ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรตนต่างเผ่าคนอื่นๆ ที่ต้องเข้าไปในแดนกว้างเย็น บ้างก็พิจารณาเขตอาคมยักษ์ไม่หยุด บ้างก็จ้องเขม็งไปยังของขวัญกว้างเย็นด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ แต่ต่างล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม
แดนกว้างเย็นเป็นสถานที่ลึกลับในการทลายจุดคอขวดดังคาด แต่ผู้ที่เข้าไปแล้วเพลี่ยงพล้ำไปก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
คนเหล่านั้นไม่ว่าคุณสมบัติหรือความสามารถ แน่นอนว่าย่อมเทียบกับพวกเขาไม่ได้
นี่จะไม่ทำให้ชนต่างเผ่าที่ต้องเข้าไปเหยียบแดนนี้ไม่รู้สึกพะว้าพะวังไม่สบายใจได้อย่างไร
หานลี่ยืนอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งด้วยสีหน้าราบเรียบ ทั้งไม่ได้มองเขตอาคมและไม่ได้สนใจของขวัญกว้างเย็น แค่เงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ที่แผดเผาสองสามดวงบนท้องฟ้า พลางหรี่ตามอง ไม่ไหวติง
วันเวลาค่อยๆ ผ่านไป หลังจากผ่านไปนานเท่าไหร่ก็สุดจะรู้ได้ ฉับพลันนั้นเสียงมังกรคำรามพลันดังขึ้นกลางจัตุรัส
หานลี่หน้าเปลี่ยนสี ชั่วขณะนั้นพลันก้มหน้าลงกวาดมองไปบนจัตุรัส
เห็นเพียงของขวัญกว้างเย็นชิ้นนี้มีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ มังกรสิบกว่าตัวพลันทยอยกันลืมตาขึ้น เปล่งแสงสีทองเรืองรอง เงยหน้าขึ้นกู่ร้องคำราม
ทุกคนที่อยู่ใต้ม่านลำแสงห้าสี ไม่ว่านักรบชุดเกราะหรือว่าชนต่างเผ่าคนอื่นๆ ย่อมมองเห็นฉากนี้ ชั่วขณะนั้นพลันตกอยู่ในความเงียบ
“แดนกว้างเย็นเปิดแล้ว เริ่มกระตุ้นเขตอาคมเปิดทางเถิด” เสียงเย็นชาดังออกมาจากตำหนัก มันหนาวเย็นจนเสียดกระดูก
นั่นก็คือเสียงของชายหนุ่มแซ่เวิง
การออกคำสั่งครั้งนี้ผู้คนที่อยู่ในจัตุรัสพลันใจหายวาบ ชนต่างเผ่าที่เดิมยืนรอคำสั่งอยู่ในเขตอาคม พลันกระตุ้นธงอาคมและจานอาคมพร้อมกัน
อาคมหลากสีสันจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมาจากยุทธภัณฑ์ ทยอยกันจมหายเข้าไปในเขตอาคม
เขตอาคมทั้งสองเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ศิลาวิญญาณหลากสีสันเริ่มเปล่งแสงอย่างบ้าคลั่ง แผ่กลิ่นอายที่น่าตกตะลึงออกมา
ดูเหมือนว่าพลังของเขตอาคมจะได้รับผลกระทบ ด้านล่างม่านลำแสงทั้งห้ากลางอากาศพลันมืดมน เมฆสีดำผืนใหญ่ปรากฏออกมา ชั่วครู่ก็ปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้
จากนั้นพายุพลันก่อตัวขึ้น อสรพิษสีเงินปรากฏขึ้นกลางหมู่เมฆเป็นสายๆ เปล่งแสงสว่างวาบราบกับสายฟ้า ระลอกคลื่นสีดำน้อยใหญ่หมุนวน และเริ่มกลืนกินกันและกัน
ยามนั้นปรากฏการณ์บนท้องฟ้าพลันน่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!
