ”

 

คุณซิลเวียพูดขึ้นมาและโน้มตัวมาทางผม

 

“หนูคงจะทำให้ท่านทวดต้องรู้สึกเป็นห่วง แต่ว่าในที่สุด หนูก็ได้เจอกับคนที่หนูสามารถเปิดใจให้ได้อย่างแท้จริงแล้วล่ะค่ะ”

 

คุณซิลเวียพูดแบบนั้นเสร็จ เธอก็หันมามองที่ผมและยิ้มให้กับผม

แล้วผมก็ยิ้มกลับไปให้เธออย่างเป็นธรรมชาติและใช้แขนโอบไหล่ของเธอไว้

ทันใดนั้นท่านทวดก็เบิกตากว้าง แล้วก็มีเสียงพึมพำเบาๆจากผู้เข้าร่วมงานคนอื่นๆด้วย

 

แต่ถึงรอบตัวจะมีอะไรเกิดขึ้น  

แต่คุณซิลเวียก็ยิ้มออกมาอย่างสดใสโดยไม่ได้สนใจรอบข้างแต่อย่างใด

 

“จริงแล้วคนที่เป็นคนผลักดันให้หนูหย่าก็คือเขาเองค่ะ เขาเป็นคนที่มอบความกล้ามากมายให้กับหนู ถ้าไม่มีเขาล่ะก็ หนูก็คงจะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยที่ยังโดยต้องอดทนและปิดกั้นตัวเองก็เป็นได้ค่ะ”

 

คำพูดในตอนนี้น่ะ 

ไม่รู้ว่าเป็นคำพูดที่แสดงออกมาเพื่อเอาใจท่านทวดหรือเป็นใจจริงของคุณซิลเวียกันแน่

แต่ไม่ว่าจะอันไหนผมทำรู้สึกเขินอายนิดๆเหมือนกันอยู่ดีแหละ

 

“งั้นเหรอ…..”

 

แล้วน้ำตาก็ได้ไหลออกมาจากตาของท่านทวด

ผมแอบแปลกใจเหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผีแต่เธอก็ยังมีน้ำตา

แต่ถึงแบบนั้น น้ำตานั้นมันก็ยังเป็นแสงสีฟ้าอมขาวและจางหายไปอย่างรวดเร็ว

ก่อนที่น้ำตานั้นจะร่วงลงไปบนพื้นซะอีก

 

“ซิลเวีย…..คู่แต่งงานคนก่อนของเธอน่ะคือคนที่ฉันจัดการให้หลังจากที่ไปปรึกษากับพ่อแม่ของเธอมาแล้ว ฉันเคยคิดว่านั่นเป็นการทำเพื่อเธอ…..แต่พอตอนที่ฉันได้ยินว่าชีวิตแต่งงานของเธอไม่มีความสุขเลย ฉันก็รู้สึกเสียใจมากเลยล่ะนะ….”

 

“ท่านทวด….”

 

“แต่ว่า พอได้เห็นหน้าของเธอในวันนี้แล้ว ความรู้สึกเสียใจในที่อยู่ภายในอกมันก็ได้หายไปหมดแล้วล่ะนะ”

 

แล้วท่านทวดหันมาก้มหัวให้ผมและพูดออกมาทั้งน้ำตา

 

“ท่านเรียว ต้องขอขอบคุณจริงๆ ชีวิตคู่ของทั้งสองคนหลังจากนี้ ขอให้มีแต่ความสุขนะ”

 

โล่งอกไปที ดูเหมือนว่าการทักทายของผมจะสร้างความประทับใจได้ดีเกินคาดนะเนี่ย

พอพวกเราสองคนนั่งลงด้วยความโล่งใจ คราวนี้คู่ถัดไปที่นั่งอยู่ข้างหน้าพวกเราก็ได้ลุกขึ้นยืน

ดูเหมือนว่าจะไม่มีญาติที่มาเข้าร่วมกับทั้งคู่ เพราะเก้าอี้สองตัวข้างๆนั้นว่างเปล่า

 

ในบรรดาคู่หมั้น ผู้ชายคนนี้มีรูปร่างที่ดูอ้วน จมูกโด่งและตาใหญ่ใบหน้าคล้ายๆกับออร์ค

ถ้าคิดตามค่านิยมของโลกนี้เขาก็คงจะอยู่ในหมวดที่เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มหล่อล่ะนะ

 

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีทัศนคติที่ไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่นะ

ถึงแม้ว่าเขาจะยืนขึ้่นแต่เขาก็ไม่ได้พยายามจะทักทายเลยแม้แต่น้อย

เขาเพียงแค่มองไปทางนั้นแบบไม่มีไร้เรี่ยวแรง

 

เฮ้ยๆ……

ในตอนที่ผมกำลังรู้สึกประหลาดใจ ผู้หญิงคนข้างๆก็ได้เปิดปากขึ้น

 

“ได้เจอท่านทวดอีกครั้งแบบนี้ ลิเลียน่ะมีความสุขมากเลยล่ะค่า♡”

 

เรียกว่าสีสตรอว์เบอร์รีบลอนด์รึเปล่านะ

ผมของเธอจะดูออกเป็นสีชมพูหรือสีบลอด์นั้น

เหมือนจะขึ้นอยู่กับแสงที่ตกกระทบ

 

สีตาของเธอเป็นสีแดงอมม่วง 

ได้ยินมาว่าเป็นดาร์กเอลฟ์นี่นา แต่ผิวของเธอกลับเป็นสีขาว

 

เธอตัวเล็กเหมือนกับเด็กวัยรุ่นช่วงต้น  

แถมค็อกเทลเดรสสีชมพูแซลมอนที่เธอใส่นั่นยิ่งทำให้เธอดูเด็กกว่าเดิมอีก

 

หน้าตาค่อนข้างจะน่ารัก มีตาสองชั้น แก้มที่อวบอิ่ม และริมฝีปากค่อนข้างเล็ก

ถ้าเป็นในโลกเดิมของผมล่ะก็ เธอคงจะได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชายที่ชอบแนวเด็กสาวแน่ๆ

 

อ๊ะ จะว่าไปแล้วพูดถึงชื่อของน้องสาวต่างแม่ของคุณซิลเวียแล้วเหมือนจะชื่อว่าลิเลียสินะ?

ถ้างั้นก็แปลว่าเป็นเด็กคนนี้เองงั้นเหรอ!

 

งี้นี่เอง ที่เด็กคนนี้มีผิวสีขาว ก็เพราะว่าพ่อคุณซิลเวียมีผิวขาวนี่เองสินะ

 

“หลังจากที่ท่านทวดเสียไป ลิเลียก็รู้สึกเหงามากเลยล่ะค่า….แต่หนูมีเรื่องนึงที่จะพูดกับท่านทวดอยู่น่ะค่ะ”

 

“เรื่องอะไรงั้นเหรอลิเลียเอ๋ย?”

 

“เรื่องคู่หมั้นของผู้หญิงคนนั้นน่ะนะค้า นั่นน่ะเป็นคู่หมั้นจริงๆแน่รึเปล่านะคะ? เพิ่งจะหย่าไปเองแท้ๆ แต่จะมีคนใหม่ได้ทันทีเลยเนี่ยมันไม่น่าเป็นไปได้หรอกนะค้า ไม่ใช่ว่าใช้เรื่องมรดกมาเป็นเหยื่อล่อเขางั้นหรอกเหรอ?”

 

ที่น้องสาวของคุณซิลเวีย– ที่ลิเลียจู่ๆก็พูดแบบนั้นออกมาอย่างอุกอาจ

แถมยังชี้นิ้วใส่คุณซิลเวียแบบนั้นทำผมรู้สึกประหลาดใจมาก

แต่ว่าคุณซิลเวียก็ได้ยิ้มกลับไปหาลิลิธด้วยรอยยิ้มที่ดูใจดี

 

“ให้ตายสิ ก็นึกว่าจะพูดเรื่องอะไร……แล้วที่พูดมานั่น เธอมีหลักฐานรึเปล่าล่ะลิเลีย?”

 

“ก็ไม่มีหรอกน้า~…..แต่ว่าถ้าคิดตามปกติแล้วมันก็แปลกไม่ใช่เหรอ? เพิ่งจะเลิกกับผู้ชายคนหนึ่งไปแท้ๆ แต่ทำไมถึงยังมีผู้ชายคนใหม่มาอีกล่ะ?”

 

“ถ้าไม่มีหลักฐาน ก็หยุดพูดจาส่งเดชได้แล้ว ถ้าพูดมากไปกว่านี้จะถือว่าเป็นการหมิ่นคู่หมั้นของฉันนะ”

 

“ลิเลียเอ๋ย ถ้ามากไปกว่านี้ล่ะก็ ฉันก็จะโกรธแล้วเหมือนกันนะ ถึงจะติดใจเรื่องของซิลเวียหรือไม่ก็ตาม แต่เวลาจะพูดอะไรก็ควรจะดูกาลเทศะหน่อยนะ”

 

“ค่า…..”

 

หลังจากโดนคุณซิลเวียกับท่านทวดดุ ลิเลียจังก็นั่งหน้าจ๋อยไปเลย

ชายรูปร่างเหมือนออร์คคนนั้นก็เงียบจนถึงที่สุดและก็นั่งตามลิเลียจังลงไป

 

แต่ผมได้ยินมาว่าเธอเป็นลูกครึ่ง ผมเลยคิดว่าคุณซิลเวียกับลิเลียจัง

ก็น่าจะถือว่ามีความสนิทกันมากกว่าคนอื่นในบรรดาเครือญาติแท้ๆ…..

แต่จากที่ดูจากบรรยากาศในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ

 

อืม….แบบนี้มันค่อนข้างจะดูมีปัญหามากกว่าที่คิดเลยนะ

 

 

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset