ตอนที่ 769 ช็อก! เขาคือพ่อแท้ๆ ของลูก (9)
หลินจยาอวี่ประหม่ามากเหลือเกิน
หัวใจบีบแน่นเต้นตึกตักเหมือนจะหลุดออกจากอก
เธอไม่อยากโกหก เพราะคำโกหกไม่สามารถหลุดออกจากปากได้ แต่จะให้เธอพูดว่าลูกไม่ใช่ลูกของลู่เสวี่ยเฉินไปตามตรง เธอก็พูดไม่ได้อีก เหมือนกับว่าพอพูดออกไปแล้ว ความสุขในช่วงนี้จะเหมือนกับฟอลสบู่ที่กลายเป็นเพียงภาพหลอน
แววตาของลู่จิ้งอีดำดิ่ง “พูดยากขนาดนั้นเลยเหรอ”
หากเป็นลูกของเสวี่ยเฉินจริงๆ แค่บอกพวกเธอมาตามตรงก็จบแล้ว แต่กลับลังเลอยู่นานเช่นนี้ ก่อนหน้าที่เชื่อเหวินซินเหมยแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้เธอกลับเชื่อไปเกินครึ่งแล้ว
เหวินซินเหมยสบถเสียงเย็น แล้วหัวเราะเย้ยหยัน
ไม่ใช่หลินจยาอวี่ไม่เคยคิด หากตอนนี้มีลู่เสวี่ยเฉินอยู่ด้วยก็คงจะดี
แต่เธอเองก็ทราบดี การโกหกก็คือการโกหก ไม่ว่าจะปกปิดได้มิดแค่ไหน ต้องมีสักวันที่ถูกเปิดเผยขึ้นมา อีกทั้งเมื่อยิ่งสายเกินไปก็จะยิ่งไม่น่าให้อภัย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้ความจริงทุกอย่างมันถูกเปิดเผยออกมาเสียดีกว่า หากรับไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นก็ต้องหย่ากัน
ในขณะที่คิดตัดสินใจเช่นนี้ หลินจยาอวี่ก็พบว่าตนเองได้ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
เธอมองไปที่ลู่จิ้งอีแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ว่าฉันจะตอบยังไง พวกคุณก็ควรจะไปตรวจดีเอ็นเออีกครั้งนะคะ”
ลู่จิ้งอีเอ่ยตอบ “ถ้าเธอบอกว่าเป็นลูกของเสวี่ยเฉิน ฉันก็ยังเชื่อเธอแน่นอน”
“แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ใช่ลูกของลู่เสวี่นเฉินล่ะคะ”
“ดังนั้นเธอหมายความว่า เธอยอมรับแล้วว่าไม่ใช่ลูกของเสวี่ยเฉิน”
หลินจยาอวี่พยักหน้า จากนั้นจึงหันไปหาคุณหญิงลู่ “ขอโทษนะคะ แล้วก็ขอบคุณที่ผ่านมาคุณดูแลฉันเป็นอย่างดี”
พูดพลางจะเข้าไปอุ้มเสี่ยวเล่อเล่อในห้อง เธอคิดจะพาเสี่ยวเล่อเล่อจากไป แต่พอเดินได้แค่สองก้าว คุณหญิงลู่ก็ดึงรั้งเอาไว้เสียก่อน “จยาอวี่ เธออย่าพึ่งโกรธเลยนะ แม่รู้ว่าเป็นลูกของเธอกับเสวี่ยเฉิน”
เหวินซินเหมยพุ่งไปข้างหน้าแล้วพูดโหวกเหวกเสียวดัง “คุณป้าคะ อย่าถูกเธอทำให้หลงกลไปด้วยนะคะ หนูสาบานได้ ว่าเธอบอกอวี๋กานกานเองว่าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของเสวี่ยเฉิน”
คุณหญิงลู่เบิกตาจ้องเธอ “เธอหุบปากไปเลยนะ”
“พอแล้ว แม่คะ แม่ก็อย่าโกรธเลยนะ” ลู่จิ้งอีหันตัวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อทุกคนยืนกรานในความคิดของตัวเองแบบนี้ งั้นพวกเราก็ไปตรวจดีเอ็นเออีกครั้ง ฉันติดต่อเอาไว้เรียบร้อยแล้วคราวนี้สามารถไปตรวจได้เลย ผลสรุปออกมาก็จะรู้เองว่าใครกันแน่ที่พูดโกหก”
คุณหญิงไม่อยากตรวจดีเอ็นเออีกครั้งเลยสักนิด
เพราะเชื่อผลตรวจครั้งก่อนจนหมดหัวใจแล้ว เธอไม่คิดว่าหวินซินเหมยจะเป็นคนน่ารำคาญแบบนี้มาก่อน หากรู้ตั้งแต่แรกเธอก็คงไม่แนะนำหล่อนให้ลู่เสวี่ยเฉินรู้จักหรอก ลู่เสวี่ยเฉินก็แต่งงานไปแล้วแต่เธอตามราวีถึงที่นี่ แค่ครั้งหรือสองครั้งก็พอทน แต่ผลคือตามมาไม่มีหยุดหย่อนตลอดเวลา มันทำให้รู้สึกเหมือนแมลงวันน่าขยะแขยงจริงๆ
“ตรวจดีเอ็นเอไปแล้วจะตรวจอีกได้ยังไง”
คุณหญิงลู่ไม่ยอม
ช่วงนี้ทุกคนต่างอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน คุณหญิงลู่ชอบใจหลินจยาอวี่มาก อีกอย่างพอมีเสี่ยวเล่อเล่อแล้ว แม้กระทั่งคุณพ่อลู่ก็มักจะกลับบ้านบ่อยๆ หลายปีมาแล้วช่วงนี้เธอพึ่งจะรู้สึกถึงความสุขความอบอุ่นหลอมรวมของครอบครัว
เธอกุมนวดขมับ โบกมือไล่อย่างทนไม่ไหวอีกแล้ว “รีบพาเธอออกไปซะ แม่ไม่อยากเห็นหน้าเธอแม้แต่นิดเดียว”
เหวินซินเหมยเสียใจมาก รู้สึกโดนกล่าวหาราวกับถูกสุนัขกัดกินหัวใจที่หวังดี “คุณป้าคะ คุณป้าจะถูกเธอหลอกไม่ได้นะคะ เธอเป็นคนโกหกจริงๆ เธอทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานเข้าตระกูลลู่”
หลินจยาอวี่ที่แตกสลายไปแล้วเอ่ยขึ้น “งั้นก็ตรวจเถอะ”
หลังจากการตรวจดีเอ็นเอแล้วความจริงก็ปรากฏ เธอก็ไม่ต้องเดินวนไปมาอย่างอึดอัดในเขาวงกตแห่งคำโกหกอีก
ตอนที่ 770 ช็อก! เขาคือพ่อแท้ๆ ของลูก (10)
แต่เมื่อคุณหญิงลู่เห็นสภาพเช่นนี้ของเธอกลับรู้สึกผิดอย่างสุดหัวใจ
เพราะคิดว่าเรื่องนี้เป็นการกล่าวหาหลินจยาอวี่ อีกทั้งยังถือเป็นการถูกทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากพูดว่าไม่ต้องตรวจแล้ว แต่ลู่จิ้งอีดันเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน “จยาอวี่ ขอบคุณที่เธอใส่ใจขนาดนี้ แต่เธอไม่ต้องคิดมาก เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเองดีกว่า แม้เสวี่ยเฉินไม่อยู่ พวกเราก็จะไม่ทำให้เธอน้อยใจเป็นอันขาด”
หลินจยาอวี่ “…”
เสแสร้งจริงๆ
ช่างเถอะ เธออยากจะทำอะไรก็เชิญ ถึงยังไงเธอก็พูดไปแล้วว่าลูกไม่ใช่ของลู่เสวี่ยเฉินจริงๆ
ลู่จิ้งอีฉลาดเป็นกรดต้องมีการเตรียมการมาอยู่แล้ว
วันนี้ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรก็ต้องให้ความจริงนั้นกระจ่างให้ได้
เธอเองก็ไม่ใช่คนหน้าด้านหน้าทน แรกเริ่มเดิมทีเรื่องของลูกเป็นเพียงข้อตกลงระหว่างเธอกับลู่เสวี่ยเฉิน ไม่ได้ตั้งใจโกหกเลยสักนิด
ตอนนี้ขึ้นหลังเสือแล้วก็ยากที่จะลง เธอก็แค่รอลู่เสวี่ยเฉินกลับมาแล้วค่อยอธิบายทุกเรื่องให้ทุกคนได้รับรู้
ลู่จิ้งอีเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมหมดแล้ว
เจ้าหน้าที่เข้ามาในห้องเพื่อเก็บน้ำลายของเสี่ยวเล่อเล่อแล้วหยิบเอาแปรงสีฟันที่ลู่เสวี่ยเฉินใช้แล้ว กระบวนการทั้งหมดถูกถ่ายทอดสดเพื่อความโปร่งใสไร้ซึ่งจุดบกพร่อง เรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลอมแปลงขึ้นมา
