A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1785 วังต้อนรับเซียน

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! ข้าก็ว่าท่านอาวุโสหานเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ จะไปพักอยู่ด้านนอกเหมือนผู้บำเพ็ญเพียรทั่วๆ ไปได้อย่างไร” ไห่ต้าเซ่าเอ่ยพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมา

“ใช่แล้ว! คิดดูแล้วสถานที่ที่รอต้อนรับท่านอาวุโสจะต้องใหญ่โตโอ่อ่าแน่ เราสองคนอาศัยท่านอาวุโส เข้าไปก็ได้เปิดโลกแล้ว” ชี่หลิงจื่อกะพริบตาปริบๆ แล้วประจบเช่นกัน

แม้ว่าหานลี่จะฟังเจตนาประจบสอพลอออก แต่ก็แค่หัวเราะหึๆ ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา

ไม่นานนักรถเหาะก็ผ่านย่านร้านค้าไป แล้วเข้าไปในเทือกเข้าด้านหน้า

ระยะทางพันกว่าลี้สำหรับรถที่เป็นอาวุธเหาะเหินระดับสุดยอดแล้ว แทบจะมาถึงได้ในพริบตา

ตรงหน้าพลันมีทะเลหมอกสีฟ้าปรากฏขึ้นขวางทางเอาไว้

หานลี่ใช้เท้าข้างหนึ่งตบไปที่อาวุธใต้ฝ่าเท้าเบาๆ ชั่วขณะนั้นรถเหาะก็หมุนวงโคจรรอบหนึ่งแล้วหยุดลง

หานลี่เองก็มิได้พูดจา ใช้สองมือถูกันไปมา แล้วยกขึ้นส่งไปทางทะเลหมอกพร้อมกัน

เสียงอึกทึกดังขึ้น สายฟ้าสีทองสองสายเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วดีดตัวออกมา จมหายเข้าไปในทะเลหมอก

ครู่ต่อมากลางทะเลหมอกสีฟ้าก็มีเสียง “ตูมๆ” ดังขึ้นสองครั้ง

พลังแรงกดมหาศาลสองกลุ่มระเบิดออกจากทะเลหมอก ทำให้ทะเลหมอกสีฟ้าตรงหน้ากระเพื่อมแล้วหมุนวน ราวกับเกิดมีคลื่นพายุรุนแรงที่โหมซัดสาดเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น

จากนั้นหานลี่กลับใช้สองมือไพล่หลัง ยืนอยู่ในรถไม่กระทำอันใด ราวกับว่ากำลังรออันใดอยู่อย่างไรอย่างนั้น

ไห่ต้าเซ่าและชี่หลิงจื่อเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกังขาในใจ แต่กลับไม่กล้าเอ่ยปากถามซี้ซั้ว ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังหานลี่

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ กลางทะเลหมอกด้านหน้าก็มีเสียงอสูรคำรามประหลาดๆ ดังขึ้น จากนั้นเสียงตะโกนด้วยความโมโหของบุรุษก็ดังขึ้นจากด้านใน

“ผู้ใดบังอาจนัก คาดไม่ถึงว่าจะกล้าโจมตีเขตอาคมนี้ ไม่ทราบหรืออย่างไรว่าสามเดือนก่อนก็เริ่มวางเขตอาคมกันแล้ว?”

สิ้นเสียงคำรามของบุรุษ หมอกสีฟ้าก็เกิดเป็นระลอกคลื่น ทะเลหมอกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง เปิดเป็นทางเดินยักษ์ขนาดสองสามจั้ง

ลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ หน่วยคุ้มกันขี่อสูรประหลาดขนาดยักษ์ออกมาสองสามตัว

ผู้คุ้มกันเหล่านี้ล้วนมีร่างกายสูงใหญ่ เอวกลมหนา ดูแล้วสูงกว่าหานลี่ถึงสองช่วงหัว กายท่อนบนสวมชุดเกราะกระดูกสีขาวหยาบๆ เอาไว้ กายท่อนล่างสวมกางเกงหนังที่หลากหลาย มือข้างหนึ่งถือโล่กระดูกขนาดยักษ์สี่เหลี่ยม อีกข้างหนึ่งถือหอกสีดำหนาๆ

ส่วนอสูรประหลาดที่พวกเขานั่งอยู่นั้น ราวกับหมาป่ายักษ์ที่มีปีกเนื้อขนาดมหึมา แต่ขนที่ปกคลุมร่างกายกลับเป็นสีฟ้า มีสายฟ้าแล่นแปล๊บๆ อยู่ เผยความลึกลับออกมา

แต่บนเรือนร่างของผู้คุ้มกันเหล่านี้กลับไม่มีพลังปราณเลยสักนิด คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้ฝึกตนระดับสูงที่หาได้ยากกลุ่มหนึ่ง อาศัยแค่ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อก็เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมรวมแล้ว

