ดาร์ก?
ภาพของดาร์ก·รีเจนซ์ผุดขึ้นในหัวเดอร์ริค
สูงปานกลาง เจ้าเนื้อเล็กน้อย มีพละกำลังมาก มองโลกในแง่ดี ร่าเริง และมักฉาบด้วยรอยยิ้มสดใสอยู่เสมอ ดาร์กเป็นเพื่อนเดอร์ริคตั้งแต่สมัยเรียน และในภายหลังได้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมทีมลาดตระเวน
แต่หลังจากภารกิจสำรวจซากปรักหักพังของพระผู้สร้างเสื่อมทราม ดาร์กเปลี่ยนไปเป็นคนเก็บตัวและสุภาพนอบน้อมจนผิดวิสัย เขาแทบไม่เคยยิ้มให้ใครอีกเลย
เมื่อหวนนึกถึงบุคลิกใหม่ของเพื่อนสนิท เด็กหนุ่มพลันยืนสั่นเทาแม้ว่าอากาศรอบตัวจะไม่หนาว ร่างกายสั่นสะท้านจากความเย็นเฉียบทุกอณู
ทำไมถึงมาหาเรากะทันหันแบบนี้? ไม่ใช่ว่าเขาควรตรงกลับบ้านทันทีหลังถูกปล่อยตัวจากเขตกักกันหรอกหรือ?
คำถามมากมายพรั่งพรูใส่สมองเดอร์ริค
จากนั้น มันเริ่มวิเคราะห์หาความเป็นไปได้
…หรืออาวุโสโลเฟียร์จะทราบว่าเรากำลังสงสัยในตัวทีมสำรวจ จึงส่งดาร์กมาเก็บเรา?
เดอร์ริคเผยอาการตกตะลึงและหวาดกลัว แต่ไม่นานก็เริ่มมองโลกในแง่ดี
แฮงแมนเคยกล่าวไว้ว่า :
‘ถ้าไม่มีชาวเมืองช่วยเป็นพยานให้ จงใช้คนของสภาอาวุโส ผู้ได้รับมอบหมายให้คอยสะกดรอยตามคุณทุกฝีก้าว ช่วยเป็นพยานในเหตุการณ์ดังกล่าวแทน’
และตอนนี้ คนของสภาอาวุโสกำลังหลบซ่อนอยู่ตรงมุมห้อง ถ้าดาร์กโจมตีใส่เรา สภาอาวุโสก็จะทราบทันทีว่าทีมสำรวจชุดนี้ไม่ปรกติ!
ดังนั้น ถึงจะไม่มีวัตถุของมิสเตอร์เวิร์ลช่วยกระตุ้นให้พวกเขาเผยธาตุแท้ แต่เราก็จะผ่านวิกฤติไปได้อย่างราบรื่น!
เดอร์ริคมองออกไปนอกหน้าต่าง
สายฟ้าด้านนอกกำลังผ่าด้วยความถี่ต่ำ ประมาณสองนาทีต่อหนึ่งครั้ง ส่งผลให้บรรยากาศรอบเมืองเงินพิสุทธิ์มืดสนิทเกือบตลอดเวลา
หากอาศัยอยู่ตามลำพัง เดอร์ริคจะไม่เสียเวลาหามองเทียนไขขึ้นมาจุด เพียงนอนแผ่ไปบนเตียงพลางใช้สมองขบคิดเรื่องราวต่างๆ จนกระทั่งหลับไป
แน่นอน มันทราบว่าพฤติกรรมเช่นนี้เป็นสิ่งอันตราย เพราะหากปราศจากแสงสว่าง จะมีโอกาสถูกสัตว์ประหลาดจากความมืดลอบทำร้าย แม้ว่ากำลังอยู่ในเมืองเงินพิสุทธิ์ก็ตาม
แต่เนื่องจากเดอร์ริคคือ ‘ผู้ภาวนาแห่งแสง’ ร่างกายจะแผ่ออร่าของธาตุแสงออกมาตลอดเวลาอยู่แล้ว สิ่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่ากังวล