เขตอาคมและปรากฏการณ์บนท้องฟ้าถูกลำแสงห้าสีของดวงแสงห่อหุ้มเอาไว้ ยามนี้พลันปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เผยแผ่นป้ายสีทองเงินเปล่งแสงระยิบระยับออกมา
“สหายหาน ท่านเซียนเย่ว์ เจ้าสองคนพากลุ่มเข้าไปในเขตอาคมเถิด กระตุ้นแผ่นป้ายกว้างเย็นได้แล้ว” เชียนจีจื่อเห็นฉากนี้ ก็ตะโกนออกไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
หานลี่และท่านเซียนเย่ว์ก็มิกล้าดูแคลน ทันใดนั้นพลันสาวเท้ายาวๆ ก้าวเข้าไปในเขตอาคมทั้งสอง
คนที่เหลือก็หน้าเปลี่ยนสี พลางทยอยกันตามหลังไป
ยามนี้ชนต่างเผ่าที่กระตุ้นยุทธภัณฑ์อยู่ในเขตอาคม กลับทยอยกันถอยออกมานอกเขตอาคม แต่แค่อาคมในมือยังคงทะลักออกมาจากจานอาคมและธงอาคมไม่มีท่าทีจะหยุดพักเลยสักนิด
หานลี่เพิ่งจะเดินเข้ามาในลำแสงวิญญาณของเขตอาคม ก็รู้สึกใจสั่น การเชื่อมโยงกับแผ่นป้ายกว้างเย็นกลางอากาศแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า
แผ่นป้ายกว้างเย็นที่แต่เดิมเปล่งแสงระยิบระยับเปล่งเสียงหึ่งๆ ต่ำๆ ออกมา ราวกับเป็นเพราะถูกการมาของหานลี่ทำให้ตื่นเต้นดีใจ
กระตุ้นยุทธภัณฑ์นี้อย่างไร แน่นอนว่าเชียนจีจื่อได้บอกเขาเอาไว้ตั้งนานแล้ว
หานลี่เดินมาถึงใจกลางของเขตอาคม สองมือก็ร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว นิ้วทั้งสิบร่ายไปมาอย่างรวดเร็ว
อาคมเป็นสายๆ พุ่งออกไป แค่กะพริบวาบก็ทยอยกันพุ่งไปหาแผ่นป้ายกลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นแผ่นป้ายกว้างเย็นพลันมีเปล่งแสงสีเงินออกมา อักขระสีทองเงินจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมา
อักขระเหล่านี้บินวนล้อมรอบแผ่นป้าย คาดไม่ถึงว่าจะก่อตัวเป็นอักขระเขตอาคมลำแสงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้ง
ส่วนแผ่นป้ายกว้างเย็นก็อยู่ตรงใจกลางเขตอาคมลำแสง
หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง มือที่ร่ายอาคมหยุดลง กลับยื่นนิ้วชี้ชี้ไปกลางอากาศอย่างเคร่งขรึม
เสียงแหวกอากาศดัง “ฟิ้ว” ดังขึ้น เสาลำแสงสีเขียวสายหนึ่งถูกพ่นออกมา พุ่งไปหาแผ่นป้าย
ชั่วขณะนั้นแผ่นป้ายพลันมีเสียงร้องประหลาดๆ ดังขึ้น เขตอาคมลำแสงทั้งเขตเริ่มสั่นเทา และแผ่ลำแสงสีทองเงินออกมา เขตอาคมหมุนติ้วๆ พ่นลำแสงสีทองเงินขนาดความหนาเท่าถังน้ำออกมา
เสาลำแสงพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในระลอกคลื่นเสาลำแสงราวกับถูกพลังมหาศาลอันใดสักอย่างกวนเข้าด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าจะไอสีดำจะขยายขนาดขึ้น ม้วนระลอกคลื่นรอบด้านเอาไว้ข้างใน แล้วถูกฉีกทิ้งออก กลับทำให้เขารู้สึกประหลาดเป็นอย่างมาก
ทว่าในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ระลอกคลื่นกลางอากาศก็หายไป เหลือเพียงของสองสิ่งที่มีขนาดใหญ่สองสามลี้พลางพ่นไอสีดำเข้มออกมาไม่หยุด
และหลังจากที่แผ่นป้ายในเขตอาคมลำแสงเปล่งเสียงอัสนีฟ้าฟาดออกมา ก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีทองเงินสายหนึ่งสลายหายไปจากเขตอาคมลำแสง ครู่ต่อมากลับมาปรากฏตัวขึ้นใจกลางระลอกคลื่น
หลังจากเสียงมหึมาดังขึ้น สายฟ้าสีทองเงินพลันระเบิดออก ราวกับพระอาทิตย์ขึ้นอย่างไรอย่างนั้น ลำแสงสีทองเงินปรากฏขึ้นกลางระลอกคลื่น จากนั้นก็โถมไปที่ส่วนลึก
