อัตชีวประวัติของหลี่ว์ซู่
บอกตามตรง หลี่ว์ซู่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าจิตวิญญาณที่เพิ่งเกิดใหม่นี้จะซุกซนได้ถึงขนาดนี้ แม้แต่ทาคาชิมะเองก็ยังเดาแผนการอันแยบยลนี้ไม่ออก…
แต่จิตวิญญาณกระบี่น่าจะต้องดุดันกว่านี้ไม่ใช่เหรอ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมไปตบหน้าศัตรูแบบนั้นได้…
แต่ด้วยเหตุนี้ ทาคาชิมะเลยถูกเจ้าจิตวิญญาณทำให้ไขว้เขวไปแวบหนึ่งทำให้เขาพ่ายแพ้ในที่สุด นอกจากนี้พลังของทาคาชิมะเองก็ยังไม่กลับมาสมบูรณ์ดีด้วยหลังจากโดนคอรัลฟาดไป ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ว์ซู่ก็ได้ใช้ทักษะพลังกระบี่ของเขาโจมตีทะลวงเกราะกำบังโลหิตอย่างที่ทาคาชิมะคาดไม่ถึงด้วย
คราวนี้ทั้งหลี่ว์ซู่และคอรัลควรได้ความดีความชอบในการฆ่าทาคาชิมะ และในระหว่างการต่อสู้ หลี่ว์ซู่ยังได้ปลดปล่อยพลังอันน่าเหลือเชื่อที่เหนือกว่าผู้บำเพ็ญระดับ B ทั้งหลายขณะที่เปิดจุดชี่ไห่อีกต่างหาก
หลี่ว์ซู่มองดูจิตวิญญาณกระบี่ลอยกลับเข้าไปในซือโก่วหลังจากที่พวกมันตบหน้าทาคาชิมะได้สำเร็จ โอ้โห! ร้ายนักนะพวก…
แล้วจู่ๆ หัวใจของหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกหนักอึ้ง ดูเหมือนว่าท่วงท่าวิชากระบี่ของเขาจะไม่ได้ดำเนินไปตามที่หมายมั่น
คนอื่นๆ สามารถเรียกกระบี่นับหมื่นออกมาด้วยการอัญเชิญว่า ‘จงออกมา กระบี่ของข้า’ โอ้โห ปังปุริเย่สุดอะไรสุด แล้วตัวเขาล่ะ เขาควรอัญเชิญว่าไง… ‘ไปเลย! ไปตบมันให้หน้าหัน!’ แบบนี้เหรอ
ปังปิ๊นาศ!
จิตวิญญาณกระบี่มีขนาดประมาณสองฝ่ามือเท่านั้น หลี่ว์ซู่ต้องขอเวลาศึกษาก่อนว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ดูจากรอยมือบนหน้าของทาคาชิมะแล้ว มือของเจ้าพวกนี้นี่แข็งแรงน่าดู…
เพราะขนาดทำให้ทาคาชิมะที่อยู่ในระดับ A ช็อกค้างไปได้แบบนั้น มือก็คงหนักจริงๆ น่ะแหละ
หลี่ว์ซู่คิดว่าการมาญี่ปุ่นครั้งนี้ถือได้ว่าคุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ ได้มาทั้งศิลาวิญญาณเกือบแสนเม็ด แถมพวกทวยเทพก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการสูญเสียพลังไปมากกว่าครึ่ง
พูดอีกอย่างก็คือพวกทวยเทพอาจจะต้องหลบฉากออกจากสายตาชาวโลกไปสักพักจนกว่าจะหาทางฟื้นขึ้นมาได้นั่นแหละ เรียกได้ว่าถูกถีบจากกลุ่มผู้บำเพ็ญระดับต้นๆ ตกกระป๋องกลายเป็นกลุ่มชั้นสองที่ไม่มีใครสนใจ
แม้กระทั่งกลุ่มชั้นสองก็อาจจะหลุดไปด้วยซ้ำถ้าไม่มีระดับ C เหลือรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้
พูดคร่าวๆ ก็คือเนื่องจากพลังจิตวิญญาณได้ฟื้นฟูเพิ่มขึ้นในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา พวกทวยเทพจึงเร่งฝึกพลังเพื่อเลื่อนระดับกัน แต่ก็ยังมีผู้บำเพ็ญระดับ C ในทวยเทพเหลือรอดอยู่แค่ราวห้าหกคนได้ ถ้าหลี่ว์ซู่อยู่ในสภาพที่พร้อมเต็มร้อยก็น่าจะซัดพวกนั้นหมอบได้สบายๆ
แต่เอาจริงๆ แล้วกลุ่มทวยเทพนี่ก็แปลก ถ้าพวกเขาไม่พยายามต่อต้านเครือข่ายฟ้าดินตั้งแต่แรก โนกิวะ ทาเกะโนบุก็คงไม่ถูกฆ่าตายที่โบราณสถานเกาะช้างตอนนั้นหรอก