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ดาร์กเคาะประตูย้ำอีกสามหน ราวกับกำลังเร่งเร้าให้เจ้าของบ้านรีบออกมาเปิด
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้… ดาร์กมีนิสัยสุภาพและขี้เกรงใจมาก…
เดอร์ริคทวีความเจ็บแปลบตรงหน้าอก
เด็กหนุ่มเดินไปหยิบเทียนไขและนำมาวางไว้บนโต๊ะไม้ ตามด้วยการใช้ปลายนิ้วถูไส้เทียนจนเกิดแสงสว่างสีทอง
เมื่อเทียนไขติดไฟ บรรยากาศภายในบ้านเริ่มสลัวอย่างอบอุ่น มีกลิ่นฉุนแซมเล็กน้อย
เทียนไขภายในเมืองเงินพิสุทธิ์จะถูกผลิตจากไขมันและน้ำมันจากศพสัตว์ประหลาด ส่งผลให้มีกลิ่นแตกต่างกันไปตามแต่ละต้นกำเนิด
หลังจากสูดลมหายใจยาวสุดปอด เดอร์ริคเดินไปเปิดประตูด้วยท่าทีระมัดระวัง
“ทำไมถึงได้ช้านัก?” ดาร์กถามเปื้อนยิ้ม
“หาเทียนไขอยู่” เดอร์ริคตอบห้วน
เด็กหนุ่มไม่กล้าหันหลังให้อีกฝ่ายแม้แต่วินาทีเดียว มันเดินไหล่ชิดไหล่เข้าไปในบ้านพร้อมกับอีกฝ่าย จนกระทั่งแต่ละคนแยกกันนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะไม้
“กินผลดูมแห้งไหม?” ดาร์กซักถามด้วยรอยยิ้มขณะปลดถุงผ้าใบเล็กออกจากเอว
ผลดูมคืออาหารทานเล่นหายากของเมืองเงินพิสุทธิ์ หาได้จากเถาวัลย์ดูมโลหิต เป็นพืชชนิดพิเศษ สามารถเจริญเติบโตได้โดยไม่ต้องอาศัยแสงแดด กลไกทางชีวภาพคือการแย่งชิงสารอาหารจากซากศพเน่าเปื่อยทุกชนิด เถาวัลย์ดูมโลหิตมีสติและความนึกคิด มักโจมตีใส่สิ่งมีชีวิตใกล้ตัวเสมอ ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่สัตว์ประหลาดอ่อนแอ
เถาวัลย์ดูมโลหิตจะมีผลสีดำขนาดเท่าหัวแม่มือมนุษย์ สามารถใส่ปากเคี้ยวได้ทันทีโดยไม่ต้องปรุง รสสัมผัสกรุบกรอบ รสชาติหวาน แต่ปราศจากคุณค่าทางอาหารและไม่อิ่มท้อง เป็นได้เพียงอาหารทานเล่นระหว่างวัน ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์สามารถนำคะแนนผลงานไปแลกเป็นผลดูมได้หลายถุง
“ไม่ดีกว่า” เดอร์ริคส่ายหัวปฏิเสธ
“เข้าใจแล้ว” เมื่อกล่าวจบ ดาร์กเทผลไม้แห้งสีดำออกจากถุงผ้า ก่อนจะหยิบขึ้นมาใส่ปากเคี้ยวกร้วมกร้ามเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ
เดอร์ริคครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเปิดประเด็น
“ในห้องใต้ดินของซากปรักหักพังมีสัตว์ประหลาดบ้างไหม?”
ดาร์กหยุดเคี้ยวพลางเงยหน้ายิ้มตอบ
“มีไม่มาก และค่อนข้างอ่อนแอ เพียงครู่เดียวก็ถูกพวกเราจัดการจนหมด ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสักเท่าไร วิหารดังกล่าวเคยถูกสำรวจมาแล้วหนหนึ่ง หากมีสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งอาศัยอยู่จริง มันคงย้ายถิ่นฐานไปนานแล้ว”
ดาร์กเว้นวรรค ตามด้วยการเล่าโดยยกโค้งมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ในจุดลึกสุดของวิหาร พวกเราได้พบพืชพันธุ์ประหลาด ลักษณะคล้ายเห็ด… ไม่ผิดแน่ รายละเอียดปลีกย่อยตรงตามคำอธิบายของเห็ดภายในหนังสือเรียนทุกประการ เพียงแต่มันส่องแสงสว่างจ้าเป็นพิเศษ และดูน่ากินจนแทบอดใจไม่ไหว พวกเรายืนยันแล้วว่า เห็ดดังกล่าวสามารถกินได้ มีสรรพคุณช่วยเสริมพลังวิญญาณและความคงทนทางร่างกาย ถ้านำไปปรุงร่วมกับเนื้อสัตว์ประหลาดย่าง จะมอบกลิ่นชนิดพิเศษซึ่งเย้ายวนเกินห้ามใจ”
ขณะเล่าเรื่อง ดาร์กหยิบเห็ดขนาดเท่าฝ่ามือออกจากถุงผ้าอีกหนึ่งใบ โคนเห็ดมีสีขาวโพลนราวกับนมสด หมวกเห็ดเป็นสีแดงลักษณะมันวาวคล้ายผลึก แซมด้วยจุดสีทองเข้มประปราย
เพียงจ้องมอง เดอร์ริคพลันน้ำลายแตกฟองราวกับไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน
ภายใต้แสงสลัวจากเทียนไข เห็ดดังกล่าวทั้งระยิบระยับและเชื้อเชิญให้ผู้ได้พบเห็น เกิดความต้องการจะหยิบใส่ปากอย่างแรงกล้า ชนิดยากจะหักห้ามใจตัวเองไหว
“อันนี้ของนาย” ดาร์กยิ้มอ่อนโยน
“ตกลง…” จิตใต้สำนึกของเดอร์ริคบอกให้มันหยิบเห็นตรงหน้าใส่ปากเคี้ยวทันที แต่จนแล้วจนรอด สติส่วนลึกได้เอาชนะแรงปรารถนา ก่อนจะเงยหน้าพูดกับอีกฝ่าย
“ฉันจะเก็บไว้กินพรุ่งนี้”
ดาร์กไม่กล่าวสิ่งใดต่อ เพียงดันเห็ดปริศนามาวางหน้าเดอร์ริคและเคี้ยวผลดูมแห้งอย่างเอร็ดอร่อย
เดอร์ริคฝืนเบือนสายตาออกจากเห็ดปริศนาอย่างยากลำบาก ตามด้วยการซักถามสารทุกข์สุกดิบ
“ทีมสำรวจค้นพบอะไรในการเดินทางครั้งนี้บ้างไหม?”
“มีสิ!” ดาร์กหยุดเคี้ยว จากนั้นก็มอบคำตอบด้วยสีหน้าขึงขัง
“พวกเราพบจิตรกรรมฝาผนังใหม่เป็นจำนวนมาก เดอร์ริค นายยังจำรูปปั้นด้านหน้าวิหารได้ไหม?”
“จำได้” เดอร์ริคชำเลือง ‘เห็ด’ พลางพยักหน้ารับ “รูปปั้นของคนเปลือยกายเปื้อนเลือด ถูกแขวนกลับหัวบนกางเขนใหญ่ใช่ไหม?”
ดาร์กควงผลดูมในมือเล่น
“ถูกต้อง ภาพวาดชุดใหม่ได้สื่อเป็นนัยว่า ผู้สร้างวิหารแห่งนี้มีความเชื่อว่า เทวรูปดังกล่าวคือมหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง มหาเทพผู้รังสรรค์ทุกสิ่งจากต้นกำเนิด… พวกเขายังเชื่อด้วยว่า พระองค์มิได้ทอดทิ้งพวกเราและดินแดนแห่งนี้ ตรงกันข้าม เมื่อมหาภัยพิบัติมาเยือน พระองค์ได้แบกรับบาปทั้งหมดของพวกเราไว้แต่เพียงผู้เดียว ส่งผลให้พระองค์ถูกตรึงกางเขนในสภาพกลับหัว ถูกพันธนาการและลงโทษเท่ากับจำนวนบาปของพวกเราทุกคน พระองค์ต้องหลั่งเลือดเพื่อชดใช้บาปแทนพวกเรา”
“ความรักจากองค์เทพนั้นไร้ขอบเขต พวกเรามิใช่ผู้ถูกทิ้ง กลับกันเลยต่างหาก! พวกเราคือลูกแกะผู้ถูกพระองค์เลือก! หากพระองค์ไม่แบกรับบาปแทนพวกเรา เมืองเงินพิสุทธิ์คงถูกทำลายในเหตุการณ์มหาภัยพิบัตินานแล้ว มนุษยชาติก็จะถึงคราวสูญสิ้น!”
