บทที่ 99 สามหนังสือ หกพิธีการ
Ink Stone_Romance
เมื่อได้ยินดังนั้น ขันทีวังก็หน้างอ “นี่เจ้าตัดสินใจแทนฝ่าบาทแล้วเรอะ!”
ลุงวั่นที่กำลังจิบชาคลี่ยิ้มด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้ามิบังอาจพอจะตัดสินใจแทนฝ่าบาท ข้าเพียงแค่ชี้ให้เห็นความเป็นจริงเท่านั้น เหตุใดสกุลเหยียนจึงได้รับการกลับคำพิพากษา เหตุใดเหยียนฉงหมิงจึงได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงได้โดยไม่ได้ออกแรงให้เหนื่อย ขันทีวังคงรู้ดีกว่าข้า หากมิใช่เพราะเหยียนหรูอวี้แสร้งทำตนเป็นมารดาของคุณชายน้อย สกุลเหยียนจะได้มีทุกอย่างเช่นตอนนี้หรือ? เกรงว่าคงต้องติดคุกหัวโตไปแล้ว”
พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องเช่นนี้ ราวกับฮ่องเต้กำลังหน้ามืดตามัว ย่อหย่อนต่อความซื่อสัตย์ภักดีในการดูแลประเทศ เพียงเพราะความรักในวัยหนุ่มสาว แม้ว่าข้อเท็จจริงจะไม่ต่างกันสักเท่าใด
การเป็นฮ่องเต้นั้นยากยิ่ง ผู้ใดที่ไม่ได้นั่งเก้าอี้มังกร ย่อมไม่อาจสัมผัสถึงความหอมหวานของอำนาจ และไม่อาจเข้าใจความยากลำบากของฮ่องเต้ คนธรรมดามองเห็นเพียงผลได้ผลเสียของตนเอง แต่สิ่งที่ฮ่องเต้มองเห็นกลับเป็นความอัปยศของทั้งประเทศ มีเรื่องบางเรื่องที่ไร้ทางเลือก และแน่นอนว่ามีเรื่องบางเรื่อง ที่เลือกกระทำได้เช่นกัน
เรื่องของเหยียนหรูอวี้ ฮ่องเต้ทรงเอาแต่ใจตนเอง ทั้งที่ทราบว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้มีใจให้นาง ก็ยังคงยกย่องนางกับสกุลเหยียน หากความจริงไม่ปรากฏ ก็คงเข้าใจได้ว่าฮ่องเต้ไม่อยากทำให้คุณชายน้อยต้องรู้สึกแย่ จึงทำให้มารดาของพวกเขามีชาติกำเนิดที่สูงส่ง ทว่ายามนี้ข้อเท็จจริงได้ถูกเปิดเผยมานานแล้ว แต่ฮ่องเต้ก็ยังคงไม่จัดการสกุลเหยียน ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
“ความคิดของฝ่าบาท เป็นสิ่งที่เจ้ากับข้าสามารถประเมินได้หรือ?” ขันทีวังเริ่มไม่อ้อมค้อม
ลุงวั่นเอ่ยในใจ ตอนที่ข้าคอยรับใช้องค์ชายรองและฝ่าบาทที่ตำหนักเย็น เจ้าไปอยู่ที่ใดก็ยังไม่รู้? คิดจะใช้อุบายกับข้ายังเร็วเกินไป
“จริงอยู่ พระทัยฝ่าบาทยากจะคาดเดา แต่ความคิดคุณชายของข้านั้นเรียบง่ายมาก อวี๋เซ่าชิงจะเป็นท่านโหวหรือไม่ อย่างไรบุตรสาวของเขาก็จะแต่งงานกับคุณชายอยู่ดี หากฝ่าบาททรงต้องการใช้สิ่งนี้ขู่เข็ญคุณชาย เกรงว่าฝ่าบาทคงต้องผิดหวัง”
ขันทีวังสูดหายใจเฮือก “คนแซ่วั่น! เจ้าดูแลคุณชายมาจนโต จะไม่อาจโน้มน้าวให้เขาก้มหัว และมีท่าทีที่สมควรเป็นได้เลยหรือ? ยอมอ่อนข้อสักหน่อย ฝ่าบาทมีสิ่งใดที่ไม่อาจรับปากเขาได้?”
ลุงวั่นหัวเราะแห้ง “ยอมอ่อนข้อครั้งหนึ่ง แล้วต่อไปเล่า? ให้ฮ่องเต้จับจุดอ่อนของคุณชาย แล้วคุณชายก็ต้องยอมอ่อนข้อไปตลอดชีวิตน่ะหรือ?”
ขันทีวังสำลักและจ้องมองเขา “เขาคือฮ่องเต้! ยอมอ่อนข้อให้เขาแล้วไม่ดีอย่างไร?”
ลุงวั่นตอบ “ไม่มีสิ่งใดไม่ดี เพียงแต่คุณชายไม่พอใจ”
“…” วันนี้หมดหนทางจะเสวนาต่อ ขันทีวังรู้สึกว่าตนไม่ได้เหนื่อยกับฮ่องเต้ เขาถูกคนของจวนคุณชายทำให้โกรธแทบสิ้นลม เจ้าบ้าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ภักดี คนรับใช้ที่เลี้ยงดูมาก็ยังยากจะจัดการ!
ขันทีวังจากไปด้วยความฉุนเฉียว
เมื่อลุงวั่นกลับมาถึงห้องหนังสือ ก็รายงานต่อเยี่ยนจิ่วเฉา และเล่าเรื่องที่พูดคุยกับขันทีวังอย่างละเอียด “…คุณชาย พวกเราทำเกินไปหรือไม่ขอรับ? หากทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย แล้วกล่าวโทษขึ้นมา…”
เยี่ยนจิ่วเฉาอุทานเสียงเยียบเย็นบนเก้าอี้ไม้โบราณ “แล้วอย่างไร? เกรงว่าหากเขากล่าวโทษ แล้วคุณชายผู้นี้จะไม่ได้แต่งงานรึ?”
“…นั่นก็ด้วย” ลุงวั่นพยักหน้าพลางถอนหายใจ “แม้ว่าเราจะไม่ได้ประกาศ เรื่องที่แม่นางอวี๋เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของคุณชายน้อยอย่างโจ่งแจ้ง ทว่าหูตาของฝ่าบาทกว้างไกล อย่างไรก็ต้องทราบข่าวมาบ้าง จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้พลิกคดีของอวี๋เซ่าชิง จุดประสงค์คงเพื่อรอให้คุณชายไปขอร้องอ้อนวอนเขา”
เพียงคุณชายอ้อนวอนครั้งเดียว อวี๋เซ่าชิงก็จะได้รับการพลิกคดีทันที ทว่าในระยะยาว วิธีการนี้เท่ากับการดื่มยาพิษดับกระหาย นับจากนี้ไป เมื่อใดก็ตามที่ฝ่าบาทจะสร้างความยุ่งยากให้คุณชาย เพียงแค่จับคนข้างกายคุณชายมาก็สิ้นเรื่อง ความหอมหวานนี้ไม่อาจให้ฝ่าบาทได้ลิ้มลองแม้แต่ครั้งเดียว มิฉะนั้นสถานการณ์ของคนสกุลอวี๋คงต้องแขวนอยู่บนปลายดาบตลอดเวลา
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ลุงวั่นก็อดชื่นชมคุณชายของตนไม่ได้ เขามองออกเพราะอายุที่มากขึ้น ผ่านชีวิตโชกโชนมามากมาย คุณชายอายุเพียงยี่สิบสามยี่สิบสี่ ก็สามารถมองฮ่องเต้ออกทะลุปรุโปร่ง หากเยี่ยนอ๋องเป็นได้สักครึ่งหนึ่งของคุณชาย คงไม่ต้องมาตายจากไปอย่างอยุติธรรม
ในขณะที่ความคิดของลุงวั่นกำลังล่องลอย เยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปให้ความสนใจกับสิ่งอื่นแล้ว
“ผูกดวงชะตาเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
ลุงวั่นกล่าวว่า “ผูกแล้วขอรับ วันเวลาเกิดของคุณชายกับแม่นางอวี๋ สวรรค์ส่งมาให้เป็นคู่กัน”
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยอย่างเชื่อมั่น “เป็นเรื่องธรรมดา! คนที่คุณชายผู้นี้เลือก จะผิดพลาดได้อย่างไร?”
มุมปากของลุงวั่นกระตุก
เยี่ยนจิ่วเฉาเห็นว่าเขายังคงยืนนิ่งไม่ไปไหน จึงเอ่ยว่า “ยังมีเรื่องอันใดอีก?”
