ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 651 เงื่อนไขที่ไม่สมเหตุสมผล

ตอนที่ 651 เงื่อนไขที่ไม่สมเหตุสมผล  

 

 

ที่จริงแล้วหลี่ว์ซู่คิดจะหลอกเบ็นเนตต์ต่อไปเพื่อผลประโยชน์ทางการเงิน แต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น เพราะว่าเบ็นเนตต์เป็นคนฉลาดกว่าคนโง่ธรรมดาๆ ทั่วไป แต่หลี่ว์ซู่เองก็ไม่แน่ใจว่าจะรับมือกับผู้มีพลังระดับ B สองคนได้หรือเปล่า…  

 

 

ในตอนนี้หลี่ว์ซู่สามารถออกไปจากที่นี่ได้แล้วเพราะเป้าหมายของเขาสำเร็จเรียบร้อย  

 

 

เอาจริงๆ แล้วการทำตัวให้เหมือนฮาเวิร์ดนั้นไม่ง่ายเลยสำหรับหลี่ว์ซู่ ถึงความสูงของทั้งคู่จะอยู่ในช่วงร้อยแปดสิบเซนติเมตร แต่รูปร่างของฮาเวิร์ดนั้นติดจะหนากว่าเขา อย่างไรก็ตามเขาสามารถปกปิดร่างกายไว้ด้วยชุดสูทได้  

 

 

และชุดสูทนี้ก็ได้มาจากจ้าวหย่งเฉินนั่นแหละ  

 

 

ก่อนที่กลุ่มของเซี่ยเหรินเซิงจะมาถึงในแอฟริกา จ้าวหย่งเฉินก็ได้กล่องใส่เสื้อผ้าขนาดใหญ่มา เขาคิดตั้งนานว่ากล่องนี้ทำไมถึงถูกส่งมาให้เขา เพราะราชันฟ้าเนี่ยไม่น่าจะใจดีส่งเสื้อผ้าอุ่นๆ มาให้เขาโดยไม่มีเหตุผลแน่ อีกอย่างขนาดของเสื้อผ้าพวกนี้ไม่ใช่ขนาดของเขาด้วย จนหลี่ว์ซู่มาปรากฏตัวนี่แหละ เขาถึงเข้าใจในตอนท้าย  

 

 

เครือข่ายฟ้าดินนั้นเห็นความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยให้จ้าวหย่งเฉินมากเพราะเขาเป็นหัวหน้าหน่วยสืบข่าวกรองลับในแอฟริกา ดังนั้นการติดต่อกับเขาจึงเป็นการสื่อสารทางเดียว เขาสามารถติดต่อหาคนอื่นได้ แต่จะไม่มีใครสืบสาวย้อนกลับไปหาเขาได้เลย  

 

 

กระนั้นเรื่องนี้ก็ถูกปรับเปลี่ยนไปเพื่อหลี่ว์ซู่เหมือนกัน หลี่ว์ซู่สามารถหาจ้าวหย่งเฉินเจอได้ กลับกัน จ้าวหย่งเฉินไม่สามารถหาตัวเขาเจอได้ ราวกับว่ามีคนตำแหน่งสูงกว่าหน่วยสืบข่าวกรองและเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องทำตาม ตอนนี้พวกเขาต้องฟังคำสั่งหลี่ว์ซู่แบบไม่มีเงื่อนไขแล้ว  

 

 

และเรื่องที่หลี่ว์ซู่มีหน้ากากไว้ครอบครองนั้นถือเป็นเรื่องลับสุดยอดที่เจ้าหน้าที่ระดับต่ำกว่าจ้าวหย่งเฉินจะรู้ไม่ได้เด็ดขาด  

 

 

จ้าวหย่งเฉินตกใจมากเมื่อรู้ว่าหลี่ว์ซู่ทำอะไรลงไปบ้าง หลี่ว์ซู่เป็นตัวปัญหาที่กล้าหาญ ฉลาดเฉลียว และมีความคิดสร้างสรรค์จริงๆ …  

 

 

จากบุคลิกของจ้าวหย่งเฉินแล้ว เขาคงจะคิดแผนการอย่างเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้นถ้าเขาอยากจะสร้างความขัดแย้งระหว่างองค์กรใหญ่ๆ แต่สิ่งที่หลี่ว์ซู่ทำไปนั้นเป็น เขาทำไปตามธรรมชาติโดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน แล้วที่ยิ่งกว่านั้น จ้าวหย่งเฉินไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมหลี่ว์ซู่ถึงต้องบุกไปสำนักงานใหญ่ของ EO ด้วยหน้าตาของฮาเวิร์ดด้วย…  

 

 

ในขณะนี้ ข่าวแพร่กระจายออกไปว่า EO ได้ประกาศตัวเป็นพันธมิตรกับกลุ่มฟีนิกซ์แล้วอย่างเปิดเผย นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่ากรรมสิทธิ์แร่นั้นจะถูกโอนไปให้กลุ่มฟีนิกซ์อย่างไม่มีเงื่อนไข และเบ็นเนตต์จะเข้ามาเป็นสมาชิกสภาในกลุ่มฟีนิกซ์…  

 

 

จ้าวหย่งเฉินได้ยินอย่างนั้นก็ชะงักไป เกิดอะไรขึ้นเนี่ย หลี่ว์ซู่ไปผูกพันธมิตรกับ EO แทนฮาเวิร์ดเองเลยเหรอ แต่กลุ่มฟีนิกซ์รู้เรื่องนี้กันหรือยังนะ…  

 

 

กลายเป็นว่ากลุ่มฟีนิกซ์ถูกบังคับให้ร่วมมือเป็นพันธมิตรเสียแล้ว!  

 

 

ในระหว่างนั้นฟรานเชสโก้ก็ได้รับข้อความระหว่างที่เขายังอยู่กับฮาเวิร์ด อะไรกัน ก็เมื่อกี้พวกเขาสองคนเพิ่งตกลงกันจะกำจัดฮาเวิร์ดออกไปก่อนไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมกลุ่มฟีนิกซ์ถึงไปเป็นพันธมิตรกับ EO แบบลับๆ ล่ะ  

 

 

ส่วนฮาเวิร์ดเองยิ่งงงหนัก เบ็นเนตต์ทำอะไรของมันนะ กลุ่มฟีนิกซ์ไปเป็นพันธมิตรด้วยตอนไหน  

 

 

ทันใดนั้น ฟรานเชสโก้ก็หันมาแฮ่ใส่เขา “ไอ้ชั่วเอ๊ย!”  

 

 

ฮาเวิร์ด “…”  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฟรานเชสโก้ รุสโซ่ +999!]  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]  

 

 

ข่าวนี้ปล่อยมาเร็วเกินไป และกลุ่ม EO ก็ไม่ได้ออกมาบอกด้วยว่าไปเป็นพันธมิตรกันอย่างไร  

 

 

เบ็นเนตต์นั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะตีสนิทกับคนมีอำนาจ ในขณะที่เขาตกอยู่ใต้การกดดันอันยิ่งใหญ่ของฝ่ายศรัทธาอยู่นั้น เขาคิดว่าข้อเสนอของฮาเวิร์ดตัวปลอมค่อนข้างดึงดูดใจใช้ได้เลย เพราะอย่างนั้นเขาเลยรีบปล่อยข่าวออกไปก่อนที่กลุ่มฟีนิกซ์จะเปลี่ยนใจ  

 

 

ฟรานเชสโก้เดินออกไปพร้อมกับคนของเขาด้วยหน้าตาบูดบึ้ง เขาต้องจัดการเหตุฉุกเฉินนี้แล้ว ในขณะเดียวกันฮาเวิร์ดก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น  

 

 

อย่างไรก็ตามตัดเรื่องปัญหาในจิตใจของเบ็นเนตต์ไว้ก่อน ดูเหมือนเรื่องทุกอย่างนี้จะเป็นผลดีต่อกลุ่มฟีนิกซ์ เพราะฉะนั้นพวกเขางจะไม่ปฏิเสธข้อเสนอกรรมสิทธิ์แร่นั่นหรอก แถมพวกเขายังได้ยอดฝีมือจาก EO มาร่วมกลุ่มด้วย  

 

 

และถ้ามีระดับ B สองคน พวกเขาก็จะควบคุมทวีปแอฟริกาได้อย่างสมบูรณ์ เขามั่นใจว่าผู้มีพลังระดับ A จากฝ่ายศรัทธาจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ที่สุดแล้วการที่เขาหลบเลี่ยงปรมาจารย์หุ่นเชิดก็บอกได้แล้วว่าเขาแข็งแกร่งไม่มากพอ  

 

 

แล้วเรื่องตำแหน่งสมาชิกสภานั่นมันอะไรกัน ฮาเวิร์ดหัวเราะออกมาอย่างเยียบเย็น ตำแหน่งนั้นไม่มีความสำคัญอะไรอยู่แล้ว  

 

 

ฮาเวิร์ดเลยก็ว่าจะเนียนไปตามนั้น ในอนาคตฝ่ายศรัทธาจะไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องกรรมสิทธิ์แร่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่มฟีนิกซ์ตามกฎหมาย  

 

 

แน่นอนแหละว่าอาจจะมีการแข่งขันกันเรื่องแร่อยู่ แม้ว่าจะไม่ค่อยถูกต้องนักก็ตามเถอะ…  

 

 

กลุ่มฟีนิกซ์มีทั้งตำแหน่งในการซื้อขายแร่และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งนั้นจะทำให้กลุ่มสามารถกลืนกิน EO ไปได้ไม่ช้าก็เร็ว ทั้งหมดนี่ฟังดูเหมาะเจาะไปเลย!  

 

 

แต่แล้วฮาเวิร์ดก็ได้ยินว่า EO มาที่วิลล่าเพื่อที่จะขอรับทรัพยากรตามที่ตกลงกันไว้กับลุ่มฟีนิกซ์เมื่อก่อนหน้านี้  

 

 

เขาเอ่ยถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ “ทรัพยากรอะไรกัน”  

 

 

ลูกน้องของเขาเองก็งงไม่แพ้กัน “เบ็นเนตต์บอกว่าท่านรู้เงื่อนไขอยู่แล้วครับ ท่านทั้งสองคนได้ตกลงกันแล้ว”  

 

 

แต่ฮาเวิร์ดนึกอะไรไม่ออกเลย เขาเลยบอกไป “งั้นไปถามเงื่อนไขจากเขามา”  

 

 

ผ่านไปสักครู่ลูกน้องของเขาก็กลับมา “ศิลาวิญญาณสามหมื่นเม็ด อาวุธวิเศษอีกสิบชิ้น และผลไม้ปะทุพลังสิบผล…”  

 

 

“บ้าไปแล้วเรอะ!” ฮาเวิร์ดดระเบิดออกมาในทันที  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]  

 

 

“ท่านไม่รู้เรื่องนี้หรือครับ” ผู้ชายคนนั้นถามอย่างระวัง  

 

 

ฮาเวิร์ดโกรธจัด “ก็แน่สิว่าไม่รู้!”  

 

 

ใครเขาจะไปตกลงเงื่อนไขที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนั้นกัน เบ็นเนตต์บ้าไปแล้วแน่ๆ!  

 

 

“งั้นพวกเราจะตอบพวก EO ยังไงดีครับ” ลูกน้องคนนั้นถาม  

 

 

“ไปบอกพวกมันว่าเราไม่ทำตามเงื่อนไขนี้หรอก เลิกฝันกลางวันได้แล้ว” ฮาเวิร์ดตอบอย่างร้อนใจ  

 

 

แล้วลูกน้องเขาก็รับคำตามนั้นด้วยความนอบน้อม แต่แล้วสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อเขาต้องกลับมารายงานกับฮาเวิร์ด “ท่านครับ เบ็นเนตต์บอกว่า…”  

 

 

ฮาเวิร์ดรำคาญที่ลูกน้องอ้ำๆ อึ้งๆ “บอกว่าอะไร มันพูดยังไงก็บอกมาแบบนั้น!”  

 

 

ลูกน้องนิ่งเพื่อคิดคำพูดก่อนจะตอบกลับ “เขาบอกว่าท่านหน้าด้านมากที่ปฏิเสธสิ่งที่ตกลงกันไปแล้ว เขายังบอกอีกว่าท่านเป็นลูกไอ้อมนุษย์ ขอให้ลูกชายของท่านพิการ ขอให้ภรรยาของท่านนอกใจ และเขาอยากจะเป็นพ่อเลี้ยงของท่านด้วยครับ…”  

 

 

ฮาเวิร์ด “…”  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]  

 

 

ฮาเวิร์ดอยากไปฆ่าเบ็นเนตต์เดี๋ยวนี้เลย ถึงแม้ว่าลูกน้องของเขาจะปรับคำพูดมาแล้ว แต่เขาก็นึกออกว่าจริงๆ แล้วเบ็นเนตต์มันพูดว่าอะไร!  

 

 

แต่เดี๋ยวก่อนนะ! ฮาเวิร์ดเริ่มสังเกตแล้วว่ามีอะไรผิดปกติ เบ็นเนตต์คงไม่โกรธจัดแบบนี้แน่ถ้าเขาปฏิเสธเงื่อนไขโง่ๆ ที่ตั้งขึ้นมาเองแบบนี้ไป แต่นี่ดูเหมือนเขาจะรู้สึกโดนหักหลังจริงๆ …  

 

 

“ไปถามเขาเรื่องเวลาที่อยากได้และเรื่องรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรมา!” ฮาเวิร์ดสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน เขารู้สึกว่าเขาก้าวเข้าใกล้ความจริงของเรื่องตลกนี้ไปอีกขั้นแล้ว!  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset