ตอนที่ 570 กัสสปะหนุ่ม
หลี่อีเสี้ยวใช้เวลามากกว่าสิบปีในการท่องเที่ยวไปทั่วทุกมุมโลก เขาเติบโตขึ้นจากเด็กหนุ่มไร้เดียงสาและกลายมาเป็นราชันฟ้าที่มากด้วยประสบการณ์ ไม่มีใครรู้จริงๆ หรอกว่าเขาเคยผ่านอะไรมาบ้าง ทั้งความรัก ความเกลียดชัง ความซื่อสัตย์ และความหลอกลวง
ตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะเป็นพ่อคน เขาก็เลยพยายามเลี่ยงตอบคำถามจากน่าหลานเชวี่ย
สมัยก่อนเขาเคยเป็นพนักงานขายของในบริษัทขายยาปลอมแห่งหนึ่ง ด้วยความจำเป็นต้องกินต้องอยู่เลยทำให้เขาไม่สนใจว่าบริษัทนั้นจะไร้ศีลธรรมเพียงใด ทว่าสุดท้ายก็โดนไล่ออกเพราะความเห็นแก่กินของเขา
เพราะเขาผ่านความยากลำบากมานาน หลี่อีเสี้ยวเลยอยากทำให้มั่นใจจริงๆ ว่าชีวิตใหม่ของเขานั้นจะมีความพร้อมอย่างเต็มที่
หวังไว้ว่าสักวันหนึ่งเขาคงจะกลับไปที่หลุมศพของอาจารย์และบอกเขาได้อย่างภาคภูมิใจว่า… เดี๋ยวก่อนนะ ว่าแต่ตอนนี้หลุมศพของอาจารย์เขายู่ไหนแล้ว!?
ขณะที่หลี่อีเสี้ยวนึกถึงความทรงจำของตัวเองอยู่นั้น หลี่ว์ซู่ก็กลับถึงบ้านเรียบร้อยและกำลังร้องเพลงดาวดวงน้อยอยู่ ตอนนี้เขาและไห่กงจื่อกำลังอยู่ในช่วงสงบศึก ไว้หลังจากนี้พวกเขาได้สู้กันต่ออย่างดุเดือดแน่ล่ะ
ทำไมคนอย่างหลี่ว์ซู่จะปราบจิตวิญญาณกระบี่ที่เนี่ยถิงส่งมาไม่ได้กัน!
พอพ้นเที่ยงคืนไปแล้ว หลี่ว์ซู่ก็ไปที่สวนเพื่อฝึกกระบี่ ซึ่งตอนนี้เขาเปลี่ยนมาใช้กระบี่เฉิงอิ่งแทนกระบี่ไม้
จะว่าไปแล้วกระบี่นี้ก็สามารถใช้เป็นอาวุธประจำของเขาจริงๆ ได้ในอนาคต ช่วงนี้เขาเลยจะต้องฝึกใช้ให้ชินในการฝึกฝนประจำวัน พอฝึกอย่างหนักหน่วงไปสักพัก ร่างกายของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แล้วทันใดนั้นไห่กงจื่อก็โผล่ออกมา เขาเอ่ยอย่างเย็นชากับหลี่ว์ซู่ ชุดที่สวมใส่ปลิวไสว “ข้าไม่คิดเลย ถึงจะมีความสามารถแค่พื้นฐานแต่เจ้าก็ตั้งใจฝึกเช่นนี้ น่าประทับใจ แต่การฝึกกระบี่ของเจ้าน่ะไม่ใกล้เคียงกับคำว่าสง่างามเลยสักนิด ข้าสอนให้เจ้าได้นะ หากเจ้ายอมขอร้องกันดีๆ อย่างจริงใจ”
แหม ได้กลิ่นความหยิ่งยโสลอยมาชัดเจนเชียว หลี่ว์ซู่กลอกตาแล้วเอามันฝรั่งอีกลูกหนึ่งออกมาจากตราแผ่นดิน เขาเป็นใครถึงจะมาสอนหลี่ว์ซู่ได้ล่ะ แถมยังคิดว่าหลี่ว์ซู่จะไปคุกเข่าขอร้องด้วยเนี่ยนะ ตลกละ!
“งั้นถ้าคุณลองขอร้องผมดีๆ ด้วยความจริงใจ ผมอาจจะหยุดใช้กระบี่เฉิงอิ่งทำอะไรแบบนี้ก็ได้นะ” หลี่ว์ซู่แยกเขี้ยวยิ้ม
[ได้แต้มอารมณ์จากไห่กงจื่อ +399!]
ไห่กงจื่อรีบกลับเข้าไปในกระบี่ทันทีก่อนที่หลี่ว์ซู่จะปอกมันฝรั่งเสร็จ
การต่อสู้นี้ยังไม่จบง่ายๆ หรอก หลี่ว์ซู่คิดว่าการที่ไห่กงจื่อออกมาพูดแบบนั้นก็คือสาสน์ท้ารบดีๆ นี่เอง หลี่ว์ซู่ก็เลยตั้งใจเรียกไห่กงจื่อออกมาด้วยหยดเลือดเพื่อเริ่มการต่อสู้นี้อีกครั้ง จากนั้นก็ปอกเปลือกมันฝรั่งต่อหน้าไห่กงจื่อ…
หลี่ว์ซู่เริ่มซีดเซียวลง ขณะเดียวกันก็โกรธมากขึ้น วิญญาณกระบี่ของคนอื่นๆ มีแต่เชื่อฟังเจ้าของกันทั้งนั้น ทำไมเจ้านี่ถึงได้น่ารำคาญแบบนี้นะ
ไม่สิ นี่น่ะเป็นความผิดของเนี่ยถิง!
…
ชีวิตการเรียนของหลี่ว์ซู่เริ่มสงบสุขขึ้น และการสอบไล่ประจำเทอมก็ใกล้เข้ามาแล้ว สำหรับปีสุดท้ายของม.ปลาย แม้แต่พวกที่ไม่ค่อยสนใจจะเรียนก็กลับตั้งใจอ่านหนังสือสอบในการสอบไล่ในครั้งนี้
หลี่ว์ซู่เองก็ปลีกตัวออกมาจากคนอื่นๆ เหมือนกัน เขาไม่อยากสุงสิงกับใครและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ยุ่งกับเขา
เขานั่งอ่านทบทวนหัวข้อวิชาอยู่คนเดียว คนอย่างหลี่ว์ซู่น่ะจะไม่ทิ้งโอกาสงามๆ ไปแน่ ถึงแม้จะไม่ได้เข้าวิทยาลัยลั่วเฉิงก็ยังมีวิทยาลัยธรรมดาๆ อยู่นี่ และตอนที่สู้กับทาคาชิมะ ถึงเขาจะขยับตัวไม่ได้แต่เขาก็ยังขุดภูเขาแห่งพลังสำเร็จด้วยความตั้งใจ ถึงจะตกเหวลงไปเขาก็จะปีนก้อนหินขึ้นมาจากหุบเหวลึกนั้นด้วยมือของเขาเอง
จริงๆ แล้วหลี่ว์ซู่เป็นคนมองโลกในแง่ดี เขาไม่ยอมแพ้กับความยากลำบากใดๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
บางครั้งพวกนักเรียนก็จะจับกลุ่มคุยกันเรื่องตลาดมืดในเมืองลั่วและพวกผู้บำเพ็ญลับ มีนักเรียนคนหนึ่งที่เรียนไม่ค่อยเก่งพูดบางอย่างออกมาด้วยความลำเอียง “ฉันเพิ่งรู้เมื่อวานนี้เองว่าเพื่อนพ่อจริงๆ แล้วเป็นผู้บำเพ็ญลับ เขาบอกว่าความสามารถน่ะไม่จำเป็นหรอก เพราะผู้บำเพ็ญลับที่ไม่ผ่านการทดสอบในการฝึกฝนของเครือข่ายฟ้าดินก็ยังฝึกด้วยตัวเองได้ ถึงจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าก็ตาม แต่ว่านั่นก็ไม่ได้การันตีหรอกนะว่าพวกเขาจะฝึกไม่สำเร็จกัน ยิ่งกว่านั้นพวกเขาสามารถใช้พวกทรัพยากรฝึกฝนเพื่อทดแทนความสามารถที่ขาดหายไปได้ด้วย”
หลี่ว์ซู่บังเอิญไปได้ยินบทสนทนานี้เข้าโดยเขานั่งห่างไปไม่ไกลมาก เขาเห็นด้วยกับความคิดของคนคนนี้ในระดับหนึ่ง ในขณะนี้เขาเรียนรู้แล้วว่าความสามารถไม่ใช่สิ่งเดียวที่สำคัญหรอก และหลายๆ คนในเครือข่ายฟ้าดินก็รู้กันว่าระบบที่มีหกระดับน่ะเป็นเพียงสิ่งที่คนสร้างขึ้นมากันเอง
คนที่ไม่มีพรสวรรค์ยังอยู่รอดในโลกแห่งผู้บำเพ็ญได้ ทว่ากว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมาได้ก็กินเวลามาก เครือข่ายฟ้าดินจึงมองว่าไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนด้วย
แต่ลุงที่เด็กนักเรียนคนนั้นรู้จักก็เรียกได้ว่าขี้โม้ไปหน่อย เพราะทรัพยากรบำเพ็ญนั้นไม่ได้หามาได้ง่ายๆ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะยอมดั้นด้นไปต่างประเทศเพื่อหาศิลาวิญญาณมาขายเอากำไรในประเทศจีน เพราะต้องจ่ายต้นทุนให้กับการลงทุนนี้ไปมาก กว่าจะได้ทรัพยากรในการบำเพ็ญเพียรมา
เด็กนักเรียนคนนั้นยิ้มแล้วพูดต่อ “ตอนแรกพ่อฉันอยากให้ไปเข้ากองทหาร เพราะเกรดห่วยๆ แบบนี้เรียนต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้อยู่ดี แต่ตอนนี้พ่อเปลี่ยนใจละ เขาอยากให้ฉันเจริญรอยตามลุงคนนั้นแล้วไปเป็นผู้บำเพ็ญลับแทน!”
