ตอนที่ 751 เป็นผู้วิเศษทั้งนั้น เทพอิ๋งออกโรง
สะดุดตามาก เหมือนเปลวเพลิง
“พอดีเลย อยู่กันหมด” ซิวถอดแว่นกันแดด มองอิ๋งจื่อจินกับฟู่อวิ๋นเซิน “ไม่ได้เจอกันนานแล้ว เมื่อวานผมเพิ่งเจอบาร์เปิดใหม่ ไปดื่มกันหน่อยเป็นไง”
พูดจบเขาก็ลูบหัวตัวเอง พูดด้วยความภูมิใจ “เป็นไง ผมสีใหม่ เท่ห์ใช่ไหมล่ะ”
อิ๋งจื่อจินเงยหน้า เลิกคิ้ว “เข้ากับบุคลิกของนายดีนะ”
“แน่นอน ไว้วันไหนผมจะกลับไปอวดนอร์ตันหน่อย” ซิวเปิดประตูรถ “ขึ้นรถสิ”
ตี้อู่เย่ว์ลังเล “ฉันก็ขึ้นได้เหรอ”
“ขึ้นสิ ศิษย์น้อย” ฟู่อวิ๋นเซินจูงอิ๋งจื่อจิน หัวเราะเบาๆ “อย่าทำตัวเหมือนเด็กอีกคนที่ชอบขัดจังหวะคู่รักก็แล้วกัน”
ตี้อู่เย่ว์เลือกที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่ลังเล ตบอกรับรอง “ฉันไม่เป็นกอขอคอแน่นอน”
พอเธอนั่งแล้วก็มองรถที่หรูหราคันนี้ แววตาเปล่งประกาย
“สาวน้อยคนนี้เป็นใครเหรอ” ซิวชี้ตี้อู่เย่ว์ พูดอย่างอารมณ์ดี “ถือทองสองก้อน ปล้นธนาคารเสร็จจะเอาไปฟาดหัวคนเหรอ”
ตี้อู่เย่ว์ได้ฟังก็กอดก้อนทองแน่นทันที “เหลวไหล นี่เป็นค่าตอบแทนจากการดูดวงต่างหาก”
ซิวได้ฟังก็ทำหน้าอึ้ง “ดูดวงเหรอ”
“ฉันแซ่ตี้อู่ ชื่อเย่ว์ ปีนี้อายุสิบแปด” ตี้อู่เย่ว์พูดด้วยความภูมิใจ “หมอดูที่เก่งที่สุดในตี้ตู พวกเขาเรียกฉันว่าปรมาจารย์ตี้อู่”
ซิว “…”
นี่มันสาวติงต๊องที่ไหนกันเนี่ย
“ลูกศิษย์ฉันเอง” อิ๋งจื่อจินพูด “มีพรสวรรค์ด้านการทำนาย เวลานายหาฉันไม่เจอก็ไปหาเธอได้”
“เก่งนะเนี่ย” คราวนี้ซิวจริงจังขึ้นมาทันที “ทำพูดไป ช่วงนี้ผมก็รู้สึกอยากให้ทำนายนิดหน่อยอยู่พอดี”
ไม่รู้ทำไม ช่วงนี้เขาสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี
เหมือนกำลังจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
แต่ความไม่สบายใจนี้มันก็บรรยายออกมาไม่ถูก
ครั้งล่าสุดที่ซิวรู้สึกแบบนี้คือตอนปีสองพันสิบสอง
โดยทั่วไปก่อนจะเกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรง พวกผู้วิเศษจะรู้สึกได้ถึงบางอย่าง
แต่ซิวเคยถามนอร์ตันเรื่องนี้ นอร์ตันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย
เขาเลยคิดว่าตัวเองความรู้สึกไวเกินไปหรือเปล่า
“ได้ ไม่มีปัญหา” ตี้อู่เย่ว์ตอบอย่างสบายๆ “แต่ต้องให้เงินฉัน”
นี่เพื่อนอาจารย์ งั้นเธอไม่หลอกแล้ว
“ได้” ซิวก็รับปาก “ทำนายเสร็จฉันจะให้รถเธอคันนึง ตกลงไหม”
ตี้อู่เย่ว์นับนิ้ว หันไปเงียบๆ “อาจารย์ เมืองนี้คนรวยหน้าโง่เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
อิ๋งจื่อจิน “…”
นี่เธอรู้จักคนแบบไหนบ้างเนี่ย
หนิงรั่วเห็นทั้งสี่คนคุยกันอย่างสนิทสนม แต่กลับไม่สนใจเธอ
ความโกรธและคับอกคับใจมีมากยิ่งขึ้น เธอมองซิวด้วยสายตาเย็นชา “เกือบชนคนอื่นจะไม่พูดขอโทษสักคำเหรอ”
แดงทั้งหัว หลุดมาจากวงร็อกหรือไง พวกนอกคอก
“อ่อๆ โทษทีๆ” ซิวเปิดเช็กอิเล็กทรอนิกส์มาหนึ่งใบ ทั้งยังพูดอย่างสุภาพ “ชดใช้ให้ รองเท้าคู่นี้ของคุณขายอยู่พันห้า ชดใช้ให้สิบเท่าน่าจะพอ”
หนิงรั่วโกรธหน้าเขียว “เอาเงินมาดูถูกฉันเหรอ”
“เปล่าๆ คุณเข้าใจผิดแล้ว” ซิวแปลกใจ แต่ยังคงพูดอย่างใจเย็น “อยากชดใช้ให้จริงๆ”
พูดจบเขาก็กดปุ่มขับเคลื่อนอัตโนมัติ รถวิ่งขึ้นบนท้องฟ้าทันที
ทิ้งควันท้ายรถให้หนิงรั่ว วิ่งออกไปไกล
…
บนรถ
อิ๋งจื่อจินเอามือแตะหน้าผากของฟู่อวิ๋นเซิน “ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ช่วงนี้ค่อนข้างเพลีย เมื่อกี้นอนพักไปงีบนึงกลับถูกฝันร้ายครอบงำ”
เขาหันมา ดวงตาสีอำพันฉายแววอ่อนโยน “โชคดีที่เธอโทรศัพท์มา ปลุกพี่ชายตื่นพอดี”
อิ๋งจื่อจินเปิดกระเป๋า หยิบยาหนึ่งขวดยื่นให้ “ยานอนหลับตัวใหม่ที่เพิ่งทำเสร็จเมื่อวาน กินสักหน่อย”
ฟู่อวิ๋นเซินมองขวดหยกเล็กกะทัดรัดในมือ หลับตาแล้วยิ้ม
เขาต้องสะสมบุญมากี่ชาติกว่าจะได้พบคนแบบนี้
…
อีกด้านหนึ่ง
ภายในตลาดประมูลลอเรนท์
ซีซาร์คำนวณเงินที่เสียไปวันนี้ อดทนต่อความเจ็บปวดในใจ
ถ้าไม่ติดว่าหมอดูกำมะลอคนนั้นผมดำตาดำเหมือนบอสของเขา ทำให้เขารู้สึกดีได้ง่ายๆ มีเหรอที่เขาจะโดนต้ม
เขามองกระดาษในมือด้วยสีหน้ารังเกียจ
“ท่านครับ ผู้หญิงที่ท่านให้ผมไปจับเธอขึ้นรถหรูไปแล้วครับ” บอดี้การ์ดกลับมา เช็ดเหงื่อ “เท่าที่ดู รถคันนั้นเป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งออกในเว็บดับบลิวเมื่อวาน สนนราคาอยู่ที่พันสองร้อยล้านครับ”
ซีซาร์ลูบคาง “ยัยหมอดูนั่นคงไม่ได้ไปขโมยรถคนอื่นมาหรอกนะ”
บอดี้การ์ดอึ้ง “มะ…ไม่น่ามั้งครับ”
“ทำไมจะไม่ได้” ซีซาร์ทำเสียงหึ “นายดูความหน้าเลือดของเธอสิ ทองสองก้อนยังหลอกเอาไปได้ แล้วรถจะเหลือเรอะ”
บอดี้การ์ดรีบก้มหน้า “งั้นท่านจะให้ตามล่าไปทั่วเมืองไหมครับ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้น เอาเป็นว่าฉันจำยัยนี่ได้แล้ว” ซีซาร์ยิ้ม “สูงร้อยห้าสิบห้า ตัวเท่ากำปั้น”
“ครั้งหน้าถ้าโผล่มาอีกก็จับมัดไว้”
บอดี้การ์ด “…”
ทองคำก็คือขีดความอดทนของซีซาร์
ใครก็ห้ามแตะต้อง
เขาว่านายท่านของเขาชาตินี้อย่าได้คิดจะหาแฟนเลย
…
อีกด้านหนึ่ง หนิงรั่วหน้าเศร้ากลับถึงบ้าน
หลิงอวี่เดินลงบันไดมา ถามด้วยความแปลกใจ “ไหนว่าไปหาคุณชายฟู่ที่หน้าโรงแรมกับคุณนายผู้เฒ่าอวี้ไง นัดกินข้าวเย็นไม่สำเร็จเหรอ”
“อย่าให้พูดเลย” หนิงรั่วล้างหน้า เล่าเรื่องก่อนหน้านี้ให้ฟัง “เจอชาวร็อกผมแดง ขับรถหรู เศรษฐีบ้านนอก ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรให้อวดนัก”
หลิงอวี่โล่งอก แกล้งแซว “ถ้าไม่ติดว่าผู้วิเศษนักพรตผมสีน้ำเงินเทา พี่คงคิดว่าเธอเจอผู้วิเศษนักพรตเข้าแล้ว”
“พี่ คิดไปถึงไหนแล้ว” หนิงรั่วได้ฟังก็หัวเราะ “ผู้วิเศษมีเหรอจะไปเที่ยวกับพวกเขา”
ต่อให้เป็นผู้บัญชาการหน่วยอัศวินหรือผู้ดูแลเว็บดับบลิว ก็มีความสัมพันธ์เป็นแค่ผู้ใต้บังคับบัญชากับเบื้องบน
แม้ตระกูลอวี้กับตระกูลเรนเกลจะเป็นตระกูลชั้นแนวหน้าของเมืองแห่งโลก
แต่ก็ได้อำนาจกับสถานะทุกอย่างมาจากสำนักผู้วิเศษ
สำนักผู้วิเศษต่างหากที่เป็นนายเพียงหนึ่งเดียวของเมืองแห่งโลก
“สรุปว่าเขามีแฟนแล้ว แถมยังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเรนเกลด้วยงั้นเหรอ” หลิงอวี่พูด “ดูท่าการคบแบบค่อยเป็นค่อยไปจะใช้ไม่ได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคบกันตั้งแต่ก่อนเข้าเมืองแห่งโลก ยอมแพ้เถอะ”
“พี่ช่วยฉันระงับแอคเคาท์ของตระกูลเรนเกลสักสิบห้าวันหน่อยสิ” หนิงรั่วเม้มริมฝีปาก “ฉันยอมกลืนความโกรธนี้ไม่ได้หรอก”
ผู้ดูแลบทจะระงับแอคเคาท์ระดับดับเบิลเอสก็ทำได้
“มันก็ได้อยู่หรอก” หลิงอวี่คิด “แต่ช่วงไม่กี่วันนี้ไม่ใช่เวรพี่ รอสุดสัปดาห์แล้วกัน พี่จะช่วยระบายอารมณ์แทนเธอเอง”
ถึงแม้เว็บดับบลิวจะก่อตั้งโดยผู้วิเศษนักพรต แต่ซิวก็ไม่ว่างสนใจเรื่องในเน็ต
ให้พวกคนดูแลรับหน้าที่คุมเว็บไป
แค่ระงับแอคเคาท์ชั่วคราว พอถึงตอนนั้นบอกว่าระบบผิดพลาดก็ได้แล้ว
“พี่ ไหนพี่บอกว่าผู้วิเศษนักพรตยังมีเพื่อนสนิทอีกสามคนไง” หนิงรั่วสงสัย “ใครบ้างเหรอ”
“ก็ต้องเป็นผู้วิเศษทั้งหมดอยู่แล้ว” หลิงอวี่หรี่ตา “แต่พี่ก็ไม่เคยเห็นหรอก อายุขัยของพวกเรายืนยาวเท่าผู้วิเศษที่ไหนกัน”
“หลายศตวรรษมานี้เปลี่ยนผู้ดูแลเว็บมาหลายกลุ่มแล้ว น่าจะมีแค่ผู้ดูแลรุ่นแรกแหละที่รู้”
หนิงรั่วพยักหน้า ยิ้มพลางพูด “นอกจากพวกเขาสี่คนก็มีแค่แอคเคาท์ของผู้ดูแลที่สูงที่สุดแล้ว”
แอคเคาท์ระดับดับเบิลเอสของตระกูลเรนเกลก็งั้นๆ แหละ
…
สองวันต่อมา ณ สำนักวิจัย
พรุ่งนี้ก็คือวันที่หนึ่งกันยายน เป็นวันเข้าพบผู้วิเศษ
คณบดีตั้งใจเรียกอิ๋งจื่อจินมากำชับก่อน เพราะกลัวเธอจะไประเบิดสำนักผู้วิเศษ
อิ๋งจื่อจินอดทนฟังจนจบ เงยหน้าขึ้น “อาจารย์เคยได้ยินชื่อไชโลห์ไหมคะ”
“ไชโลห์เหรอ” คณบดีนอร์แมนอึ้ง ตอบอย่างไม่แน่ใจ “ฝาแฝดของอาเธอน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
“อ๋อๆ เคยได้ยินซีนายพูดถึงอยู่” คณบดีนอร์แมนพูด “สองคนนี้เป็นฝาแฝดไข่คนละใบ ถูกจับแยกตั้งแต่เล็ก คนหนึ่งไปอยู่สำนักผู้วิเศษ อีกคนเข้าสำนักวิจัย”
“ตอนที่ซีนายไปพบผู้วิเศษเกือบระเบิดสำนักผู้วิเศษเพราะไชโลห์”
คณบดีนอร์แมนพูดต่อ “ไชโลห์เป็นคนชอบชิงดีชิงเด่น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องเก่งที่สุด”
“แต่เธอก็รู้ ร่างกายมนุษย์มีขีดจำกัด ต่อสู้เก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางทนอาวุธที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงได้”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด “แสดงว่าเธอแพ้อาของหนูเหรอคะ”
“เป็นแบบนั้น” คณบดีนอร์แมนพยักหน้า “ซีนายใช้ปืนเลเซอร์ ไชโลห์อายุแค่สิบหก จะสู้ยังไงล่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ” อิ๋งจื่อจินหาว พูดอย่างใจเย็น “หนูจะพยายามไม่ระเบิดสำนักผู้วิเศษค่ะ”
คณบดีนอร์แมน “…”
เขายิ่งไม่วางใจเข้าไปใหญ่
อิ๋งจื่อจินออกจากห้องทำงานของคณบดี กลับไปที่ห้องทดลอง
แต่กลับเห็นนักศึกษาของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์หลายสิบคนยืนอยู่หน้าห้อง
เธอเงยหน้า “รุ่นพี่เยี่ย”
“รุ่นน้องอิ๋ง” พอเยี่ยซือชิงเห็นอิ๋งจื่อจินก็โล่งอก “กลับมาแล้วเหรอ”
อิ๋งจื่อจินกวาดตามอง “พวกเขา?”
“รุ่นน้องอิ๋งอาจไม่รู้ ทุกปีก่อนเข้าพบผู้วิเศษ คณะพันธุศาสตร์กับคณะวิศวะจะมีการแข่งกัน” นักศึกษาระดับสูงคนหนึ่งพูดขึ้น “ใครชนะถึงจะสามารถเอาทรัพยากรมาให้คณะตัวเองได้มากขึ้น”
เดิมทีสำนักผู้วิเศษก็แอบกดคณะวิศวกรรมศาสตร์อยู่เงียบๆ
การแข่งในหลายครั้งก่อนชัยชนะเป็นของคณะชีววิทยาและพันธุศาสตร์
ถ้าครั้งนี้แพ้อีก ทรัพยากรของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็จะถูกตัด ถึงขั้นที่เทคโนโลยีอาจหยุดก้าวหน้าได้
เรื่องแบบนี้พวกอาจารย์ก็จนปัญญา
คนที่ยืนอยู่หน้าสุดของบรรดานักศึกษาคณะพันธุศาสตร์คือไรอันที่สอบเข้ามาได้อันดับหนึ่ง
และก็เป็นเป้าหมายที่ผู้วิเศษนักมายากลจะให้ความสำคัญ
“ได้” อิ๋งจื่อจินขยับข้อมือ เงยหน้าขึ้น “เอาสิ แข่งอะไรล่ะ”