ครู่ต่อมาระลอกคลื่นที่ดูเหมือนจะทำลายฟ้าดินได้ก็แผ่ออกมาจากระลอกคลื่นสีดำ
ไอสีดำหายไปพร้อมกับระลอกคลื่น เผยรอยแยกสีทองเงินสายหนึ่งออกมา มีขนาดแค่เจ็ดแปดจั้ง แต่พลันนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน ราวกับว่าถูกวาดไว้บนอากาศอย่างไรอย่างนั้น
และในยามนี้หานลี่กลับสัมผัสได้ถึงพลังจิตสัมผัสในหัวที่ถูกรอยแยกกลางอากาศดูดออกไปอย่างรวดเร็วไม่หยุด
เขาพลันหน้าเปลี่ยนสี ปากก็ร้องตะโกนออกไปทันที
“จะรออันใด ตอนนี้แหละ ข้าไม่อาจยืนหยัดได้นานนัก”
เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ ชนต่างเผ่าที่กระตุ้นธงอาคมและจานอาคมอยู่รอบๆ ด้านไม่หยุด ก็ได้สติกลับคืนมาโยนยุทธภัณฑ์ในมือขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นสองมือก็ร่ายอาคมบริกรรมคาถาอย่างรวดเร็ว
ชั่วขณะนั้นพวกมันพลันกลายเป็นดวงแสง ทยอยกันร่อนลงมา จมหายเข้าไปในเขตอาคม
ทั้งเขตอาคมมีม่านลำแสงสีสันสดใสปรากฏขึ้น อักขระขนาดใหญ่ปรากฏออกมา
จากนั้นเสียงบริกรรมคาถาพลันดังขึ้นเรื่อยๆ อักขระยักษ์เหล่านี้หมุนวนอยู่กลางเขตอาคมอย่างรวดเร็ว และยิ่งไปกว่านั้นยิ่งรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายคาดไม่ถึงว่าม่านลำแสงห้าสีกลุ่มหนึ่งจะห่อหุ้มหานลี่และพวกเอาไว้ จากนั้นก็พวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ แทรกเข้าไปในรอยแยกสีทองเงินที่อยู่กลางอากาศ
อีกด้านเซียนเย่ว์พากลุ่มของนางจมหายเข้าไปในรอยแยกสีทองเงินอีกสายเช่นเดียวกัน
แทบจะในชั่วพริบตาที่ม่านลำแสงทั้งสองกลุ่มหายไปจากรอยแยก รอยแยกทั้งสองก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ท้องฟ้ากลับคืนสู่สภาวะปกติ
เชียนจีจื่อและพวกรอจนขั้นตอนทุกอย่างตรงหน้าตำหนักผ่านพ้นไปแล้ว เห็นสถานการณ์เช่นนั้นถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
แต่ในยามนี้เสียงเย็นชาของชายหนุ่มแซ่เวิงพลันดังออกมาจากตำหนักอีกครั้ง
“อีกหนึ่งปีให้หลัง แดนกว้างเย็นถึงจะเปิดอีกครั้ง หลังจากกระตุ้นเขตอาคมอีกครั้ง ก็สามารถรับพวกเขากลับมาได้แล้ว ในช่วงระยะเวลานี้ จะต้องรักษาการณ์เขตอาคมทั้งสองนี้อย่างแน่นหนา ผู้ใดก็ไม่อาจเข้าใกล้พวกมันได้ ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งต้องโดน ‘ประหาร’”
“น้อมรับคำบัญชาขอรับ!”
ทุกคนที่อยู่ในจัตุรัสพลางค้อมตัวลงไปทางตำหนัก แล้วตอบรับพร้อมกัน
จากนั้นชนต่างเผ่าที่กระตุ้นธงอาคมจานอาคมอยู่ใกล้ๆ กับเขตอาคมก็ทยอยกันออกจากเขตอาคม และมีนักรบชุดเกราะสีเงินเป็นกลุ่มๆ และหุ่นเชิดร่างกายสูงใหญ่สิบกว่าตนเข้ามาแทนที่ ล้อมเขตอาคมทั้งสองเอาไว้อย่างไม่มีช่องโหว่
……
เมื่อหานลี่เข้ามาในรอยแยกสีทองเงิน ก็สัมผัสได้ว่าหน้ามืดวิงเวียน ดวงตาทั้งสองข้างมืดสนิท จนเกือบจะหมดสติไป
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ในหัวของเขาก็มีความเจ็บปวดส่งเข้ามา สองตาถึงได้กลับมาเป็นปกติ กวาดตามองไปรอบๆ ในที่สุดก็มองเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน
เขากำลังยืนอยู่กลางอากาศ ทุกแห่งที่มองไปล้วนเป็นท้องฟ้าสีครามและระลอกคลื่นสีฟ้าใส ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผืนทะเลนิรนามแห่งหนึ่ง