พอได้ยินแบบนั้นเพื่อนๆ ก็ชื่นชมยินดีในความโชคดีของนักเรียนคนนั้น “จริงจังเปล่าเนี่ย เราไปขอลุงของนายให้ช่วยสอนพวกเราด้วยได้ไหม”
ตอนนี้หลี่ว์ซู่เข้าใจแล้วว่าลุงคนนั้นคงจะมีวิธีบำเพ็ญเพียรที่น่ารังเกียจอยู่เหมือนกัน ถึงแบบนั้นก็ยังดีกว่าพวกมนุษย์ที่มีพลังพิเศษแบบจริงๆ พวกนั้นอยู่ดี
แต่เรื่องแบบนี้มันสอนกันได้ด้วยเหรอ หลี่ว์ซู่เริ่มคิดแล้วว่าเป้าหมายของการที่เครือข่ายฟ้าดินไม่อยากเข้าไปยุ่งกับพวกผู้บำเพ็ญลับพวกนั้นเป็นเพราะอะไร อาจเป็นเพราะพวกเขาหวังให้มีการเติบโตของการบำเพ็ญที่นอกเหนือจากรัฐสนับสนุน จากนั้นพวกเขาจะได้ใช้ประโยชน์ในช่วงที่มีสงครามก็ได้ แต่นี่เป็นเพียงความคิดของหลี่ว์ซู่ที่อาจจะไม่ถูกตามนั้นก็ได้ เพราะอย่างไรแล้วเครือข่ายฟ้าดินก็ยังมีอำนาจควบคุมทุกอย่างอยู่
นักเรียนคนนั้นรู้ตัวว่าตัวเองซวยแล้ว แต่ก็ยังพูดแก้สถานการณ์เพื่อรักษาหน้าตัวเองไว้ก่อน “ฮ่าๆ งั้นเดี๋ยวไปถามลุงให้นะ เดี๋ยวจะพาไปเจอถ้าเขาอยากสอนพวกนาย”
“เขาแข็งแกร่งมากมั้ย” เด็กคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย
“อย่าพูดแบบนั้น” นักเรียนคนนั้นทำหน้าเหนือกว่า “ลุงของฉันน่ะดังมากเลยนะที่ตลาดมืดบนถนนหมายเลข 301 น่ะ เขาทำงานให้กับองค์ท่านแล้วก็ท่านที่เคารพด้วย!”
เพื่อนๆ ของเขาต่างอึ้งกันไปหมด เพราะไม่นานมานี้มีโพสต์ใหม่ในกระทู้ของมูลนิธิเกี่ยวกับเรื่องตลาดมืด หลายๆ คนรู้ว่าท่านที่เป็นที่พูดถึงนี้ แท้จริงแล้วคือราชันฟ้าหลี่อีเสี้ยว คงจะเท่มากถ้ามีลุงที่ทำงานให้ราชันฟ้าอยู่ด้วย แต่ตัวจริงของท่านที่เคารพเป็นใครกันนะ
“ลุงของนายเคยเจอท่านที่เคารพไหม ฉันเคยอ่านเจอในบอร์ดกระทู้ของมูลนิธิว่าการต่อสู้ด้วยกระบี่ของท่านที่เคารพน่ะไม่มีใครเทียบติดเลย แถมเขายังหนุ่มอยู่ด้วย จริงหรือเปล่า” เด็กอีกคนถาม
“ฮ่าๆ ถามได้ดีนะ ลุงฉันเคยเห็นท่านที่เคารพด้วยสองตาของตัวเองมาแล้ว ตอนแรกท่านที่เคารพใส่หน้ากากเข้ามาด้วยล่ะ แต่หน้าจริงๆ ของเขาน่ะเด็กกว่ามาก ลุงยังบอกอีกว่าเขาน่าจะรุ่นๆ เดียวกับเรานี่แหละ”
“จริงอะ! ล้อกันเล่นหรือเปล่า! อายุเท่าๆ เราแต่แข็งแกร่งเทียบเท่าราชันฟ้าหลี่เลยเนี่ยนะ น่าสนใจชะมัด”