เมื่อเห็นหานลี่ยืนอยู่ในรถเหาะกลางอากาศก็ใช้สายตาสนอกสนใจพิจารณาพวกเขา ไม่มีท่าทีจะหลบหลีกหรือหลีกหนีเลยสักนิด ผู้คุ้มกันสี่คนอดที่จะตกตะลึงไม่ได้

หนึ่งในนั้นเป็นชายร่างกายสูงใหญ่ที่ดูเหมือนเป็นผู้นำ เดิมมีสีหน้าโหดเหี้ยมพลันเปลี่ยนเป็นตกตะลึงระคนสงสัย

เขาโบกมือ ดึงบังเหียนหยุดอสูรประหลาดตรงขอบของทะเลหมอก

“พวกเจ้าคือผู้คุ้มกันอัสนีที่มีชื่อเสียงของเขตเสวียนอู่สินะ ชื่อเสียงไม่หลอกลวงจริงๆ ทว่าพวกเจ้าอยู่ที่นี่หรือว่าสหายจักรพรรดิป้ามาถึงภูเขาเก้าเซียนแล้ว?” หานลี่ไม่รอให้คนเหล่านั้นเอ่ยถามก็เลยถามก่อน

เมื่อได้ยินคำพูดที่ดูใหญ่โตของหานลี่ ผู้คุ้มกันเหล่านั้นพลันตกตะลึงและไม่กล้าดูแคลน

ชายร่างใหญ่ที่เป็นผู้นำมีสีหน้าเคร่งขรึมรีบประสานมือคารวะหานลี่แล้วเอ่ยอย่างนอบน้อม

“พวกชนรุ่นหลังเป็นผู้คุ้มกันอัสนีของใต้เท้าจักรพรรดิป้าจริงขอรับ แต่ใต้เท้าจักรพรรดิป้ายังมาไม่ถึง พวกเรามาถึงภูเขาเก้าเซียนก่อน รับหน้าที่จัดระเบียบความเรียบร้อยของที่นี่ ขอบังอาจเรียนถามแซ่ของท่านอาวุโส?!”

“หึๆ ชื่อของผู้แซ่หาน พวกเจ้าคงไม่เคยได้ยิน ทว่าก่อนหน้านี้จักรพรรดิป้าของพวกเจ้าเคยส่งคนมาเชิญข้าเข้าวังจักรพรรดิป้า ทว่าด้วยเหตุผลอื่นข้าจึงทำได้เพียงปฏิเสธไป” หานลี่ตอบอย่างคร่าวๆ

“อันใด หรือว่าท่านอาวุโสคืออาวุโสหานลี่ที่เพิ่งพัฒนาระดับขึ้นมาอยู่ในระดับผสานอินทรีย์!”

“อ๋อ เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?”

อยู่นอกเหนือความคาดหมายของหานลี่เล็กน้อย เมื่อเขาเอ่ยปาก หัวหน้าผู้คุ้มกันก็ร้องชื่อเขาออกมาทันที ท่าทางเมื่อได้ยินชื่อเสียงมาเนิ่นนานแล้ว

นี่ยิ่งทำให้เขาตกตะลึง อดที่จะพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดแวบหนึ่งไม่ได้ ถึงได้พบว่าแม้ว่าชายร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้าจะเป็นผู้ฝึกตนคนหนึ่งแต่เรือนร่างกลับมีแสงจากสมบัติแผ่ออกมารางๆ ดูเหมือนว่าจะมีสมบัติที่อ่อนแอติดตัวอยู่สองสามชิ้น ดูไม่เหมือนกับผู้ฝึกตนที่เหลืออีกสามคน

“ท่านอาวุโสอย่าถือสา! ท่านปู่ของชนรุ่นหลังเป็นหนึ่งในสี่จอมพลังเคียงกายของจักรพรรดิป้า ถึงได้บังเอิญรู้ข่าวคราวของท่านอาวุโส”  เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของหานลี่ ชายร่างใหญ่ก็รีบร้อนเอ่ยปากอธิบาย

“จอมพลังเคียงกาย! อ๋อ ข้ากลับเคยได้ยินมาบ้าง ว่ากันว่าสหายทั้งสี่ล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับสุดยอด ประกอบกับการทุ่มเทฝึกฝนของจักรพรรดิป้า แม้ว่าจะไม่มีพลังปราณ แต่กายเนื้อของทุกคนก็มีความแข็งแกร่งไม่ต่างอันใดจากสมบัติระดับสุดยอด มีพลังมหาศาลนัก” หานลี่ถึงบางอ้อไปเล็กน้อย

“ชื่อเสียงของท่านปู่ ไหนเลยจะคุ้มค่าให้เอ่ยต่อหน้าท่านอาวุโสหาน ท่านอาวุโสหานมาจากแดนไกล คิดดูแล้วคงต้องเหนื่อยล้าเป็นแน่ ชนรุ่นหลังจะนำทางอาวุโสเข้าไปข้างใน ไปพักที่วังต้อนรับเซียนเถิดขอรับ” แม้ว่าหัวหน้าผู้คุ้มกันจะมีลักษณะห้าใหญ่สามหนา[1] แต่ยามนี้กลับดูคล่องแคล่วมาก พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“หึๆ เจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกเหนื่อยล้าจริงๆ นำทางเถิด!” หานลี่พยักหน้า

“ขอรับ เชิญท่านอาวุโสเข้าไปข้างใน!”