สือคุน หลิวสุ่ยเอ๋อร์และคนอื่นๆ ทั้งสิบสี่คนเองก็อยู่ห่างออกไปในรัศมียี่สิบสามสิบจั้ง แต่แค่คนส่วนใหญ่ล้วนมีสีหน้างุนงง ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้สติจากการข้ามแดนผ่านรอยแยกห้วงเวลามา
“ฮ่าๆ ในที่สุดก็มาถึงแดนกว้างเย็นแล้ว มาถึงแดนนี้ ตาเฒ่าก็มีความหวังจะบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว เหล่าสหายข้าน้อยจะไปหาที่กักตนตามลำพัง ขอตัวก่อนละ” ชายชราผมสีเทาคนหนึ่งพิจารณาบรรยากาศรอบๆ แล้วหัวเราะร่าออกมาขณะเอ่ย จากนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงวิญญาณปรากฏขึ้น กลายเป็นสายรุ้งสีเงินพุ่งแหวกอากาศออกไป
หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้ง ลำแสงหลีกหนีของชายชราก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้คนอื่นๆ ก็มองสบตากันแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีคนสามคนก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนีพร้อมกันโดยไม่ปริปากใดๆ พุ่งออกไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน แล้วหายวับไปจากปลายฟ้า
คนที่เหลืออีกสิบกว่าคนยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าหลากหลาย ไม่ได้กระทำการบุ่มบ่ามใดๆ
“เหล่าสหาย แม้ว่าแดนกว้างเย็นจะเป็นโอกาสดีในการทะลวงจุดคอขวด แต่ก็ต้องใช้เวลาสองสามเดือน เวลาที่เหลือก็ไม่อาจเข้าไปในภูเขาแล้วกลับมามือเปล่าได้ พวกเราลองไปค้นหาสมบัติด้วยกัน ระหว่างทางก็จะได้ดูแลกันและกันเป็นอย่างไร?” คนพูดเป็นชายประหลาดร่างกายเตี้ยเล็ก หัวสามเหลี่ยมคนหนึ่ง
“ร่วมมือ แม้ว่าข้าน้อยจะอยากทำเช่นนั้น แต่ไม่คิดจะร่วมมือกับสหายจิน เผ่าเมฆาสวรรค์ของพวกเราผู้ใดไม่รู้บ้างว่าพี่จินมีชื่อเสียงชอบพลิกลิ้น ต่อให้หาสมบัติพบ ข้าน้อยก็กลัวว่านายท่านจะลงมืออย่างโหดเ**้ยม พี่เฟิง พี่อวิ๋นเราสามคนไปกันเถิด” ชายร่างใหญ่หน้าตาธรรมดาๆ แต่แขนกลับสวมกำไลสีทองขนาดใหญ่เอาไว้สองสามวงกลับปฏิเสธพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา และเรียกบุรุษอีกสองคนจากเผ่ามรกต
สองคนนั้นดูเหมือนจะนัดกับชายร่างใหญ่เอาไว้นานแล้ว เรือนกายจึงเปล่งแสงโดยไม่พูดไม่จา กลายเป็นสายรุ้งสามสายบินออกไปพร้อมกับชายร่างใหญ่
ชั่วพริบตาคนก็เหลือเพียงหกเจ็ดคน
“สหายทั้งสองพวกเราไปกันเถิด” หานลี่เห็นเช่นนั้นกลับไม่ได้ประหลาดใจใดๆ กลับหัวเราะน้อยๆ ออกมาพลางเรียกสือคุนและหลิวสุ่ยเอ๋อร์
“อืม แน่นอนว่าพวกเราต้องเดินทางด้วยกัน” สือคุนหัวเราะร่าพลางตอบรับ
ส่วนหญิงสาวสวมงอบกลับแค่พยักหน้าน้อยๆ
ดังนั้นท่ามกลางสายตาประหลาดใจของคนอื่นๆ หานลี่และพวกทั้งสามคนจึงกลายเป็นลำแสงหลีกหนีพุ่งไปอีกทาง
คนที่เหลือจะร่วมมือกันหรือแยกกันเดินทาง แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่สนใจ
ความเร็วของลำแสงหลีกหนีของทั้งสามล้วนไม่เชื่องช้า แค่ชั่วครู่ก็อยู่ห่างออกมาเป็นพันลี้ และหลิวสุ่ยเอ๋อร์ในยามนี้ก็เอ่ยปากในลำแสงหลีกหนี
“สหายหาน ตามเจตนาของท่านอาจารย์ข้า พวกเราต้องหาที่ลับ เพื่อฝึกฝนการผสานการโจมตีของลำแสงเทวะดูดปราณก่อน หากพบกับอันตรายใดๆ จะได้ปกป้องชีวิตเอาไว้ได้”