ในความเป็นจริง โนกิวะ ฮากุชุนจะต้องออกหมายจับหลี่ว์ซู่เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเข้ามาในญี่ปุ่นได้ หากเป็นเช่นนั้น คอรัลก็จะไม่มุ่งมั่นตั้งตาล้างแค้นให้กับหลี่ว์ซู่เช่นนี้ แล้วหลี่ว์ซู่ก็จะไม่ติดแหง็กอยู่ในป้อมปราการนี่ ถ้าเป็นแบบนั้น ป่านนี้หลี่ว์ซู่ก็คงกำลังว่ายน้ำข้ามประเทศกลับไปพร้อมกับศิลาวิญญาณแล้วละนะ…
แต่ที่สำคัญ คาดไม่ถึงเลยว่าหลี่ว์ซู่จะสามารถขัดขวางไม่ให้ทาคาชิมะเลื่อนเป็นระดับ A ได้สำเร็จ อีกทั้งเขายังสามารถเปิดจุดชี่ไห่ได้ด้วยแบบนี้
ตอนนี้จิตวิญญาณกระบี่ได้เข้าไปฟื้นฟูพลังในภูเขาข้างในตัวหลี่ว์ซู่แล้ว เขาใช้พลังกระบี่ไปนับร้อยในการต่อสู้ คงใช้เวลาราวสามวันกว่าจะฟื้นฟูพลังทั้งหมด
จิตวิญญาณกระบี่นี้ดูจะเป็นรูปลักษณ์ปกติของกระบี่หลังจากขุดภูเขามาหลายปี ขณะเดียวกัน กระบี่ต้นแบบในทะเลแห่งพลังก็คือขีดจำกัดที่เหนือกว่าพลังงานกระบี่ของเขา มันต้องใช้เวลาสักพักในการฟื้นฟูคลื่นพลังงานลูกใหม่จากกระบี่หลังจากที่ใช้อันเก่าไปหมดแล้ว
พูดอีกอย่างก็คือมีกระบี่ต้นแบบอยู่นับร้อยในจุดชี่ไห่ ด้วยเหตุนี้ความสามารถสูงสุดของพลังกระบรี่นี้ก็จะอยู่ที่ราวๆ ร้อยครั้ง
ยิ่งมีกระบี่ต้นแบบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ภูเขาถล่มลงมาได้มากเท่านั้น ที่เขาได้กระบี่ต้นแบบมาน้อยแม้ว่าภูเขาจะถล่มลงมาเป็นลูกก็ตาม นั่นก็เพราะเขาขาดการฝึกซ้อมไปเยอะ ดูอย่างภูเขาของปู่เสียนอีสิ สูงกว่าของหลี่ว์ซู่อย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น ปู่เสียนอีคิดอยากจะขุดภูเขาจากจุดไหนก็ขุด แต่หลี่ว์ซู่เป็นพวกที่เลือกขุดจากด้านเดียวเท่านั้น พวกเขามีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน…
แต่หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกว่ามันเข้าใจได้อยู่ดีละนะ ผู้ใช้กระบี่น่ะไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็นับได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดในโลกผู้บำเพ็ญหากพลังกระบี่ของพวกเขาไม่มีที่สิ้นสุด หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาจะแทบไม่มีจุดอ่อนเลย
ในทางกลับกัน หลี่ว์ซู่ไม่แน่ใจว่าตัวเขานั้นอยู่ในระดับ B แล้วหรือยัง ถ้าพูดกันจริงๆ แล้วก็อาจจะใช่ ทั้งความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาเทียบได้กับคนระดับ B แต่จุดอ่อนเดียวของเขาอยู่ที่พลังการโจมตีและความหลากหลายของเทคนิคการต่อสู้เท่านั้น
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อเขามีพลังกระบี่ร้อยเล่มแล้วแบบนี้ เขาก็สามารถต่อกรกับผู้บำเพ็ญระดับ B คนไหนก็ได้ในโลกนี้แล้ว
แต่ก็แน่ล่ะว่ามันยิ่งจะดีขึ้นไปอีกถ้าเขาจุดประกายกลุ่มดาวกลุ่มที่สามได้ ถ้าทำได้ ทั้งความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาคงพัฒนาขึ้นพรวดๆ
แต่แล้ว…เขาก็ได้เรียนรู้ความจริงอันน่ากลัวบางอย่าง….
ภูเขาพลังของเขานั้นหายไปหมดแล้ว! หายหมดเกลี้ยง!
แล้วเขาจะเพิ่มกระบี่ต้นแบบได้ยังไงล่ะถ้าไม่มีภูเขาเหลือเลยสักนิด!
หลี่ว์ซู่สงสัยอีกอย่างหนึ่ง ถ้าในภูเขาหนึ่งลูกมีจิตวิญญาณกระบี่อยู่หนึ่งตน ผู้สืบทอดที่แท้จริงของหอเกียรติกระบี่ก็จะครอบครองจิตวิญญาณกระบี่ได้แค่หนึ่งตนเท่านั้น แต่นั่นมันไม่พอสำหรับหลี่ว์ซู่
เขาไม่รู้ว่าภูเขาจะปรากฏขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ ถ้าสมมุติว่ามันเกิดขึ้นมาใหม่จริงๆ พอภูเขาที่ว่าพลังทลายลง มันจะมีจิตวิญญาณกระบี่สิงสถิตอยู่ไหมนะ
คงน่าสนใจไม่น้อยถ้ามีจริงๆ พอหลี่ว์ซู่แก่ตัวไป เขาจะได้เขียนอัตชีวประวัติของตัวเองขึ้นมาแล้วตั้งชื่อว่า ‘หลี่ว์ซู่กับคนแคระทั้งเจ็ด’ … ฟังดูไม่เลวแฮะ…
ตอนนี้หอเกียรติกระบี่คงจะเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือน้อยที่สุดในความคิดของหลี่ว์ซู่แล้วล่ะ…
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกสลดใจกับความสูญเสียอย่างมหาศาลของกลุ่มทวยเทพ มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะล้มตายเพราะการบูชายัญของทาคาชิมะหรือจากความโกรธเกรี้ยวของคอรัลก็ตาม พวกเขามัวแต่ยุ่งกับการต่อสู้และพิธีกรรมจนไม่ได้เพิ่มแต้มอารมณ์ให้หลี่ว์ซู่เลย
ยิ่งไปกว่านั้น คอรัลเองก็กลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของกลุ่มทวยเทพแทนที่หลี่ว์ซู่แล้ว เธอทั้งฆ่าคิตามุระ คิจิโทริ และยังทำลายบ้านใหญ่ของกลุ่มทวยเทพ นี่ทำให้พวกเขาเดือดยิ่งกว่าการเขียนสัญลักษณ์แปลกๆ หรือการฆ่าฮากุชุนและฮิโรโนะอย่างไม่ต้องสงสัย…
หลี่ว์ซู่รู้สึกผิดที่แต้มอารมณ์จำนวนมากหายไปเปล่าๆ เขายังต้องการค่าอารมณ์มหาศาลอีกตั้ง 2,700,000 แต้มเพื่อจุดประกายกลุ่มดาวที่สาม
ในขณะนั้น หลี่ว์ซู่ยังไม่สามารถขยับตัวได้ พลังของทาคาชิมะเพิ่มขึ้นมหาศาลจากการบูชายัญจริงๆ พอปะทะกัน เขาเลยเจ็บหนักขนาดนี้
หลี่ว์ซู่รู้สึกเป็นกังวล ถ้าหากการบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้เขาพิการล่ะ เขาเหมือนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้บำเพ็ญในประเทศญี่ปุ่น พวกเขาคงกำลังจะจัดวางกองกำลังอยู่ พอถึงตอนนั้น ถึงแม้ว่าจุดชี่ไห่ของเขาจะเปิด แต่เขาก็คงไม่สามารถรับมือกับพวกผู้บำเพ็ญระดับต่ำเป็นกองทัพได้ในสภาพนี้แน่นอน เขาต้องหาที่หลบซ่อนเพื่อพักฟื้นแล้ว
ต้องมาตายกลางวงล้อมพวกทวยเทพแบบนี้ เขาไม่เอาด้วยหรอก!