แต่ว่านะดาร์ก… โลกด้านนอก อาณาจักรโลเอ็น ถิ่นอาศัยของเดอะเวิร์ล แฮงแมน เมจิกเชี่ยน และจัสติส ไม่มีคำสาปเหมือนพวกเราแม้แต่อย่างเดียว ไม่มีสัตว์ประหลาดในความมืดมิด… พวกเราไม่ใช่กลุ่มผู้ถูกเลือกอย่างแน่นอน อาจตรงกันข้ามด้วยซ้ำ…
เดอร์ริคโต้แย้งในใจ
“และหากความเชื่อของพวกเขาเป็นความจริงทั้งหมด หมายความว่า ทุกพิธีกรรมหลังจากนี้ เมืองเงินพิสุทธิ์ต้องเปลี่ยนสัญลักษณ์และพระนามเต็มให้สอดคล้องกับพระองค์ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น พวกเราจึงจะได้รับการตอบสนองจากพระองค์อีกครั้ง…”
ดาร์กยังคงสาธยายอีกยืดยาว มันอธิบายรายละเอียดของภาพวาด เล่าถึงมุมมองของตัวเอง และการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนพิธีกรรมของเมืองเงินพิสุทธิ์
ยิ่งได้ฟัง เดอร์ริคก็ยิ่งพบว่า ตนหักห้ามใจจาก ‘เห็ด’ ได้ยากขึ้นทุกขณะ
ห้ามกินเด็ดขาด… จะกินไม่ได้เด็ดขาด!
ไม่อย่างนั้น เราจะกลายเป็นเหมือนดาร์กและคนอื่น ถูกพระผู้สร้างเสื่อมทรามกัดกร่อนจิตใจและกลายเป็นสาวกเดนตาย… ถึงจะมีคนของสภาอาวุโสคอยจับตามอง แต่เขาคงไม่พบความผิดปรกติกับตัวเราแน่…
ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินจิตใจเดอร์ริคทีละนิด จนถึงขั้น มันอยากหาข้ออ้างเพื่อปลีกตัวออกจากดาร์กสักระยะ
เราควรทำยังไงดี…? ไล่ดาร์กกลับไปพร้อมกับคืนเห็ด? แต่ถ้าทำแบบนั้น เราก็จะเสียโอกาสแสนสำคัญ… โอกาสอันหายาก…
สายตาเดอร์ริคหันมาจดจ่ออยู่กับเปลวเทียนไขสีเหลืองนวลเพื่อตั้งสติ
“เดี๋ยวฉันจะไปหยิบน้ำให้” ขณะลุกยืน เด็กหนุ่มตัดสินใจหนักแน่นว่า ตนจะเริ่มลงมือตามแผนของมิสเตอร์แฮงแมนเดี๋ยวนี้!
ดาร์กพยักหน้ารับพลางโยนผลดูมสีดำเข้าปากเคี้ยวเสียงดัง
ขณะรินน้ำใส่แก้ว เดอร์ริคจงใจเทให้ช้าลง เด็กหนุ่มก้มศีรษะต่ำพร้อมกับเอ่ยพระนามเต็มอันศักดิ์สิทธิ์ของเดอะฟูล และตามด้วย :
“ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านรับฟังคำขอร้อง ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านรับเครื่องเซ่นสังเวย ผู้ศรัทธาของท่าน ขอภาวนาให้ท่านเปิดประตูอาณาจักรของท่าน”
ฟ้าว!
สายลมกระโชกพลันพัดผ่านภายในห้อง จากนั้น สายลมทางธรรมชาติอันเกิดจากคาถาบริกรรม เริ่มก่อตัวเป็นลักษณะเกลียวคลื่น
ถัดมาไม่นาน ดาร์ก·รีเจนซ์ ผู้กำลังหยิบผลดูมแห้งขึ้นมาเคี้ยวโดยไม่คิดอะไร พลันเงยหน้าและซักถามเสียงฉงน เมื่อพบว่าเดอร์ริคเดินมาหยุดยืนข้างตนด้วยสีหน้าอึมครึม
“มีอะไรหรือ?”
เดอร์ริคไม่ตอบ มือข้างหนึ่งกำด้ามขวานเฮอร์ริเคนแน่นกระชับ อีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋าลับเสื้อโค้ทพลางทำลายกำแพงวิญญาณและเปิดกล่องโลหะ
สายตาเดอร์ริคไม่ปกปิดความหวาดระแวงในตัวเพื่อนสนิท ทันใดนั้น เด็กหนุ่มเริ่มมองเห็นแสงสีแดงเข้ม สว่างวาบขึ้นบนกระจกตาสีฟ้าครามของดาร์ก
บนฝ่ามือดาร์ก เปลือกผลดูมแห้งสีดำถูกกะเทาะออก เนื้อด้านในเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบางสิ่งซึ่งมีสีสันคล้ายผิวหนังมนุษย์
ในวินาทีนี้ วัตถุในมือดาร์ก·รีเจนซ์ไม่ใช่ผลดูมแห้งอีกต่อไป หากแต่เป็นนิ้วมือ
นิ้วมือมนุษย์ชุ่มฉ่ำด้วยเลือดสด!
เช่นเดียวกันกับผลดูมจำนวนมากซึ่งถูกวางกองสุมบนโต๊ะไม้ ทั้งหมดคือนิ้วมนุษย์!
‘เห็ด’ ระยิบระยับเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปโฉม ความงดงามในตอนต้นเลือนหายจนหมดสิ้น เฉกเช่นความเย้ายวนอันเชิญชวนให้โยนใส่ปากเคี้ยว
มันกลายเป็นหนังศีรษะของมนุษย์ซึ่งมีเส้นผมสีดำแซมอยู่หนึ่งกระจุก!
ดาร์กจ้องเดอร์ริคกลับด้วยสีหน้าสับสน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงเย็นชาแกมล่องลอย
“นายคิดจะทำอะไร?”
…
กรุงเบ็คลันด์ บ้านเลขที่ 15 ถนนมินส์
ขณะไคลน์กำลังขดตัวอยู่ภายในโลกแสนอบอุ่นใต้ผ้าห่มหนา เมื่อได้ยินเสียงสวดภาวนาจากเดอะซัน ชายหนุ่มรีบกุลีกุจอลุกจากเตียงเพื่อสร้างกำแพงวิญญาณ เดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว และส่งจิตเข้าห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา
เมื่อกลับมานั่งบนเก้าอี้พนักสูงของเดอะฟูล ไคลน์ไม่รีบร้อนตรวจสอบคำภาวนาของเดอะซันน้อย อันดับแรก มันนำไพ่จักรพรรดิมืด กระดาษรูปคน และสมบัติวิเศษชนิดอื่นมาวางเรียงรายบนโต๊ะตรงหน้าอย่างเป็นระเบียบ
จากแผนการของแฮงแมน เดอะซันต้องประกอบพิธีกรรมสังเวยถึงเดอะฟูลค้างไว้ก่อน จากนั้นค่อยเริ่มลงมือกระตุ้นให้ทีมสำรวจเผยร่างแท้จริงออกมา ด้วยวิธีการข้างต้น เมื่อเรื่องราวจบลง เดอะซันจะได้ฉวยโอกาสสังเวย ‘ดวงตาดำล้วน’ ของเดอะเวิร์ล กลับคืนให้เดอะฟูลได้ทันที ไม่หลงเหลือหลักฐานเกี่ยวกับชุมนุมทาโรต์ไว้บนโลกจริง และความผิดทั้งหมดก็จะตกเป็นของอามุนด์!
ในส่วนของมิสเตอร์ฟูล ไคลน์อนุญาตให้เดอะซันประกอบพิธีกรรมถึงตนในแบบฉบับ ‘รวบรัด’ ได้เป็นกรณีพิเศษ ไม่ต้องเตรียมวัตถุฟุ่มเฟือยหรือมากพิธีรีตอง เพียงกล่าวคำสำคัญให้ครบก็พอ
โดยงานของเดอะฟูลก็คือ นั่งรอให้เดอะซันดำเนินพิธีกรรมสังเวยจนถึงขั้นตอนเปิดอุโมงค์วิญญาณ
นั่นจะเป็นเวลาลงมือของตน
……………………