ทางโรงเรียนเก็บเรื่องเงียบและเริ่มตามหาเด็กๆ หากแต่ดูเหมือนว่าคนร้ายจะคาดการณ์เอาไว้แล้ว พวกเขาจึงพาตัวเด็กหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ในขณะเดียวกันคุณครูที่รับผิดชอบดูแลเด็กๆ ทั้งสองคนแสร้งเสียอกเสียใจ เขารู้ว่าตัวเองไม่อาจรับมือกับสิ่งที่จะตามมาได้ นอกจากจะรายงานเรื่องนี้กับโรงเรียนแล้วเขายังโทรแจ้งตำรวจอีกด้วย
เมื่อโม่ถิงกับถังหนิงมาถึงโรงเรียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มาถึงเช่นกัน พวกเขาเริ่มสืบสวนทุกอย่างที่น่าสงสัย อย่างไรก็ตามพวกเขากลับไม่ได้หลักฐานที่มีประโยชน์ไปแต่อย่างใด
ทว่าอยู่ๆ เด็กๆ จะหายตัวไปอย่างนี้ได้อย่างไร
“ผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับคุณโม่และคุณนายโม่ ทางโรงเรียนบกพร่องในการดูแลลูกๆ ของพวกคุณ จากเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ ผมทำได้แต่พยายามช่วยเหลือทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างดีที่สุดเพื่อหาตัวเด็กๆ ทั้งสองคน ขอให้พวกคุณเชื่อมั่นในตัวเรานะครับ”
ตอนนั้นถังหนิงไม่ได้ยินสิ่งใด เธอได้แต่จ้องมองไปยังเตียงที่ลูกๆ ของเธอเคยนอนและไม่ปริปากใดๆ ออกมา
โม่ถิงมองเธออย่างเป็นห่วง ก่อนหันไปหาอาจารย์ใหญ่และเอ่ย “ช่วยออกไปก่อนนะครับ”
อาจารย์ใหญ่อยากจะแก้ตัวมากกว่านี้ แต่เมื่อเห็นท่าทีเหม่อลอยของถังหนิง เขาจึงไม่รบกวนเธอต่อไป
“นี่มันไม่จริงใช่ไหม…” ถังหนิงพึมพำขณะที่แตะเตียงสีฟ้าเล็กๆ ตรงหน้าเธอ “ถิงคะ…นี่มันเป็นไปไม่ได้”
“เราจะหาพวกเขาเจออย่างแน่นอนครับ” โม่ถิงตอบ “เชื่อผมนะครับ เราจะหาพวกเขาเจออย่างแน่นอน มันไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งเสียใจนะครับ”
“ฉันน่าจะรู้ตัวเร็วกว่านี้ ผู้อาวุโสหนานกงทำถึงขั้นที่วางยาหลานชายตัวเองเพียงเพื่อทำร้ายไห่รุ่ย แต่ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเป้าหมายของเขามาตลอด” ถังหนิงหันไปมองห้าโม่ถิงอย่างโทษตัวเอง “ฉันไม่น่าปล่อยปละละเลยพวกเขาเลยค่ะ”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณนะครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการตามหาตัวพวกเขาต่างหาก”
ถังหนิงนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ราวกับพยายามตั้งสติอย่างหนัก หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พยักหน้า “ใช่ค่ะ เราต้องหาลูกของเขา แต่คนที่ลักพาตัวไปไม่ได้ทิ้งเบาะแสอะไรไว้เลย เราจะเริ่มจากที่ไหนล่ะคะ ผู้อาวุโสหนานกงจะปล่อยให้เราเจอตัวพวกเขาเหรอคะ”
“เขาต้องยอมให้เราหาเจอแน่ครับ!” โม่ถิงตอบอย่างมั่นใจ
ถังหนิงพยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่ขณะที่เข้าไปหาโม่ถิง อย่างไรก็ตามในจังหวะที่พวกเขาก้าวพ้นประตูเธอก็เกือบจะเข่าอ่อน
แฝดทั้งสองคนก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน…
อยู่ๆ พวกเขาก็หายตัวไป…
เรื่องนี้ลอยมาถึงหูสื่อมวลชนทันทีก่อนพวกเขาจะมาล้อมโรงเรียนไว้
ไม่นานหลังจากนั้นข่าวเด็กหายตัวไปได้ปรากฏบนหน้าข่าวทุกสำนัก ความจริงแล้วมันได้ขึ้นพาดหัวข่าวใหญ่ด้วยซ้ำ
‘ลูกชายศิลปินชื่อดัง ถังหนิง และประธานบริหารของไห่รุ่ย โม่ถิง หายตัวไปจากโรงเรียนในวันที่ XX ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบเรื่องนี้และไม่ได้เบาะแสใดๆ’
‘ลักพาตัวฝาแฝดอย่างอุกอาจ : ลูกชายถังหนิงหายตัวไปกะทันหัน’
‘ลูกชายถังหนิงหายตัวไป : เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามล่าตัวโจรลักพาตัว!’
…
ในฐานะแม่ที่รู้ว่าลูกชายตัวเองหายตัวไป ถังหนิงต่อสายหาซูโยวหรานทันที “ส่งเบอร์โทรศัพท์ของผู้อาวุโสหนานกงมาให้ฉันที…”
“พี่หนิงฉันเห็นข่าวแล้วค่ะ”
“โยวหราน ฉันไม่มีเวลามาคุยเรื่องอื่น ฉันแค่ต้องการหาตัวลูกๆ ของฉัน” น้ำเสียงของถังหนิงสั่นไหวเล็กน้อย
ดังนั้นซูโยวหรานจึงทำตามคำขอและเจอเบอร์ของผู้อาวุโสหนานกงในโทรศัพท์ ก่อนถังหนิงจะกดเบอร์โทรหาชายแก่
“คืนลูกของฉันมา” ถังหนิงเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม
“ฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไร…”
“เรื่องมาถึงจุดนี้แล้วทำไมคุณยังทำเป็นไขสืออีกล่ะ” ถังหนิงถาม “ถ้ามีเรื่องอะไรที่คุณไม่พอใจก็ควรจะลงที่ผู้ใหญ่สิ คนประเภทไหนกันที่จ้องทำร้ายเด็กไม่มีทางสู้ ทำไมถึงทำเรื่องอย่างนั้นลงล่ะ”
“ทำไมน่ะเหรอ ฉันทำลงไปจะได้เห็นเธออกแตกตายอย่างนี้ไงละ” ผู้อาวุโสหนานกงหัวเราะลั่น “ถังหนิง บอกตระกูลโม่ว่าฉันจะไม่คืนลูกให้เธอหรอก คิดซะว่านี่เป็นการชดใช้หนี้ที่เธอติดค้างฉันไว้แล้วกัน”
“ฉันจะบอกคุณให้นะ ฉันจะหาตัวลูกให้เจอให้ได้” ถังหนิงสวนกลับอย่างชัดเจนพร้อมขบกรามแน่น
“ก็ลองดูสิ!”
ว่าจบชายแก่ก็วางสายไป แม้ว่าถังหนิงจะไม่ได้ข้อมูลใดๆ จากการโทรครั้งนี้ ตอนนี้เธอก็มั่นใจแล้วว่าผู้อาวุโสหนานกงเป็นผู้ที่บงการเบื้องหลังเรื่องนี้
ในขณะเดียวกันโม่ถิงสั่งให้ลู่เช่อจ้างนักสืบเอกชนที่เก่งที่สุดในประเทศ และนักสืบคนนั้นกำลังเดินทางมาที่โรงเรียน
ตอนนั้นถังหนิงไม่มีทางคาดเดาได้ว่าชายแก่มีขีดความอดทนเท่าไร และไม่อาจรับประกันความเป็นความตายของลูกๆ ตัวเองได้
เธอทำได้เพียงหวังว่าลูกๆ ตัวเองจะไม่ลงเอยด้วยการถูกวางยาอย่างหนานกงเฉวียนและค่อยๆ ตายจากไป อย่างนั้นคงจะโหดร้ายเต็มที!
ที่ไห่รุ่ย ฟังอวี้พยายามคุมความเห็นของสาธารณชนในขณะที่แก้ข่าว หากแต่ข่าวนั้นได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีทางสยบมันได้
ไม่นานทุกคนก็รู้เรื่องนี้ รวมถึงตระกูลถัง เพื่อนสนิท และแม้แต่ผู้อาวุโสโม่
หลังจากรู้ว่าเหลนชายตัวเองพลอยเดือดร้อนกับความขัดแย้งที่เขาก่อไว้เมื่อหลายปีก่อน ชายสูงวัยที่มองโลกในแง่ดีมาเสมอหดหู่ใจกับข่าวที่ได้รับ
สุดท้ายพวกเขาต่างอาศัยคนรู้จักของตัวเองเพื่อจ้างนักสืบเอกชนอย่างหวังว่าจะพบเบาะแสเพียงสักนิด สิ่งที่เกิดขึ้นดูวุ่นวายไม่น้อย
วันนั้นผ่านไปอย่างยากลำบาก หากแต่ถังหนิงยังไม่พบร่องรอยและไม่รู้ว่าจะขอขอให้ใครช่วยหรือต้องทำอะไร
ส่วนโม่ถิงเขายังออกตามหาต่อไปด้วยหวังว่าจะพบร่องรอยของลูกชายบ้าง…
อย่างไรก็ตามทั้งวันผ่านไปและยังคงไม่มีผลตอบรับ…
ในขณะเดียวกันหลังจากหนานกงเฉวียนรู้เรื่องนี้เขาโกรธจนแทบอยากจะฆ่าปู่ตัวเอง เขานึกไม่ถึงว่าการใส่ร้ายไห่รุ่ยจะเป็นเพียงการเบี่ยงเบนความสนใจ ทั้งที่เป้าหมายที่แท้จริงของชายแก่คือฝาแฝด
เขาจะโหดเหี้ยมได้สักเท่าไรกัน…
ไม่มีทางที่หนานกงเฉวียนจะทนได้…
“เฉวียนคะ ทีนี่เราทำยังไงกันดีล่ะคะ”
“ติดต่อหาโม่ถิงและช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหาเถอะครับ ครั้งนี้เราไม่ได้แค่ตามหาตัวเด็กสองคน เราจะตามหาเพื่อเราเองด้วย” หนานกงเฉวียนหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาโม่ถิงอย่างไม่รั้งรอ จากนั้นจึงอธิบายทุกอย่างให้ฟัง รวมถึงเรื่องที่เขาถูกข่มขู่กับทางตำรวจ
ไม่นานทางตำรวจส่งคนมารับหนานกงเฉวียนและเหล่าคุณพ่อก็ได้เข้าสมทบทีมตามค้นหาเล็กๆ
แม้ว่าจะดึกดื่นแล้ว กลุ่มชายหนุ่มก็ยังนั่งลงประชุมด้วยกันอยู่ในโรงเรียน
“ที่นี่เป็นโรงเรียนเอกชนที่มีระดับ ถ้าไม่มีเขาปล่อยให้เขาเข้ามาเขาคงเข้ามาไม่ได้หรอก ดังนั้นเขาต้องมีคนสมรู้ร่วมคิดหนึ่งหรือสองคนแน่ มากกว่านี้เขาจะเสี่ยงถูกจับได้ คนที่สมรู้ร่วมคิดต้องเป็นบุคลากรในโรงเรียนและพวกเขาต้องคุ้นเคยกับเด็กๆ ดีแน่”
“เราคุยกับครูที่คอยดูแลแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“เรามีทีมตำรวจอีกกลุ่มที่กำลังหาหลักฐานมัดตัวผู้ต้องสงสัย” พูดอีกความหมายคือพวกเขากำลังไปคุมตัวผู้อาวุโสหนานกงมาสอบสวน
เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มปะติดปะต่อเรื่องที่อาจเกิดขึ้น
โม่ถิงนั่งอยู่ด้านหลังอยู่ข้างๆ หนานกงเฉวียน
“หลังจากเราหาตัวลูกของฉันเจอ ปู่คุณตายแน่!