ตอนที่ 841 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (61)
“เธอคืนดีกับล่เสวี่ยเฉินแล้วไม่ใช่เหรอ”
“คืนดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อาทิตย์ที่แล้วฉันไปหาเสี่ยวเล่อเล่อ พวกเธอก็นอนด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
หลินจยาอวี่เกือบสำลักน้ำลายตัวเอง “ฉันเคยพูดตอนไหน ว่าเรานอนด้วยกันแล้ว”
“เธอไม่ได้พูดหรอก แต่ฉันมองออก” อวี๋กานกานช่างสังเกตมาก ไม่งั้นก็คงไม่เห็นคนปากแข็งหรอก
เธอเอนหลังพิงโซฟาอย่างเกียจคร้าน “คืนดีกันเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอ เสี่ยวเล่อเล่อจะได้มีพ่อมีแม่ ต่อไปจะต้องเป็นเด็กที่มีความสุขแน่นอน”
หลินจยาอวี่มีสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย “ก็ใช่…แต่ฉันไม่คิดจะกลับไปคืนดี”
อวี๋กานกานทำหน้างงแต่ก็ยังยิ้ม “อ๋อ หรือว่า…คราวก่อนลู่เสวี่ยเฉินไม่รับผิดชอบที่นอนกับเธอ คาวนี้เธอก็เลยไม่รับผิดชอบที่นอนกับเขาบ้าง”
“ไม่ใช่ ก็แค่ยังคิดไม่ตก ไอ้หยา อย่ามัวแต่พูดเรื่องของฉันอยู่เลย เธอจะแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ ไหนพูดเรื่องของเธอบ้างสิ” หลินจยาอวี่บังคับให้เปลี่ยนประเด็นสนทนา
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยนี่นา มีทีมออแกไนซ์จัดงานแต่งให้ ฉันแค่เข้าไปในงานเฉยๆ ก็พอ” อวี๋กานกานทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม “ฉันคิดว่าเธอกับซ่งฉาไป๋ได้มาอยู่ด้วยกันก็น่าจะดี”
“ซ่งฉาไป๋ เพื่อนสมัยเรียนคนนั้นของเธอน่ะเหรอฎ
“ใช่น่ะสิ พวกเธอสองคน คนหนึ่งขาเมาท์ ส่วนอีกคนหนึ่งไม่พูดไม่จา หากพวกเธอสองคนได้มาอยู่รวมกันก็คงจะลงตัวพอดี” อวี๋กานกานพูดพลางดูเวลา “หล่อนน่าจะใกล้มาถึงแล้วล่ะ เดี๋ยวจะแนะนำให้พวกเธอรู้จักกัน”
อวี๋กานกานคิดว่าตอนแรกหลินจยาอวี่โกรธมาก โกรธจนกระทั่งขอหย่ากับลู่เสวี่ยเฉิน
จนถึงตอนนี้…ลู่เสวี่ยเฉินคงทำให้ความโกรธในใจของเธอหายไปบ้างแล้ว ถึงจะไม่ซาบซึ้ง แต่ยังไงลู่เสวี่ยเฉินก็มีความสามารถในการเกลี้ยกล่อมอยู่แล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซ่งฉาไป๋ก็ได้เจอหลินจยาอวี่สักที ทันทีที่พบกัน พวกเธอคุยกันเหมือนเพื่อนเก่าทั้งๆ ที่เป็นครั้งแรก เมื่อรู้ว่าหลินจยาอวี่มีลูก หล่อนจึงอยากเจอลูกของเธอเป็นพิเศษ
หลินจยาอวี่ไม่มีปัญหา เธอจึงรีบโทรหาลู่เสวี่ยเฉินให้พาลูกเข้ามาหา
เธอไม่รู้มาก่อนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับบริษัทของฟังจือหัน ดังนั้นเธอจึงส่งเสี่ยวเล่อเล่อให้กับลู่เสวี่ยเฉิน
ถึงยังไงพวกเธอสามคนก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว อุ้มลูกเข้ามาก็ดีเหมือนกัน ดีเหมือนกันลู่เสวี่ยเฉินจะได้ไปช่วยฟังจือหัน
แต่เพราะมีลูกอยู่ด้วย คืนนี้หลินจยาอวี่ไม่สามารถอยู่โรงแรมได้
เมื่อทานอาหารค่ำเสร็จ หลินจยาอวี่ก็อุ้มลูกกลับบ้าน จึงเหลือซ่งฉาไป๋คนเดียวที่อยู่เป็นเพื่อนอวี๋กานกานที่โรงแรม
อวี๋กานกานให้บอดี้การ์ดสาวไปส่งสองแม่ลูกล่างคอนโด เมื่อเห็นหลินจยาอวี่กับลูกเข้าไปในคอนโดเรียบร้อยจึงขับรถออกมา
หลินจยาอวี่อุ้มลูกยืนรอหน้าประตูลิฟต์
เสียงดังติ๊งต่องเมื่อลิฟต์มาถึงชั้นแล้ว และมีชายร่างสูงสองคนยืนอยู่ข้างใน ทั้งคู่สวมหมวกและหน้ากากสีดำ
หลินจยาอวี่ตื่นระวังโดยไม่รู้ตัว เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านในตอนกลางคืนและได้พบกับคนสองคนนี้ เธอจึงถอยห่างออกไปทันที โดยอุ้มทารกน้อยไว้ในอ้อมแขนของเธอ
ก่อนที่จะถอยหลังสองก้าว ชายสองคนในลิฟต์รีบวิ่งเข้าใส่ หนึ่งในลากหลินจยาอวี่ และอีกคนไปคว้าแย่งลูกออกจากอ้อมอกของเธอ
หลินจยาอวี่ร้องตะโกนเสียงดังลั่น “ช่วยด้วย มีคนลักพาตัวลูก…”
ก่อนที่คำพูดสุดท้ายจะพูดออกไป ชายคนนั้นก็ทุบที่หลังคอของเธอ หลินจยาอวี่สติดับวูบล้มลงไปทันที
จนมีเสียงแว่วเข้ามาในหูว่า “คุณผู้หญิง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
หลินจยาอวี่จึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก
คนข้างๆ ที่พยุงเธอหันมารีบร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ดีใจจริงๆ ฟื้นแล้วๆ…”
ชาวบ้านบางคนพบว่าเธอเป็นลมแล้วจึงโทรแจ้งนิติฯ และนิติฯ ก็ไปตามหมอที่อาศัยอยู่ในชุมชนละแวกนี้มา
ตอนที่ 842 ขมเป็นยาหวานเป็นคุณ (62)
ไม่รู้ว่าหลินจยาอวี่หมดสติไปนานเท่าไหร่ เมื่อเธอฟื้นสิ่งที่นึกได้เป็นอย่างแรกก็คือลูก “ลูก มีคนมาแย่งลูกฉันไป”
“ลูกเหรอ พวกเราไม่เห็นเด็กเลยนี่นา” ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพื่อแสดงว่าไม่มีใครเห็นเด็กสักคน
“มือถือ มือถือฉัน…”
เมื่อหลินจยาอวี่รู้ว่าหาที่พวกเขาไม่เจอ เธอจึงค้นหาในกระเป๋าของตัวเอง ทรัพย์สินส่วนตัวของเขาถูกนิติฯยึดไป
เขาจึงรีบยื่นให้ “อยู่นี่ครับ”
เมื่อหลินจยาอวี่ได้โทรศัพท์มาแล้วก็รีบโทรหาลู่เสวี่ยเฉินทันที ลู่เสวี่ยเฉินที่อยู่ปลายสายพอรับสายก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของกู้ซูหลิง “ลูก ลูกโดนลักพาตัวค่ะ”
ลู่เสวี่ยเฉินตะลึงไปชั่วขณะ คิดว่าตัวเองหูฝาดไป “คุณว่าไงนะ”
หลินจยาอวี่สั่นไปทั้งตัว “เมื่อกี้ ฉันเจอผู้ชายสองคนในลิฟต์ แล้วพวกเขาลักพาตัวลูกไป”
สีหน้าของลู่เสวี่ยเฉินแย่ลง สิ่งที่ได้ยินกับหูมันช่างบาดลึกลงไปในหัวใจของเขา
เขายืนขึ้น คว้ากุญแจรถที่เขาทิ้งไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งออกไป แล้วเจอฟังจือหันที่เข้ามาพอดี
ฟังจือหันไม่เคยเห็นเขาตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อน และถามขึ้นทันที “เกิดอะไรขึ้น”
“ลูกฉันถูกลักพาตัว!” ตอนที่ลู่เสวี่ยเฉินตอบ เขาไม่ได้หยุดเดินและไม่รอลิฟต์อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงรีบออกจากทางฉุกเฉิน
เสี่ยวเล่อเล่อถูกลักพาตัวไป ใครกล้าลักพาตัวหลานชายตระกูลลู่ อยู่ไม่เป็นสุขแน่…ฟังจือหันหรี่ตาอย่างอันตราย และครุ่นคิดอย่างใจเย็น
ทันใดนั้น จิตสังหารก็ฉายแววผ่านดวงตาของเขา
ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเขา ฟังจือหันหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาทันทีและกดโทรหาอวี๋กานกาน แต่เสียงในสายกลับบอกว่าปิดเครื่อง
เขาจึงโทรบอดี้การ์ด ถามเธอว่าอยู่ด้วยกันกับอวี๋กานกานหรือไม่
บอดี้การ์ดกล่าวว่าอวี๋กานกานอยู่ในห้องพักของโรงแรม จากนั้นทำตามคำแนะนำของ ฟังจือหันเพื่อตามหาอวี๋กานกานโดยเร็วที่สุด
แต่ทว่าอวี๋กานกานกับซ่งฉาไป๋กลับไม่ได้อยู่ในห้อง
…
อวี๋กานกานได้รับข้อความเป็นวิดีโอสั้นๆ จากชายชุดดำที่อุ้มเสี่ยวเล่อเล่อ
เสี่ยวเล่อเล่อถูกลักพาตัวเหรอ
ราวกับได้ยินเสียงระเบิดดังตูมในหัว ทั้งวุ่นวายและสับสน เธอตกใจจนหัวใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
โทรศัพท์ดังขึ้นและน้ำเสียงเปลี่ยนไป ปลายสายบอกให้นางออกไปทางประตูหลังของโรงแรมเพียงลำพัง และห้ามพกทรัพย์สินส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น มิฉะนั้นเธอก็จะไม่ได้เจอเสี่ยวเล่อเล่ออีกไปตลอดชีวิต
อวี๋กานกานอยากโทรศัพท์ให้หลินจยาอวี่หาหลักฐาน
แต่อีกฝ่ายไม่อนุญาตให้เธอโทรหาใครทั้งนั้น หากบอกเรื่องลักพาตัวให้คนอื่นเมื่อไหร่ พวกมันจะลงมือกับเสี่ยวเล่อเล่อทันที
อวี๋กานกานไม่กล้าเดิมพันและต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนจะออกไป เธอปลุกซ่งฉาไป๋ที่หลับไปแล้ว และเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง
ซ่งฉาไป๋พอได้ฟังก็ตกตะลึง แล้วรีบพูดว่าจะแจ้งตำรวจ
อวี๋กานกานก็อยากจะโทรแจ้งตำรวจเหมือนกัน แต่เธอไม่กล้า อีกฝ่ายก็เตรียมพร้อมมาอย่างดีไว้ชัดเจนแล้ว ถ้าอีกฝ่ายเริ่มลงมือกับเสี่ยวเล่อเล่อจริงๆ เธอจะทำยังไง เสี่ยวเล่อเล่อก็แค่เด็กไม่ถึงหนึ่งขวบ หากไม่ระวังก็อาจจะ…
“คดีลักพาตัวต้องพุ่งเป้ามาที่ฉันแน่ๆ พวกมันให้ฉันออกไปจากโรงแรม พอถึงประตูหลังโรงแรมแล้วค่อยฟังคำสั่งอีกครั้ง มันต้องเตรียมพาตัวฉันไปแน่ๆ” อวี๋กานกานส่งกุญแจรถตัวเองให้ซ่งฉาไป๋ “เธอเก็บไว้ให้ดี รถฉันจอดอยู่ด้านหน้า เธอขับรถตามฉันห่างๆ ดูว่ามันจะพาฉันไปที่ไหน ถ้ายืนยันตำแหน่งได้แล้วค่อยโทรหาฟังจือหัน แล้วก็โทรแจ้งตำรวจด้วย!”
“มันไม่อันตรายเกินไปเหรอ!”
“ต่อให้อันตรายกว่านี้ นี่ก็เป็นเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ตอนนี้เรายังบอกคนอื่นไม่ได้ ถ้าหาก…ถ้าหากพวกเขารู้แล้ว แล้วเสี่ยวเล่อเล่อจะทำยังไง นี่มันไม่มีอะไรที่สามารถเดิมพันได้อีกแล้วจริงๆ