วันต่อมาในระหว่างที่เชียนหลานมีสอนและโม่จื่อเฉินไม่มีสอน เชียนฮุ่ยสั่งให้คนของเธอเชิญโม่จื่อเฉินมาพูดคุยกัน
เพื่อเน้นย้ำให้เห็นถึงฐานะของเธอ เชียนฮุ่ยจงใจสวมเสื้อผ้าที่แพงระยับ เพื่อให้โม่จื่อเฉินรับรู้ถึงสถานะของเชียนหลานและยอมถอยไปแต่โดยดี
โม่จื่อเฉินนึกถึงชายคนที่คอยตามพวกเขามาเมื่อวาน จึงรู้เจตนาของเชียนฮุ่ยทันทีที่เขาเห็นเธอ
“นั่งก่อนสิคะ คุณโม่” เชียนฮุ่ยเอ่ยพลางพยักพเยิดไปทางเก้าอี้ ถอดแว่นกันแดดออกก่อนวางลงบนโต๊ะตรงหน้าพวกเขา “ฉันชื่อเชียนฮุ่ยคะ เป็นพี่สาวของเชียนหลาน”
“สวัสดีครับ คุณเชียน” โม่จื่อเฉินว่าขณะนั่งลง
“ฉันมาหาคุณเพราะเห็นว่าช่วงนี้คุณสนิทสนมกับน้องสาวของฉันมาก ขอถามได้ไหมคะว่าทั้งสองคนคืบหน้าไปถึงไหนกันแล้ว”
“นั่น…ดูเหมือนจะเป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ” เขาตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่ไม่ได้ทั้งดูเป็นกันเองหรือไม่เป็นมิตร
“งั้นฉันขอบอกอย่างนี้แล้วกันค่ะ ไม่ว่าคุณจะคืบหน้ากันไปแค่ไหน กรุณาหยุดความสัมพันธ์ไว้ซะตั้งแต่ตอนนี้ น้องสาวของฉันไม่ใช่คนธรรมดา ฉันมั่นใจว่าคุณรู้ว่าฉันหมายถึงอะไรนะคะ” เชียนฮุ่ยเอ่ยก่อนหยิบซองจากกระเป๋าถือของเธอออกมา “นี่เป็นของเล็กๆ น้อยๆ จากฉันค่ะ ช่วยรับไว้เป็นคำขอโทษที่บุกรุกมาอย่างกะทันหันวันนี้ด้วยนะคะ”
โม่จื่อเฉินมองซองและหัวเราะออกมา “คุณเชียนนี่ใจกว้างจริงๆ นะครับ แต่ผมไม่ต้องการสิ่งนี้หรอกครับ”
“มันไม่พอหรือยังไงคะ”
“ผมไม่ชอบเวลาคนอื่นมายุ่งเรื่องส่วนตัวของผมน่ะ ไปซะเถอะครับ คุณเชียน” เขาพูดตามที่คิดออกไปตามตรง
“คุณโม่ คุณคงอาจจะรู้ฐานะของเชียนหลานของเราแล้วสินะคะ ถึงได้จงใจตีสนิทกับเธอใช่ไหมล่ะคะ”
“ผมไม่มั่นใจว่าตระกูลเชียนสูงส่งขนาดไหนหรอกครับ แต่ผมไม่ชอบตอนที่คนอื่นมายุ่งกับชีวิตของผมจริงๆ ไม่ว่าวันนี้ใครจะมานั่งอยู่ตรงข้ามผม ผมก็คงจะตอบเหมือนเดิม”
โม่จื่อเฉินรู้สึกว่ามันช่างน่าขัน เพื่อกีดกันไม่ให้เขาใกล้ชิดกับเชียนหลาน ตระกูลเชียนกลับพยายามใช้เงินแก้ปัญหา…
เชียนฮุ่ยกอดความพ่ายแพ้กลับมาที่บ้าน เดิมทีเธอคิดว่าเงินสักก้อนคงเพียงพอที่จะเฉดหัวชายน่าสมเพชออกไปให้ไกล แต่จากมุมมองของเธอ โม่จื่อเฉินรู้ถึงตัวตนของเชียนหลานและพยายามเกาะอำนาจและชื่อเสียงของเธออยู่ชัดๆ!
เชียนหลานจะนึกสนใจในตัวผู้ชายอย่างนั้นได้อย่างไร เขาไม่รู้ว่าถึงเวลาที่ควรจะยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย!
เชียนหลานไม่รู้ว่าเชียนฮุ่ยไปคุยกับโม่จื่อเฉิน แล้วเขาก็แค่ทำเหมือนมันเป็นเรื่องตลกเท่านั้นจึงไม่ได้บอกเชียนหลานเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามระหว่างปฏิบัติภารกิจยามค่ำคืน เป็นอีกครั้งที่เพื่อนร่วมงานหัวเราะใส่เขา “ฮ่าๆๆ ลองคิดดูสิ คุณชายโม่ผู้แสนเก่งกาจ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของโม่ถิงกับถังหนิง ชายที่มีมรดกมากพอที่จะชี้เป็นชี้ตายประเทศได้ กลับถูกเอาเงินฟาดหัวเข้าจริงๆ เนี่ยนะ ฮ่าๆๆ!”
“เลิกหัวเราะสักทีเถอะน่า!” โม่จื่อเฉินว่าอย่างเอือมระอา
“นายน่าจะโยนเช็คร้อยล้านหยวนกลับไปให้เจ้าหล่อนนะ ตลกสิ้นดี! คุณชายโม่ของเราอาจจะขาดหลายอย่างแต่ไม่ใช่เงินแน่ละ! ตระกูลนั้นไม่รู้ว่านายเป็นใครเลยสักนิด ถ้าพวกเขารู้ฉันว่าพวกเขาต้องอึ้งไปแน่ๆ”
“ช่างมันเถอะน่า” โม่จื่อเฉินไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด
“นายไม่อยากรู้ว่าตระกูลเชียนทำอะไรบ้างเหรอ”
“จะทำยังไงได้ละ ฉันไม่ได้รู้ตัวมาก่อนนี่ แต่พอเชียนฮุ่ยมาหาฉันก็นึกได้ขึ้นมา ผู้ชายที่เข้ามาใหม่นามสกุลอะไรนะ” โม่จื่อเฉินบอก “แต่ถึงฉันจะรู้ก็ยังทำเหมือนเดิมอยู่ดี ฉันจะไม่ยอมให้ใครมายุ่งชีวิตส่วนตัวของฉันหรอก”
“แล้วแม่ของนายล่ะ”
“แม่ของฉันเป็นข้อยกเว้นเดียวต่างหาก!” โม่จื่อเฉินตอบ
ไม่เพียงแต่ถังหนิงจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของโม่ถิง เธอยังเป็นสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับโม่จื่อเฉินด้วย
“พูดตามตรงนะ ฉันไม่คิดว่านายกับเชียนหลานจะเหมาะสมกันหรอก…นายน่าจะลืมๆ มันไปซะเถอะ”
“เลิกพูดไร้สาระแล้วไปทำงานได้แล้ว!” โม่จื่อเฉินไม่ได้แสดงออกมามากนักว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเชียนหลาน จึงไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงเขาคิดอย่างไรอยู่
…
คืนนั้นหลังจากเลิกสอนเชียนหลานส่งข้อความไปหาโม่จื่อเฉิน แต่เขากลับไม่ตอบกลับมา
เชียนหลานกลับมาถึงบ้าน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อคนในครอบครัวรอพบเธออยู่
“เชียนหลาน มานี่สิ” คุณนายเชียนออกปากสั่ง
“แม่คะ…เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“แม่บอกให้พี่สาวลูกไปคุยกับใครบางคนวันนี้ แต่เธอผิดหวังกลับมา” คุณนายเชียนเอ่ย
“ใครบางคนคือใครเหรอคะ”
“อย่าทำเป็นไขสือเลย ลูกสาวของนายกเทศมนตรีจะนึกสนใจผู้ชายจนๆ ได้ยังไงกันล่ะ” เชียนฮุ่ยหันไปบอกกับน้องสาวตัวเอง “เชียนหลาน เธออยากให้ทั้งตระกูลกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านเพราะเธอเหรอยังไง มันจะทำให้เธอพอใจเหรอ”
หลังได้ยินคำตอบของเชียนฮุ่ย เชียนหลานก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
ไม่แปลกที่วันนั้นโม่จื่อเฉินถึงไม่ได้ตอบข้อความเธอเลยสักครั้ง ที่แท้ครอบครัวของเธอก็ไปคุยกับเขานี่เอง
เมื่อคิดเช่นนั้น เชียนหลานนึกโมโหขึ้นมา “ไม่มีอะไรระหว่างเราทั้งนั้นค่ะ ทำไมพี่ต้องไปหาเขาด้วยคะ”
“เห็นๆ กันอยู่ว่าฉันไปที่นั่นเพื่อทำให้เขาเห็นว่าเราเป็นใคร ตระกูลเชียนไม่มีทางยอมรับผู้ชายจนๆ มาเป็นลูกเขยหรอกนะ” เชียนฮุ่ยขึ้นเสียง “เธอต้องจำเอาไว้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเชียน เธอมีหน้าที่รับผิดชอบปกป้องชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของเรา”
“แม่คะ แม่ก็คิดอย่างนั้นเหรอคะ แม่คิดว่าสิ่งที่เชียนฮุ่ยทำมันถูกแล้วเหรอคะ”
“อย่าโทษพี่สาวของลูกเลย แม่เป็นคนบอกให้เธอไปทำอย่างนี้เอง” คุณนายเชียนว่าเสียงแข็ง “เชียนหลาน แม่แนะนำผู้ชายที่เหมาะสมให้ลูกตั้งมากมาย อย่างน้อยลูกก็ควรจะเลือกพวกเขามาสักคนแทนที่จะไปเลือกครูสอนฟิสิกส์ธรรมดาๆ สิ…”
“หนูผิดหวังในตัวแม่สุดๆ เลยค่ะ”
“แล้วฉันก็ผิดหวังในตัวพี่ด้วยเหมือนกัน” เชียนหลานเอ่ยขณะผลักเปิดประตูบ้านและเดินพรวดพราดหนีออกไป
เธอนึกไม่ถึงว่าครอบครัวของเธอจะเข้ามายุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัวของเธออย่างนี้ และไม่ได้คาดคิดว่าพวกเขาจะไม่เคารพการตัดสินใจของเธอถึงขนาดนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังไปต่อว่าโม่จื่อเฉินเพราะเธอ!
คิดได้เช่นนี้ เชียนหลานเริ่มร้องไห้ขณะที่หนีออกมา อย่างไรก็ตามเธอไม่มีที่ไป บางทีมันคงเป็นทางเลือกที่ดีที่เธอจะไปขอโทษโม่จื่อเฉิน หากแต่หลังจากสิ่งที่ครอบครัวของเธอทำ เธอจะมีหน้าไปพบเขาก่อนได้อย่างไร
สุดท้ายเชียนหลานหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเพื่อน เพื่อนที่เป็นคนที่แนะนำโม่จื่อเฉินให้เธอในตอนแรก
เธอได้ที่อยู่ของเขามาจากเพื่อน
แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเป็นการเสียมารยาทที่อยู่ๆ เธอไปปรากฏตัวที่บ้านของเขา แต่เธอรู้ว่าหากไม่ได้แก้ตัวกับเขามันคงทำให้เธอทรมานใจ
เธอจึงไปที่บ้านของเขา แต่แม้จะกดกริ่งหลายครั้งก็ยังไม่มีการตอบรับ หรือว่าเขาจะไม่อยู่บ้านกัน
ว่าแต่ดึกดื่นป่านนี้แล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหนได้
…
โม่จื่อเฉินเสร็จสิ้นภารกิจในเวลาล่วงเข้าไปตีหนึ่งแล้ว แต่เมื่อเขากลับมาถึงบ้านก็เห็นใครบางคนนั่งอยู่ตรงบันไดด้านนอกห้องพักของเขา
โม่จื่อเฉินมองดูชัดๆ ก็พบว่าเป็นเชียนหลาน
“ทำไมคุณถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะครับ” โม่จื่อเฉินเดินไปหาทันทีและใช้เสื้อแจ็กเกตคลุมตัวเธอไว้
เชียนหลานลุกขึ้นมองเขาอย่างขอโทษ “ฉันมาที่นี่เพื่อมาขอโทษคุณแทนครอบครัวของฉันน่ะค่ะ…”
“คุณไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอกครับ มันดึกมากแล้ว ผู้หญิงตัวคนเดียวออกมาอยู่ข้างนอกแบบนี้มันไม่ปลอดภัยนะครับ” เขาตอบเสียงเรียบ
หากแต่ท่าทีนิ่งเฉยของเขากลับเป็นสิ่งที่ทำให้เชียนหลานยิ่งเจ็บปวด “คุณไม่รู้สึกว่าถูกดูถูกบ้างเลยเหรอคะ”
“ครอบครัวของคุณทำไปเพราะผลประโยชน์ของคุณเท่านั้น ถ้ามองสถานการณ์จากมุมของพวกเขา พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกครับ”
“แล้วจากมุมของคุณล่ะคะ” เธอถาม
“อย่าทำอย่างนี้อีกนะครับ มีผู้หญิงถูกทำร้ายกลางดึกอยู่บ่อยครั้ง คุณไม่ควรออกมาตัวคนเดียวอย่างนี้นะ” น้ำเสียงของเขาจริงจังขึ้น
“คุณไม่ได้ใส่ใจสักนิดเลยเหรอคะ”