ลุงวั่นลังเลอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “ใบบันทึกวันเดือนปีเกิดของบ่าวสาวได้ผูกดวงแล้ว ต่อไปเป็นพิธีน่าเจิง[1]”
พิธีน่าเจิง หรือเรียกอีกอย่างว่าเซี่ยผิ้น จะต้องผ่านพิธีใหญ่ จะผ่านอย่างไร และผ่านโดยใครบ้าง มีความละเอียดพิถีพิถันมาก ส่วนใหญ่เป็นสตรีของครอบครัวฝ่ายชายหรือเฉวียนฝู[2] ทว่าจวนคุณชายเต็มไปด้วยเหล่าบุรุษ จะไปหาสตรีของครอบครัวมาจากที่ใด? จะให้ไหน่มามากับฝางมามาทำแทนก็ไม่ได้ ดูจะไม่ให้เกียรติแม่นางอวี๋เกินไป
แต่สกุลเยี่ยนก็มีนางข้าหลวงระดับสูง ทว่าอยู่ห่างไกลยิ่งนัก กว่าพวกนางจะมาถึง จำฉ่ายก็คงเย็นหมดแล้ว
“เจตนาของพระชายาคือ…” ลุงวั่นกระแอมในลำคอ
“เจตนาของนาง?” เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองลุงวั่นเล็กน้อย
ลุงวั่นกลั้นใจเอ่ย “เมื่อบ่ายฟางมามาได้มาที่นี่ และถามเรื่องพิธีน่าเจิง พระชายาบอกว่า นางตระเตรียมพิธีน่าเจิงไว้แล้ว และจะให้ฮูหยินเหยาไปผ่านพิธี”
ฮูหยินเหยาเป็นคนสนิทของซั่งกวนเยี่ยนก่อนที่นางจะออกเรือน นางเป็นหนึ่งในสตรีเพียงไม่กี่คน ที่ไม่เยาะเย้ยเสียดสีซั่งกวนเยี่ยน ยามที่ซั่งกวนเยี่ยนแต่งเข้าสกุลเซียวไม่นาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ฮูหยินเหยาก็ไปเยี่ยมและคอยปลอบนางอยู่เสมอ เป็นเวลาหลายปีที่ทั้งสองไปมาหาสู่กัน
เยี่ยนจิ่วเฉาครุ่นคิด “บนหน้าผากของนางมีไฝแดงใช่หรือไม่?”
ลุงวั่นยิ้ม “ใช่ขอรับ ผู้คนต่างบอกว่านั่นคือเจ้าแม่กวนอิม เต็มไปด้วยความโชคดี คุณชายก็ยังจำนางได้หรือนี่”
ก่อนสามขวบ เยี่ยนจิ่วเฉาเคยอยู่ในเมืองหลวงมาก่อน หลังจากนั้นจึงย้ายไปที่เมืองเยี่ยน ตอนที่อายุได้หกหรือเจ็ดขวบ ครอบครัวฮูหยินเหยาได้ไปที่เมืองเยี่ยน
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ “ใหญ่ปานนั้น คุณชายผู้นี้ต้องจำได้อยู่แล้ว”
ในความทรงจำของเขา ฮูหยินเหยาเป็นสตรีที่จิตใจดี สามีของนางซื่อสัตย์และจริงใจ บุตรที่คลอดออกมาก็มิได้สร้างความเดือดร้อน พวกเขาอาศัยอยู่ในตำหนักเยี่ยนอ๋องเป็นเวลาครึ่งปี ทว่าเยี่ยนจิ่วเฉาก็ไม่รู้สึกว่าตนเองถูกรบกวน หลังจากนายท่านเหยาทำธุระเสร็จ พวกเขาก็กลับไปเมืองหลวง
“คุณชายไม่พอใจฮูหยินเหยาหรือไม่พอใจพระชายาผู้ตระเตรียม” ไม่จำเป็นต้องตอบก็รู้ว่าเป็นอย่างหลัง โชคดีที่ลุงวั่นคิดหาข้อแก้ตัวไว้ก่อนแล้ว จึงใช้วาจาเกลี้ยกล่อม “ความตั้งใจของพระชายา คุณชายมิต้องซาบซึ้งก็ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร พระชายาก็เป็นมารดาของคุณชาย พระชายาหาคนไปทำพิธีเซี่ยผิ้น ผู้ใดรู้ก็เป็นหน้าเป็นตาแก่แม่นางอวี๋ มิเช่นนั้น ต่อไปในภายภาคหน้า อาจมีคนบอกว่าพระชายาจงเกลียดจงชังลูกสะใภ้ผู้นี้ได้”
เยี่ยนจิ่วเฉาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ใช้คนของนาง ทว่าเรื่องสินสอดนางไม่จำเป็นต้องเตรียม ข้าจะทำเอง”
นั่นละ เรื่องใดก็ตามที่ยกแม่นางอวี๋ขึ้นมาก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
ลุงวั่นออกไปจากห้องหนังสือไปด้วยรอยยิ้มสดใส และสั่งให้คนส่งข่าวไปบอกซั่งกวนเยี่ยน
แม้จะบอกว่าซั่งกวนเยี่ยนไม่จำเป็นต้องตระเตรียมสิ่งใด ทว่าเมื่อถึงวันพิธีเซี่ยผิ้นจริงๆ ซั่งกวนเยี่ยนก็ให้คนนำของขวัญแต่งงานสามสิบสองชิ้นไปส่ง รวมกับจวนคุณชายเป็นร้อยกว่าชิ้น ขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ออกเดินทางสู่หมู่บ้านเหลียนฮวา เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วพื้นที่ละแวกนั้น
นี่ยังนับว่าออกจากเมืองก่อนรุ่งสาง มิเช่นนั้นทั่วทั้งเมืองหลวงคงแตกตื่น
ทั้งบ้านสกุลอวี๋และบ้านเก่ามีพื้นที่วางของไม่พอ โชคดีที่หอพักและโรงงานสร้างเสร็จแล้ว ของขวัญแต่งงานจึงถูกหามไปเก็บที่โกดังขนาดใหญ่ เหล่าชาวบ้านชะเง้อคอดู ของขวัญมากมายขนาดนี้ ชั่วชีวิตก็ไม่อาจได้เห็น!
“คนบ้านใดถูกมาสู่ขอละนั่น?” หญิงชาวนาจากหมู่บ้านภายนอกถาม
ป้าไป๋กล่าวด้วยความรู้สึกเป็นเกียรติ “อาหวั่นไง! หญิงสกุลอวี๋!”
“นั่นมัน…บ้านคนขาเป๋มิใช่หรือ?” หญิงชาวนาถาม
ป้าไป๋ถลึงตาใส่ “ตอนนี้เขาไม่ได้เป๋แล้ว!”
หญิงชาวนาตกใจเสียงคำรามราวกับสิงโต “ไม่…ไม่เป๋…ก็ไม่เป๋สิ…เจ้า เจ้า เจ้า…จะดุไปไย?”
ขาของลุงใหญ่ดีขึ้นมากจนไม่ต้องใช้ไม้เท้าอีกต่อไป เขาหยิบหนังสือแสดงสินสอดออกมา ยืนที่หน้าประตูโกดัง และสั่งการคนที่ทำหน้าที่แบกของขวัญ “…อันนี้วางไว้ที่นี่ ใช่ ตรงนี้ละ!”
อวี๋ซงมองสินสอดที่วางเรียงรายเป็นแถวและเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าตอนนี้ข้ายังมีโอกาสอยู่หรือไม่?”
อวี๋เฟิงตบไหล่เขา “ตื่นเถิด ฟ้าสางแล้ว”
ในห้องของบ้านอวี๋หวั่น ฮูหยินเหยาได้ส่งหนังสือหมั้นหมายให้อวี๋เซ่าชิงและภรรยา
เมื่อถึงจุดนี้ ก็นับว่าการแต่งงานของทั้งสองถูกกำหนดไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ในตอนแรก อวี๋หวั่นและจ้าวเหิงก็มาถึงจุดนี้เช่นกัน อีกเพียงหนึ่งวัน พวกเขาก็จะเข้าพิธีแต่งงาน ทว่าขั้นตอนสุดท้ายนั้น สี่ปีผ่านไปก็ยังไม่เกิดขึ้น
ฮูหยินเหยาเอ่ยด้วยท่าทีอ่อนโยน “ฤกษ์งามยามดีมีสามวัน ก็คือวันที่สิบหก ยี่สิบสองและยี่สิบแปดของเดือนนี้”
อวี๋เซ่าชิงใบหน้ามืดหม่น “เดือนนี้มีวันมงคล เยอะถึงเพียงนี้เลยหรือ?”
ฮูหยินเหยาตอบว่า “ใช่ ใช่สิ”
ฮูหยินเหยากล่าวอีกครั้ง “ไม่ทราบว่านายท่านอวี๋กับฮูหยินอวี๋…”
แน่นอน อวี๋เซ่าชิงหวังว่ารักษาบุตรสาวไว้ได้นานเพียงใดก็ยิ่งดี ไหนเลยจะรู้ว่ายังไม่ทันพูดอะไร อวี๋หวั่นที่อยู่ในห้องก็กระแอมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “สิบหก”
อวี๋เซ่าชิง “…!”
ไยจึงอยากแต่งงานมากเพียงนี้?!
…………………………………………
[1] พิธีน่าเจิง คือ พิธีที่ฝ่ายชายต้องนำหนังสือหมั้นหมาย และหนังสือแสดงสินสอดไปส่งที่บ้านฝ่ายหญิง
[2] เฉวียนฝู คือ ผู้ที่มีครอบครัวสมบูรณ์และมีลูกหลานเต็มบ้าน