ผู้คุ้มกันสี่คนคารวะอย่างนอบน้อมอีกครั้ง แล้วถึงได้บินแยกออกเปิดทางทั้งซ้ายและขวา

หานลี่กระตุ้นรถเหาะใต้ฝ่าเท้า แล้วเข้าไปในทะเลหมอกด้วยท่าทียิ่งใหญ่

เห็นได้ชัดว่าทะเลหมอกไม่กว้างใหญ่นัก แค่ชั่วครู่หานลี่ก็บินตามผู้ฝึกตนทั้งสี่มุ่งไปยังยอดเขาที่ไกลออกไป

“ยอดเขาทั้งเก้าของภูเขาเก้าเซียน ปกติแล้วจะให้พวกเราและเผ่าปีศาจแบ่งกันดูแลฝั่งละสี่ยอดเขา ‘ยอดเขาเซียนเหิน’ ที่สูงที่สุดกลับเป็นแดนอิสระของคนธรรมดา ปกติแล้วทั้งสองเผ่าจะไม่ส่งคนไปคุ้มกัน ดังนั้นจัตุรัสหลักของงานชุมนุมหมื่นสมบัติครั้งนี้จึงจัดขึ้นที่ ‘ยอดเขาเซียนเหิน’ ยามนี้พวกเราทั้งสองเผ่าล้วนส่งผู้ที่มีความสามารถไปดูแลทั้งยอดเขาทั้งวันทั้งคืน แน่นอนว่าแค่ยอดเขาลูกหนึ่งย่อมไม่สามารถบรรจุคนทั้งสองเผ่าได้ ดังนั้นยามที่งานชุมนุมหมื่นสมบัติเปิดตัว ยอดเขาที่เหลือทั้งแปดจะถูกเปิดด้วยเช่นกัน และได้สร้างจัตุรัสแปดแห่งเอาไว้ เพื่อใช้บรรจุผู้ร่วมงานทั้งหมด แต่จากที่ชนรุ่นหลังคาดเดา แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นถึงยามนั้นก็ต้องมีคนไม่พอใจ ถึงอย่างไรเสียงานหมื่นสมบัติในอดีตก็แทบจะมีผู้เข้าร่วมกว่าล้านคน โชคดีที่งานหมื่นสมบัติครั้งนี้เตรียมจัดงานมาแล้วหลายปี น่าจะไม่มีปัญหาอันใด ทว่าชนรุ่นหลังได้ยินมาว่าเทียบกับงานครั้งก่อน มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง”

ระหว่างทางชายร่างใหญ่ที่เป็นผู้นำพลันเป็นฝ่ายแนะนำภูเขาเก้าเซียนให้หานลี่ฟังอย่างรู้จักวางตัว รวมทั้งสถานการณ์ของงานชุมนุมหมื่นสมบัติ แต่เมื่อพูดประโยคสุดท้าย เสียงกลับหยุดชะงักลง

“อ๋อ มีอันใดไม่เหมือนหรือ?” หานลี่ใจเต้น พลางเอ่ยถามอย่างแช่มช้า

“ชนรุ่นหลังได้ยินข่าวลือมาโดยบังเอิญ ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ หากมีจุดใดที่พูดผิด หวังว่าท่านอาวุโสจะไม่ถือสา” ชายร่างใหญ่ลังเลเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น

“วางใจเถิด ความจริงหรือเท็จ ข้าจะตัดสินเอง ไม่มีทางโทษเจ้าแน่” หานลี่กวาดมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

“เช่นนั้นชนรุ่นหลังก็ขอบังอาจแล้ว ชนรุ่นหลังได้ยินมาว่า งานหมื่นสมบัติครั้งนี้อาจจะมีชนต่างเผ่ามาเข้าร่วม และเอาสมบัติวิเศษของชนต่างเผ่ามาทำการประมูล” ชายร่างใหญ่ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วถึงได้เอ่ยอย่างจริงจัง

“ชนต่างเผ่า? หรือว่าจะเป็นชนเผ่าไม้หรือเผ่าวิญญาณที่อยู่ใกล้ๆ หรือว่าจะเป็นเผ่าเถื่อนและเผ่าสามง่ามราตรี?” หานลี่ได้ฟังพลันตกตะลึง อดที่จะเอ่ยถามพร้อมกับหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้

“เรื่องนี้ชนรุ่นหลังก็ไม่แน่ใจ! ถึงอย่างไรเสียชนรุ่นหลังก็เป็นแค่ผู้คุ้มกันอัสนีธรรมดา!” ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา

“นั่นมันก็ใช่ ทว่าน้ำใจนี้ข้าจะจำเอาไว้ ‘ยาลูกกลอนเสริมปราณ’ เหล่านี้มอบให้พวกเจ้าก็แล้วกัน กินวันละเม็ด ก็สามารถเพิ่มอายุขัยของพวกเจ้าได้ จากนี้หากได้ยินเรื่องอันใดที่มีประโยชน์ก็มารายงาน ข้าจะมอบรางวัลให้แก่พวกเจ้า” หานลี่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสอยู่ชั่วครู่ หลังจากฟื้นฟูสีหน้ากลับมาเป็นปกติ ก็พลิกฝ่ามือโยนขวดยาให้ผู้คุ้มกันทั้งสี่ที่อยู่ตรงหน้า

“ขอบพระคุณรางวัลของท่านอาวุโส หากชนรุ่นหลังรู้อันใด จะต้องมารายงานแน่” ชายร่างใหญ่ที่เป็นผู้นำได้ยินชื่อ ‘ยาลูกกลอนเสริมปราณ’ ชั่วขณะนั้นก็รับไว้อย่างดีใจเกินคาด และตอบกลับด้วยเสียงสั่นเทาเล็กน้อย

คนที่เหลืออีกสามคนก็รีบคารวะขอบคุณเช่นกัน

หานลี่กลับโบกมือ แล้วหรี่ตาลงไม่พูดไม่จาอยู่ภายในรถ

ผู้คุ้มกันอัสนีทั้งสี่เองก็ไม่รบกวนหานลี่อีกอย่างรู้จักวางตัว พารถเหาะของหานลี่บินไปอีกระยะหนึ่ง ในที่สุดก็มาถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง

เห็นเพียงตรงนั้นมีหอคอยตั้งเรียงรายอยู่ แทบจะกินพื้นที่กว่าครึ่งยอดเขา

และท่ามกลางสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้น มีวังหยกสีขาวอันวิจิตรงดงามสูงสามร้อยสี่ร้อยจั้งมีทั้งหมดสิบกว่าชั้นตั้งอยู่

และรอบๆ วังแห่งนั้น มีหอคอยที่งดงามตั้งเรียงรายอยู่ ทางทิศตะวันออกหลังหนึ่ง ทางตะวันตกหลังหนึ่ง  มากกว่าร้อยหลัง ล้อมวังหยกสีขาวแห่งนั้นอยู่ตรงใจกลาง

“ท่านอาวุโสหานนี่คือวังต้อนรับเซียน ท่านอาวุโสระดับผสานอินทรีย์ทั้งหมดจะพาลูกศิษย์มาอยู่คนละชั้น ทุกชั้นจะมีเขตอาคมส่งตัว ไม่จำเป็นต้องขึ้นลงบันไดก็สามารถมาที่ชั้นหนึ่งของวังได้ หอคอยที่อยู่รอบๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เตรียมไว้ให้อาวุโสระดับหลอมสุญตา ทว่ายามนี้มีแค่อาวุโสระดับผสานอินทรีย์เช่นนี้ถึงจะมีคุณสมบัติเข้าพักที่นี่ได้ ส่วนยอดเขาด้านล่างทุกลูกก็มีวังต้อนรับเซียนเช่นกัน สามารถบรรจุท่านอาวุโสระดับผสานอินทรีย์ทุกท่านได้” ชายร่างใหญ่ที่เป็นผู้นำอธิบายอย่างตั้งใจ

“อ๋อ ที่นี่คือวังต้อนรับเซียน มีคนเข้าไปพักแล้ว” หานลี่ได้ยิน ก็รู้สึกสนใจ

“ท่านอาวุโสดวงตาเฉียบแหลมนัก! นอกจากอรหันต์ว่านกู่และลูกศิษย์ของเขาที่มาถึงเมื่อเดือนก่อน ที่นี่ก็ยังไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์คนที่สองมา” ชายร่างใหญ่ตอบกลับอย่างซื่อตรง

[1] *ห้าใหญ่สามหนา หมายถึง ผู้ชายที่เข้าตำราในสมัยโบราณจะต้องมีห้าใหญ่และสามหนา ห้าใหญ่ ประกอบด้วย สองมือ สองเท้า และหนึ่งศีรษะที่จะต้องมีลักษณะที่ใหญ่ ส่วน สามหนา ประกอบด้วย ขา เอว คอ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset