Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 659 : พลังพิเศษที่แข็งแกร่ง

ราชันเร้นลับ 659 : พลังพิเศษที่แข็งแกร่ง

บนอนาคตกาล แอนเดอร์สัน·ฮู้ดที่กำลังวางมือลงบนกราบเรือ มองเห็นกองทัพอันเดดบนผิวน้ำที่มืดมิดเริ่มล่าถอยกลับไปยังทิวลิปดำ และมองเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์กำลังร่อนลงบนดาดฟ้าทิวลิปดำพร้อมกับกดหมวกด้วยมือขวา เผชิญหน้ากับพลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ โดยไม่เผยอาการสั่นคลอนแม้แต่น้อย

ฉากดังกล่าวเกินขึ้นท่ามกลางแสงสีแดงเข้มสลับเขียวหม่น ด้านหลังเป็นกองทัพเงาดำ ภูตผี และสัตว์วิญญาณจำนวนมาก ผสมผสานจนเกิดเป็นความงดงามเหนือพรรณนา

เท่ฉิบ! พฤติกรรมสมกับฉายานักผจญภัยที่เสียสติที่สุด… แอนเดอร์สันกล่าวชมเชยจากใจ พลางฉุกคิดถึงอีกหนึ่งเรื่อง

ก่อนที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะเหาะข้ามไป เขาโยนยันต์แผ่นหนึ่งลงตรงหน้าเรา จากนั้นก็แสดงวิธีการใช้งานให้ดู!

หรือเขากำลังจะสื่อว่า… แอนเดอร์สันก้มหน้ามอง พบแผ่นยันต์ดีบุกสีขาวที่ปลายเท้า

บนทิวลิปดำ ขณะโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ไคลน์ผู้กำลังยืนเผชิญหน้ากับศัตรู มิได้เยือกเย็นเหมือนกับที่เห็นภายนอก

แอนเดอร์สัน รีบใช้ยันต์เหาะตามมาเร็วเข้า! ฉันรับมือมันตามลำพังไม่ไหว ไม่ได้ใกล้เคียงเลยสักนิด… ขณะยืนประจันหน้ากับบุรุษสวมหน้ากากเงินผู้มีเปลวไฟสีซีดบริเวณช่องดวงตา ไคลน์สวดภาวนาอย่างเงียบงัน

สืบเนื่องจากเจ้าของดวงตาที่ซ่อนตัวบนอนาคตกาล รวมไปถึงเรื่องเล่าที่มีใครบางคนเปิดประตูโถงจิตรกรรมภายในโลกความฝัน ไคลน์ตัดสินใจไม่ส่งตัวเองเข้ามิติหมอกเทาและพึ่งพาพลังของคทาเทพสมุทร อีกทั้งยังคอยย้ำเตือนตัวเองว่า หากไม่ต้องการตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง อย่าริอ่านทำเช่นนั้นโดยเด็ดขาด

ชายหนุ่มเชื่อว่า ลำพังยุบพองหิวโหย ถุงมืออินธน์ พลังนักมายากล และยันต์ขอบเขตอำนาจเทพสมุทร มีความหลากหลายมากพอจะช่วยให้ตนรับมือพลเรือเอกขุมนรกไหว อีกทั้งยังมีนกหวีดทองแดงอะซิกที่จะส่งอิทธิพลต่อซอมบี้และสิ่งมีชีวิตในเส้นทางมรณา ซึ่งนั่นหมายถึงการตัดกำลัง ‘ผู้สื่อวิญญาณ’ ได้เป็นอย่างดี – สำหรับลำดับ 5 แห่งเส้นทางมรณา หากศัตรูมีจำนวนไม่มากเกินไป มันสามารถรับมือกลุ่มผู้วิเศษลำดับกลางได้ด้วยจำนวนที่เหนือกว่า!

อย่างไรก็ตาม ไคลน์ไม่มั่นใจว่าตนจะเอาชนลูเธอร์ไวล์ได้ในการดวล ไม่ต้องพูดเรื่องการฆ่า เหตุผลแรกคือสนามรบ อ้างอิงจากการที่พลเรือเอกดวงดาวสามารถหยิบยืมพลังจากอนาคตกาล คนที่มีสมองสักนิดก็คงคิดได้ว่า การดวลกับลูเธอร์ไวล์บนทิวลิปดำย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ประการที่สอง พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ ถือเป็นพลเรือโจรสลัดที่มีอิทธิพลสูงที่สุด เหตุเพราะมันได้รับการหนุนหลังจากสององค์กรใหญ่คือ ‘ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร’ นาสต์ และ ‘นิกายวิญญาณ’ สมบัติวิเศษที่มันพกติดตัวจึงไม่น่าจะด้อยกว่าไคลน์ อาจเหนือกว่าด้วยซ้ำ และเหนือสิ่งอื่นใด ข่าวลือมากมายยังระบุตรงกันว่า ลูเธอร์ไวล์ครอบครองแหวนที่เป็นมรดกตกทอดของเทพมรณาบรรพกาล!

ประกอบกับการที่ตัวเองมีลำดับต่ำกว่าพลเรือเอกขุมนรก นอกจากไคลน์จะไม่คาดหวังว่าตนจะได้รับชัยชนะ ภายใต้หน้ากากนักผจญภัยเสียสติ อารมณ์ของชายหนุ่มยังค่อนไปทางประหม่าและกังวล ได้แต่สวดภาวนาให้นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้ถูกสาปด้วยโชคร้าย รีบเหาะตามมาช่วยโดยเร็ว

หากผู้วิเศษที่แข็งแกร่งสองคนผนึกกำลังกัน ก็ยังพอมีความหวังที่จะเอาชนะหรือรับมือกับลูเธอร์ไวล์ที่สูญเสียกองทัพอันเดดไหว ช่วยยื้อเวลาให้พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา และกลุ่มโจรสลัดของเธอสามารถกำจัดสัตว์ประหลาดที่ถูกประกอบจากซากศพเย็บติดกัน!

เมื่อความคิดดังกล่าวแล่นผ่าน ไคลน์ลงมือโจมตีโดยปราศจากความลังเล ปลดปล่อย ‘หมอกพิษ’ ที่ถุงมืออินธน์ขโมยมา ให้กระจายตัวออกไป

ไม่มีใครมองเห็นความกังวลและกระสับกระส่ายในใจชายหนุ่ม

ลูเธอร์ไวล์ผู้สวมหมวกสามเหลี่ยมใบใหญ่และหน้ากากเงิน ยกหมัดซ้ายที่กำแน่นขึ้น กางนิ้วทั้งห้าออกและชี้ปลายมือมาทางไคลน์

ขณะดาดฟ้าหัวเรือเริ่มถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเขียวเหลืองอันน่าพรั่นพรึง แสงมายาพลันระเบิดขึ้นตรงหน้าลูเธอร์ไวล์ เกิดเป็นวังวนห้วงมิติที่ดูดกลืนเข้าหาจุดศูนย์กลาง และค่อยๆ ก่อรูปร่างเป็นบานประตูทองแดงพร่ามัว

ผิวประตูทองแดงปกคลุมด้วยลวดลายพิศวง แฝงความอึมครึมและกลิ่นอายความตายในปริมาณเหนือพรรณนา

แอ๊ด~ บานประตูสั่นเทาก่อนจะเปิดแง้มออก

ด้านหลังให้เห็นความมืดมิดไร้ก้นบึ้ง คล้ายกับท้องฟ้ายามราตรีที่ดำดิ่ง

ดวงตาซึ่งยากจะอธิบายรายละเอียดกำลังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมืด พวกมันมีจำนวนมหาศาลและเรียงชิดกันในสภาพเบียดเสียดจนเต็มพื้นที่

ท่อนแขนชุ่มเลือดไร้เนื้อหนังเริ่มยื่นยาวออกจากประตู เฉกเช่นเถาวัลย์สีเขียวเข้มที่มีใบหน้าของทารก นอกเหนือจากนั้น ฝ่ามือที่มีรอยแยกคล้ายปากและซี่ฟันเรียงราย พยายามจับคว้าทุกสิ่งด้านนอกประตูพลางส่งเสียงหัวเราะ ร่ำไห้ และโหวกเหวก

ทั้งหมดมาพร้อมแรงดูดมหาศาล รวมไปถึงลมพายุกระโชกที่หนาวเหน็บจนสามารถกัดกร่อนกระดูกมนุษย์ ผุดขึ้นจากอากาศว่างเปล่ารอบประตู พยายามผลักทุกสิ่งให้เข้าไปในห้วงมิติพิสดาร พยายามดึงทุกคนเข้าไปในช่องว่างด้านหลังประตูทองแดง!

หมอกพิษสีเขียวเหลืองถูกสลายในพริบตา ร่างกายไคลน์โน้มเอนไปด้านหน้าอย่างไม่เต็มใจ เลี่ยงไม่ได้ที่จะเสียหลักโซเซ

ถุงมือข้างซ้ายพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท แฝงกลิ่นอายความชั่วร้ายของยามราตรีและความน่าเกรงขามของดวงดาว

ดวงตาสีน้ำตาลของไคลน์ทวีความเข้มและลุ่มลึก แขนซ้ายกางออกไปด้านข้าง เกิดเป็นท่าทาง ‘ขอร้อง’ อย่างสุภาพ

แรงดึงดูดอันทรงพลังบนดาดฟ้าหัวเรือเริ่มเปลี่ยนทิศ พยายาม ‘จับคว้า’ เหล่าโครงกระดูกและซอมบี้เน่าเปื่อยที่กำลังวิ่งไปยังดาดฟ้าท้ายเรือทีละตนสองตน พวกมันถูกดูดกลืนเข้าไปในบานประตูทองแดง ถูกพันธนาการโดยเถาวัลย์เขียวเข้มที่มีใบหน้าทารก ถูกท่อนแขนโชกเลือดรัดรึง และถูกกระชากเข้าไปยังจุดที่มีดวงตาจำนวนมหาศาลด้านหลังประตู

“บิดเบือน!”

พลัง ‘บิดเบือน’ ของ ‘บารอนแห่งการเน่าเปื่อย’ !

ไคลน์บิดเบือนเป้าหมายของประตูพิศวง เปลี่ยนตำแหน่งผู้เคราะห์ร้ายจากตัวเองให้กลายเป็นกลุ่มโครงกระดูกและซอมบี้ของทิวลิปดำ

แต่กระนั้น มันมิได้รอดพ้นจากแรงดึงดูดมหาศาลโดยสมบูรณ์ ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นทำให้แม้แต่การก้าวขาก็ยังเป็นเรื่องยาก มิอาจอาศัยความคล่องแคล่วที่เป็นจุดเด่นได้ถนัดนัก

หมวกแก๊ปที่มันสวมถูกลมพายุพัดปลิวไปในอากาศ ใกล้ตามรอยกลุ่มอันเดดที่ถูกบานประตูทองแดงถูกเข้าไป

ขณะเดียวกัน พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ ผู้สวมหมวกสามเหลี่ยมใบใหญ่ ยกแขนขวาขึ้นพร้อมกับเหยียดฝ่ามือออกมาด้านหน้า

ร่างกายท่อนบนครึ่งซีกขวาของมันพลันแปรเปลี่ยนเป็นร่างโปร่งใส คล้ายกับกลายเป็นอวัยวะของภูตผีหรือวิญญาณอาฆาต จากนั้น ท่อนแขนของมันยืดยาวออกจนผิดธรรมชาติ หมายจับคว้าลำคอศัตรูให้แน่นกระชับ

ฟ้าว!

เสียงลมพายุเลือนหายไปจากการได้ยินของไคลน์อย่างกะทันหัน แทนที่ด้วยเสียงสะอื้นแผ่วเบาดังแว่วข้างหู ร่างกายเริ่มเกิดอาการชา คล้ายกับเลือดทุกหยดในร่างกำลังแข็งตัว

เมื่อฝ่ามือสีซีดใสขยับเข้าใกล้ คล้ายกับชายหนุ่มถูกวิญญาณอาฆาตหรือวิญญาณมารสิงสู่ ร่างกายไม่ตอบสนองตามใจนึกคิด ทำได้เพียงเฝ้ามองความตายคืบคลานเข้าใกล้ ภายในใจเกิดความสิ้นหวังเมื่อตระหนักว่าพลังชีวิตของตนกำลังหดหายอย่างรวดเร็ว

โดยไม่มีการต่อต้านขัดขืน มือขวาสีขาวซีดของลูเธอร์ไวล์เหยียดมาคว้าลำคอไคลน์ ก่อนที่ชายหนุ่มจะแปรสภาพกลายเป็นกระดาษ

กระดาษคนตัวแทนซึ่งถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นสีเขียวเข้ม สลายหายไปท่ามกลางลมพายุอันเกรี้ยวกราดและไม่มีทีท่าจะสงบลง

ณ ด้านข้างบานประตูทองแดง ไคลน์ปรากฏกายอีกครั้งพร้อมกับถุงมือข้างซ้ายที่ถูกย้อมด้วยแสงแดดอันเจิดจ้า

ชายหนุ่มเหยียดตัวยืนตรง กางแขนออกกว้าง

ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีเกลียวเปลวเพลิงบริสุทธิ์รายล้อม สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบนโดยมีเป้าหมายเป็นประตูทองแดงลวดลายพิสดาร!

แสงอาทิตย์สว่างจ้าแผ่ปกคลุมบรรยากาศจนไคลน์แทบลืมตาไม่ขึ้น ในส่วนของประตูลึกลับที่พลเรือเอกขุมนรก ‘สร้าง’ ไม่เพียงจะสั่นสะเทือนหนักหน่วง แต่แรงดึงดูดอันทรงพลังก่อนหน้าก็เริ่มบรรเทาอิทธิฤทธิ์ลง เถาวัลย์สีเขียวเข้มและท่อนแขนโชกเลือดที่มีใบหน้าทารกจำนวนมากเริ่มระเหย

อย่างไรก็ตาม นั่นยิ่งทำให้ท่อนแขนประหลาดและสิ่งมีชีวิตลึกลับจำนวนมากจากด้านในประตูทองแดง พยายามเบียดเสียดแย่งกันออกมา

ขณะไคลน์เตรียมใช้ ‘แสงศักดิ์สิทธิ์’ ของ ‘นักบวชแสง’ เพื่อชำระล้างประตูทองแดง ฝ่ามือซีดใสของพลเรือเอกขุมนรกพุ่งตะปบเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

ชายหนุ่มรีบกลิ้งตัวไปด้านข้างเพื่อหลบหนีจากอิทธิพลของลมพายุและ ‘ฝ่ามือกลืนวิญญาณ’

หนึ่งตลบ สองตลบ สามตลบ ร่างกายไคลน์กระโดดเฉียงขึ้นในแนวทแยงมุม ยุบพองหิวโหยเปลี่ยนเป็นสีทองเมื่อไรไม่มีใครทราบ

ผิวกระจกตาไคลน์สะท้อนภาพหน้ากากสีเงินของพลเรือเอกขุมนรกเป็นสิ่งแรก รวมไปถึงเปลวไฟสีซีดจางในดวงตาทั้งสองข้าง ทันใดนั้น สายฟ้าสองเส้นพลันสว่างวาบขึ้นมาจากส่วนลึกของดวงตา

‘ทะลวงจิต’ ของ ‘นักสอบสวน’ !

ในวินาทีดังกล่าว แหวนสีดำทรงเหลี่ยมบนนิ้วชี้ซ้ายลูเธอร์ไวล์พลันส่องแสงอ่อนโยน

ฉากหนึ่งปรากฏขึ้นในการมองเห็นไคลน์

เป็นภาพของบัลลังก์ยักษ์ที่ประกอบขึ้นจากเศษศีรษะเน่าเปื่อยของมนุษย์ เอลฟ์ คนยักษ์ มังกร หมาป่าอสูร สัตว์ทะเล แวมไพร์ และสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นอีกมาก ยังรวมไปถึงใบหน้าโปร่งใสของภูตผี เงาดำ วิญญาณมาร วิญญาณอาฆาต สีหน้าพวกมันแฝงความเกลียดชังและคับแค้นใจ

เพียงพริบตา ไคลน์รู้สึกราวกับศีรษะของตนถูกจามด้วยขวาน ความเจ็บปวดแสนสาหัสแทรกซึมเข้ามาในจิตใจอย่างฉับพลัน

‘ทะลวงจิต’ ไม่เพียงจะล้มเหลว แต่ยังย้อนกลับมาเล่นงานผู้ใช้อย่างรุนแรง!

หากไม่เคยชินกับความเจ็บปวดระดับนี้มาก่อน ไคลน์คงล้มไปนอนเกลือกกลิ้งกับพื้นและส่งเสียงคร่ำครวญอย่างทรมาน แต่กระนั้น มันสูญเสียความสามารถในการปกป้องตัวเองไปชั่วขณะ ร่างกายโก้งโค้งไปด้านหลังด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

ฉวยโอกาสดังกล่าว ช่องว่างบริเวณหน้ากากสีเงินของลูเธอร์ไวล์เริ่มพ่นภาษาที่สิ่งมีชีวิตปรกติมิอาจทำความเข้าใจ ทีละคำสองคำอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งบรรยากาศรอบข้างเริ่มมืดมิดและพร่ามัว

นี่คือภาษามรณาของนรกและโลกแห่งความตาย!

ขณะไคลน์ได้สติกลับมาเล็กน้อย มันพบว่าร่างวิญญาณของตนเริ่มไหลออกจากร่างเนื้อทีละนิดอย่างมิอาจควบคุม

และต้องไม่ลืมว่า แรงดึงดูดจากประตูทองแดงคือสิ่งที่วิญญาณมิอาจต้านทาน!

ไม่… แบบนี้ไม่ดีแน่! ขณะร่างวิญญาณยังหลุดออกจากร่างเนื้อไม่สมบูรณ์ ไคลน์ฝืนยกแขนขวาอย่างยากลำบาก กางห้านิ้วข้างที่สวมอินธน์ออก

แสงออร่าหลากสีเริ่มซ้อนทับกันตรงหน้า สลับสับเปลี่ยนความฉูดฉาดด้วยจังหวะกะพริบอันถี่ยิบตลอดเวลา

โดยปราศจากความลังเล ไคลน์คว้าหนึ่งในก้อนแสงสีเขียวซีด บิดข้อมือขวาและกระชากกลับ

ในการต่อสู้ปัจจุบัน สิ่งที่ชายหนุ่มต้องการขโมยมากที่สุดคือพลังประตูทองแดง แต่โอกาสสำเร็จคงมีไม่มากนัก ได้แต่ภาวนาให้องค์เทพธิดาช่วยเหลือ

กลุ่มก้อนออร่าลอยออกมาผสานกับถุงมืออินธน์

ถึงจะไม่ใช่พลังพิเศษที่ไคลน์ปรารถนามากที่สุด แต่ก็ไม่เลวร้ายนัก

ริมฝีปากลูเธอร์ไวล์หลังหน้ากากเงินพลันพะงาบ มิอาจพ่นภาษาที่ตีความได้ลำบากนั่นอีกแล้ว

ขณะเดียวกัน ไคลน์เป็นฝ่ายเปิดปากบ้าง

…………………………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset