ตามที่ถังเฉาใช้เงินหนึ่งพันห้าร้อยยี่สิบล้านประมูลตราแสดงยศของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูตระกูลถัง งานประมูลนี้ก็จบลง
ทุกคนก็เริ่มกลับไปทีละคน ถังเฉาเตรียมเอกสารส่งมอบ แล้วก็ออกจากอาคารเทียนจีไป
ถึงจะใช้เงินหนึ่งพันห้าร้อยล้านแต่เงินนี้ไม่ได้มีค่ามากเท่าไหร่สำหรับถังเฉาเลย ที่สำคัญสมาคมการค้าหงยิงมีหลัวปู้เป็นผู้ดูแล ก็เท่ากับถังเฉาใช้เงินตัวเองในการซื้อของของตระกูลตัวเองกลับคืนมา เมื่อจ่ายเงินไปเงินก็จะกลับคืนมาก็เหมือนไม่ได้เสียเงินเลย
ที่สำคัญเมื่อเทียบกันแล้ว ถังเฉาสนใจว่า ตราแสดงยศนี้สามารถทำให้เขาพบเบาะแสประวัติของตัวเขาเองได้หรือเปล่า
ตามที่หลินเจิ้นสงพูด เขาเป็นเด็กกำพร้า ไม่รู้ว่าพ่อและแม่เป็นใคร ในค่ำคืนที่ฝนตกหนักและลมแรง เขาถูกคนทิ้งเอาไว้ที่หน้าประตูตระกูลหลิน
หลินเจิ้นสงเห็นว่าเขาน่าสงสาร ก็ได้รับเลี้ยงเขาเอาไว้
สำหรับชื่อถังเฉามาจากตอนที่อุ้มเข้าบ้านไป ก็มีคนเอาพู่กันเขียนคำว่า “ถังเฉา” ไปที่แขนของเขา
หลินเจิ้นสงก็เลี้ยงเด็กคนนี้จนโต และรอว่ามีคนของตระกูลถังจะมารับมั้ย แต่ก็ไม่มีวี่แววอะไรเลย เหมือนถังเฉาถูกลืมไปเลย
“รองหัวหน้า เป็นไงบ้าง เห็นอะไรมั้ย?”
เฟิ่งหวงรีบตามขึ้นมา และถามอย่างร้อนรน
ถังเฉาจ้องมองอยู่นานก็ได้ส่ายหัว: “แทบไม่มีเบาะแสอะไรเลย”
เขาจ้องมองอยู่นานตราแสดงยศทำมาจากทองคำ มีลวดลายที่ดูสูงส่ง นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษเลย
เฟิ่งหวงมีสีหน้าที่ผิดหวังเล็กน้อย เพราะเธอก็คือเด็กกำพร้าเหมือนกัน ในวัยเด็กเธอมีสภาพที่แย่กว่าถังเฉาอีก เธอก็เลยอยากให้ถังเฉาตามหาครอบครัวเจอจากใจ
ถังเฉาก็แค่ยิ้มเหมือนไม่สนใจเท่าไหร่ แล้วเอามาโยนเล่นแล้วเก็บเข้ากระเป๋าไป: “หาไม่เจอก็ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ชีวิตก็ดีอยู่แล้ว”
สำหรับประวัติชีวิตของตัวเอง ถังเฉาเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก ขอแค่ครอบครัวสามพ่อแม่ลูก และเพื่อนมีชีวิตที่มีความสุขก็ดีแล้ว
สำหรับตราแสดงยศนี้ ถังเฉาเชื่อว่าอนาคตจะต้องได้ใช้แน่ๆ
ถ้ามีตราแสดงยศนี้แล้วต่อไปไม่ว่าจะเป็นตระกูลฉินหรือตระกูลหลิน ก็ต้องไตร่ตรองแล้วแหละ
เขาจะทำอะไรก็ไม่ต้องกังวลอะไรเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะมีตระกูลหลวงในเยี่ยนตูตระกูลถังรับหน้าอยู่
“ก็จากกันตรงนี้นะ”
ถังเฉายิ้มให้จ้าวเย็นหรานที่อยู่ข้างหลังและพูด
“อ้า?”
จ้าวเย็นหรานมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเธอยังอยากจะอยู่กับถังเฉาอีกพักหนึ่ง:“ยังมีเวลาอีกเยอะ ไหนๆเราก็มาถึงเมืองเจียงเฉิงแล้ว ทำไมถึงไม่ไปสัมผัสกับชีวิตยามค่ำคืนของเมืองเจียงเฉิงบ้างล่ะ”
เธอไม่ยอมพยายามจะชวนแต่ถังเฉากลับส่ายหัว: “ไม่ดีกว่า พรุ่งนี้ภรรยาฉันจะมาหาฉันแล้ว พวกเธอไปเที่ยวเถอะ”
พูดจบก็ได้จากไปพร้อมกับเฟิ่งหวง
จ้าวเย็นหรานยืนอยู่กับที่อึ้งอยู่พักใหญ่ และแสดงสีหน้าที่ผิดหวัง
ขณะเดียวกันหวางเยี่ยนเดินมาและพูดด้วยเสียงเบาๆว่า: “พรุ่งนี้ภรรยาของเขาจะมาแล้ว ถ้าเธอยังไม่กลับ ถูกจับได้จะทำอย่างไง? ”
จ้าวเย็นหรานถึงได้พยักหน้า ทันใดนั้นเธอได้อึ้งแล้วเขินจนกลายเป็นโกรธ:“เธอพูดให้ชัดเจนนะ อะไรคือถูกจับได้ ฉันไม่ใช่มือที่สามของเขานะ ”
หวางเยี่ยนตกใจและรีบพูดว่า:“ใช่หรือไม่ใช่สำคัญหรือวันนี้ข่าวที่เธออยู่กับคุณถัง พรุ่งนี้ก็จะถูกเผยแพร่ออกไปแน่นอน! ”
หวางเยี่ยนคิดว่าจ้าวเย็นหรานจะกลัว แต่ไม่คิดเลยว่าจ้าวเย็นหรานคิดไปคิดมา แววตาของเธอส่องประกาย
“หวางเยี่ยน เธอพูดแบบนี้ทำให้ฉันคิดวิธีออกเลยนะ! ”
เธอจับไหล่ของหวางเยี่ยนด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า:“ใช่หรือไม่ใช่สำคัญหรือ? ข่าวที่ปล่อยออกไปยิ่งนานก็จะยิ่งผิดเพี้ยน สุดท้ายก็กลายเป็นใช่! ”
“ ……. ”
หวางเยี่ยนเหม่อลอยอยู่กับที่อยู่นาน ไม่รู้เพราะอะไรเธอคิดว่าเธอส่งต่อความคิดที่ผิดออกไป
อีกฝั่งเฟิ่งหวงกับถังเฉากำลังจะขึ้นรถ ทันใดนั้นเสียงตะโกนรอยมาจากด้านหลัง
“ หยุดนะ! ”
ถังเฉาหันกลับไปมอง ทันใดนั้นเขาได้หรี่ตาเหมือนเห็นอะไรที่อันตราย:“ เขาเองหรือ? ”
เขาเห็นไม่ไกลเซี่ยหรูหลงพาพรรคพวกของเขาวิ่งมาทางถังเฉาด้วยสีหน้าที่มืดมน แล้วมาล้อมถังเฉาและเฟิ่งหวงไว้
“ ถังเฉา นายต้องไม่อยากมีชีวิตอยู่ใบโลกแล้วแน่ๆ กล้าที่จะมาแย่งของของฉันหรือ? ”
เซี่ยหรูหลงตะโกนออกมาด้วยเสียงที่เยือกเย็น แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย
สำหรับสถานการณ์แบบนี้ถังเฉาเพียงแค่ยิ้มอย่างเยือกเย็น:“ ฉันให้โอกาสนาย แต่นายกลับไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นก็เท่านั้น ”
“นายยังกล้ามาพูดหรือ? ”
คำพูดประโยคนี้เหมือนไปแทงใจแล้วกระตุ้นเซี่ยหรูหลงเขาโมโหถึงขีดสุด:“ถ้านายไม่ได้ตั้งใจกลั่นแกล้งประมูลด้วยราคาที่สูงราคาคงไม่ไปถึงพันห้าร้อยล้านหรอก? และท่านหานก็จะไม่ดูถูกฉันด้วยเป็นเพราะนายคนเดียว ถ้าไม่สั่งสอนนายสักหน่อย ความแค้นของฉันก็จะไม่มีที่ระบาย! ”
ดูจากคนของทั้งสองฝ่ายและเวลาที่เผชิญหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าเซี่ยหรูหลงมารอที่นี้นานแล้ว
แต่ถังเฉากลับไม่มีความเกรงกลัวเลย แค่พูดกลับไปเล่นๆว่า:“แล้วนายจะสั่งสอนฉันแบบไหน? ”
“ ง่ายมาก ”
เซี่ยหรูหลงหัวเราะอย่างเยือกเย็น ชูนิ้วสองนิ้ว: “อย่างแรก เอาตราแสดงยศของตระกูลถังออกมา แล้วตัดแขนสองข้างของนายเอง ฉันจะไว้ชีวิตนาย อย่างที่สอง คือตาย!”
คำว่าตายถูกพูดออกมา คนชุดดำที่อยู่ด้านหลังได้มาล้อมรอบทันที ในมือของพวกเขาถือมีดที่แหลมคมอยู่คนละด้าม แล้วจ้องมองถังเฉาและเฟิ่งหวงอย่างเยือกเย็น
ถังเฉาและเฟิ่งหวงเห็นแบบนี้ ก็ได้ส่ายหัวเบาๆ :“ ดูแล้วการหล่มสลายของตระกูลเหวิน และการเตือนของตระกูลหู ไม่ได้ทำให้นายระมัดระวังตัวเลยนะ ”
ได้ยินแบบนี้ เซี่ยหรูหลงหัวเราะดังขึ้น:“ ฉันตระกูลเซี่ยและตระกูลลู่เป็นคนทำลายตระกูลเหวินเอง คนที่ไปข่มขู่ตระกูลหูเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังสมาคมการค้าหงยิงของนาย แล้วเกี่ยวอะไรกับนาย? ”
ถังเฉาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พร้อมสีหน้าที่เยาะเย้ย:“ นายคิดแบบนี้จริงๆหรือ? “
เห็นว่าถังเฉาไม่มีท่าทีที่จะเอาตราแสดงยศออกมา สีหน้าของเซี่ยหรูหลงก็ยิ่งดุร้าย:“ ถ้าเป็นเช่นนี้ นายก็ไปตายเถอะ! ”
เมื่อสิ้นเสียง คนชุดดำทุกคนได้ตรงเข้าหาถังเฉา มือที่ถือมีดอยู่ ได้ส่องแสนอันเย็นเยือกส่องประกายออกมา แล้วใช้มีดแทงไปที่ถังเฉาและเฟิ่งหวง
ถังเฉาและเฟิ่งหวงมองด้วยแววตาที่เย็นชา ระหว่างที่เซี่ยหรูหลงกำลังคิดว่าถังเฉาและเฟิ่งหวงจะตายในมีดเหล่านี้ ทันใดนั้นได้มีเสียงเครื่องจักรที่ดังจนหูจะหนวกดังมาจากด้านหลัง
รถเบนซ์บิสซิเนสคลาสที่เสียงดังหนวกหูมาจอดอยู่ และมีชายวัยกลางคนที่มีสีหน้าขรึมจริงและองอาจกล้าหาญจังลงมา
เห็นคนของเซี่ยหรูหลงเอามีดกำลังจะแทงไปที่ถังเฉาและเฟิ่งหวง เขาได้แสดงดวงตาที่โกรธและตะโกนเสียงดังออกมา:“หยุดนะ! ”
เสียงตะโกนนี้ดังมาก ไม่เพียงทำให้คนชุดดำหยุดชะงัก เซี่ยหรูหลงก็หน้าถอดสีเหมือนกัน
หันกลับไปมองกลับเป็นผู้นำ ยืนอยู่หลังพวกเขา
ทันใดนั้นหัวใจเขาเต้นเร็วแล้วอ้าปากค้างและอึ้ง:“ ผู้นำ ท่านมาได้อย่างไง? ”
“ ถ้าฉันไม่มา ทั้งตระกูลเซี่ยจะลำบากเพราะนายคนเดียว! ”
เซี่ยสิงจู๋มีสีหน้าเขียวแล้วผลักคนชุดดำออก แล้วรีบมาอยู่ตรงหน้าถังเฉา ถามอย่างเคารพว่า:“ คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย? ”
“ คุณเองหรือ? ”
ถังเฉาหรี่ตา เขาจำได้ว่าเซี่ยสิงจู๋ก็คือพ่อของหญิงที่เป็นลมไปก่อนหน้านี้”
“ผู้นำ ท่านกำลังทำอะไร? เขาเป็นคนที่ทำลายตระกูลเซี่ยนะ!”
เห็นภาพนี้เซี่ยหรูหลงสั่นสะท้านอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
เพียะ!
เซี่ยสิงจู๋ตบเขาจนล้มลงกับพื้น สีหน้าที่โกรธ: “นายตาบอดไปแล้วหรือ เขาคือผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตอวี่ซิงไว้ นายกล้าทำร้ายเขาหรือ?!”