คุณหญิงลู่คิดอยู่เสมอว่าการกระทำเช่นนี้มันไม่เหมาะสม
ให้ความรู้สึกหายใจไม่ออก
หลินจยาอวี่นิ่งเงียบเกินไป ความเงียบเช่นนี้ให้ความรู้สึกว่าพายุกำลังก่อตัวขึ้นมา คุณหญิงลู่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงคิดเช่นนี้
เธอคิดว่าควรจะหยุดทุกอย่าง วิธีการรวบรวมหลักฐานและจากนั้นไปที่ศูนย์ทดสอบ ถ่ายทอดสดความโปร่งใสตลอดทางแบบนี้ ทำให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านจริงๆ
“จิ้งอี แกอย่าทำแบบนี้เลยนะ รีบหยุดเร็วเข้า แล้วยังจะมีถ่ายทอดสดอีก นี่มันอะไรกัน” คุณหญิงลู่เอ่ยปากเพื่อต้องการห้ามลูกสาวของตนเอง
“ไม่ได้ค่ะ หยุดถ่ายทอดสดไม่ได้ นี่มันสามารถเปิดเผยความโปร่งใส ไม่งั้นถ้ารอผลออกมาคนจะคิดว่าเล่นตุกติกได้นะคะแล้วจะให้คนเขาคิดว่าไม่ใช่ลูกของเสวี่ยเฉิน” ไม่ว่าอย่างไรลู่จิ้งอีก็ค้านหัวชนฝา
เธอยิ้มทางสายตาแล้วปราดมองหลินจยาอวี่
หลินจยาอวี่อยากจะหัวเราะ ลู่จิ้งอีบอกหยุดไม่ได้ไม่ใช่เพราะกลัวคนจะคิดว่าไม่ใช่ลูกของลู่เสวี่ยเฉินหรอก แต่เป็นเพราะถ้าหยุดแล้วผลตรวจออกมาไม่ใช่ลูกของลู่เสวี่ยเฉินคงจะพูดว่าเธอต้องปลอมแปลงแน่ๆ
ทำไมจึงจำเป็นต้องพูดอะไรบางอย่างที่น่าขันด้วยล่ะ
ในเมื่อเธอบอกไม่แล้วว่าลูกไม่ใช่ลูกของลู่เสวี่ยเฉินแล้วก็ยินยอมให้ตรวจดีเอ็นเอแล้วด้วย
เช่นนั้นก็จะได้ไม่ต้องเน้นย้ำหรือคำนวณอะไรเพราะการตรวจดีเอ็นเออีก
เธอเบื่อหน่ายกับความรู้สึกผิด เธอเบื่อหน่ายกับการใช้คำโกหกทีละน้อยๆ ทีละคำเพื่อปัดเศษคำโกหกที่ใหญ่ที่สุดนี้ออกมา
ก็รอให้ความจริงทั้งหมดปรากฏออกมา
เพียงแต่…
เธอเหลือบมองเหวินซินเหมยซึ่งยืนอยู่ข้างหลังลู่จิ้งอีอย่างเงียบๆ
แม้ว่าเธอจะเงียบ แต่ทุกย่างก้าวบ่งบอกถึงความสาแก่ใจของเธอ
เธอรู้ว่าเหวินซินเหมยสะใจอะไร แต่ผลออกมาว่าไม่ใช่ลูกของลู่เสวี่ยเฉิน เธอหย่ากับลู่เสวี่ยเฉินแล้วลู่เสวี่ยเฉินจะไปแต่งงานกับเหวินซินเหมยหรือไม่
ก่อนหน้านี้ไม่แต่งกับเหวินซินเหมย แม้แต่การแต่งงานปลอมๆ เพื่อปิดบังเธอ
ต่อให้คุณหญิงลู่จะรับทุกอย่างไม่ได้แล้วให้เธอหย่ากับลู่เสวี่ยเฉิน ลู่เสวี่ยเฉินก็ยังคงไม่แต่งงานกับเหวินซินเหมยอยู่ดี
คุณหญิงลู่เองก็ดีมาก ต่อให้คุณหญิงจะให้เธอหย่ากับลู่เสวี่ยเฉิน แต่เธอก็รู้สึกขอบคุณคุณหญิงที่ดูแลและเมตตาเธอในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้
แล้วเธอก็จะยอมหย่า
กลับเป็นคุณหนูตระกูลหลินผู้เย่อหยิ่งเหมือนเดิม จะไม่ยอมใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อยหรือทำทุกวิถีทางเพราะความรักแบบนี้อีกแล้ว
คุณหญิงลู่นั่งข้างกายหลินจยาอวี่และพูดคุยกับหลินจยาอวี่มากมาย ส่วนใหญ่เป็นการปลอบโยนแต่ก็มีบางครั้งที่อยากด่าลู่จิ้งอีสักคำสองคำ