Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1999 ประลองหมากกับสวรรค์ สวรรค์ด้อยกว่าขั้นหนึ่ง

ตอนที่ 1999 ประลองหมากกับสวรรค์ สวรรค์ด้อยกว่าขั้นหนึ่ง
ในตารางหมากขาวดำ ลายเส้นหนาแน่นเคลื่อนคล้อยพราวระยับ ปราณกระบี่หลายสายที่เหมือนทลายฟ้ามลายดิน รวมอานุภาพเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง

ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนควบรวมจากความทุ่มเททั้งชีวิตของจือไป๋ พูดว่าเป็นการปล่อยพลังถึงขีดสุดของมรรควิถีทั้งตัวเขาก็ไม่ถือว่าผิด

เวลานี้ทั้งตัวจือไป๋ราวลุกโชน พลังขับเคลื่อนดังกึกก้องราวอสนีบาต หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและบ้าระห่ำ

การประลองหมาก ยามตัดสินผลแพ้ชนะ ต้องวางหมากโดยไม่นึกเสียใจ!

“มา!”

เสียงตวาดดังก้องขึ้น

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ปราณกระบี่สายแล้วสายเล่าฟันลงมา ชักนำพลังมหามรรคของตารางหมากขาวดำทั้งหมด ลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นมากมายทยอยปรากฏราวกับจะทลายโลกา

กลับเห็นว่ายามนี้…

หลินสวินถึงกับเผยยิ้มออกมา นัยน์ตาสะท้อนเงากระบี่ทั่วฟ้า จิตใจสงบนิ่ง

“ข้าคนแซ่หลินตั้งท่ามาถึงตอนนี้ ก็เพื่อรอเวลานี้…”

ท่ามกลางเสียงทอดถอนใจที่เนิบช้า เงาร่างหลินสวินพลันกลายเป็นไอขุ่นมัวแถบหนึ่ง

ไอขุ่นมัวรวมเป็นหนึ่ง กลายสภาพเป็นเตาหลอม เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเหวลึก ในความรางเลือนกลับมีภาพของโลกกว้างใหญ่ที่โอ่อ่าและสมบูรณ์ปรากฏอยู่ มีหลักการฟ้าดิน สุริยันจันทราดารา วัฏจักรหมื่นลักษณ์ สี่ฤดูหมุนวน สรรพสิ่งเปลี่ยนผัน…

แต่เมื่อมองโดยละเอียดกลับพร่าเลือนขุ่นมัว ไม่อาจพรรณนา!

นี่ก็คือเขตแดนมรรคของหลินสวิน ยามนี้ได้ปลดปล่อยพลังถึงขีดสุดอย่างสมบูรณ์แล้ว

ตูม!

เสียงกัมปนาทที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องขึ้น

พลันเห็นท้องนภาสั่นสะเทือน ปราณกระบี่สายแล้วสายเล่าที่สามารถสังหารเทพผีร่วงสู่ไอขุ่นมัว ราวกับดาวหางที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ก่อนถูกดูดกลืนจนสิ้น

จากนั้นตารางหมากขาวดำแน่นขนัดที่อยู่ด้านหลังหลินสวินพลันระเบิดออกทีละช่อง ถูกทำลายและม้วนกลืนอย่างน่าหวาดกลัว

พรูด!

จือไป๋กระอักเลือด ดวงตาเบิกกว้าง มือเท้าเย็นเยียบ ใจสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกยากจะเชื่อ

ทำไม…

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…

ตารางหมากขาวดำเป็นมรรคที่เขาเคี่ยวกรำออกมาได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด มองมหามรรคเป็นกระดานหมาก มองผู้ฝึกปราณเป็นตัวหมาก ผู้ที่ตกอยู่ในตารางหมากล้วนหนีฉากจบที่ต้องถูกสังหารไม่พ้น

เหมือนการประลองหมากกับสวรรค์!

ใครเคยเห็น ‘สวรรค์’ พ่ายแพ้บ้าง

และในตารางหมากขาวดำ เขาจือไป๋ก็คือ ‘สวรรค์’ !

สามารถเข่นฆ่าได้ตามใจ วางหมากอย่างไร้ปรานี!

แต่ตอนนี้ ‘สวรรค์’ อย่างเขากลับแพ้แล้ว…

ตูม!

ตารางหมากขาวดำสั่นสะเทือน เหมือนโลกใบหนึ่งกำลังราพณาสูร เงามืดคลุมเครือที่น่ากลัวนั้นกำลังม้วนกลืนทุกสิ่งราวกับปากใหญ่มหึมา…

จือไป๋ร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อ สีหน้าซีดเผือด สั่นไปทั้งตัวด้วยความไม่ยินยอม งุนงง และตื่นตระหนก

ตารางหมากขาวดำเป็นการสะท้อนให้เห็นมรรควิถีทั้งตัวเขา เมื่อถูกทำลายก็ย่อมทำให้เขาได้รับพลังสะท้อนกลับที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

พลันเห็นมุมปากของเขามีเลือดแดงสดไหลออกมาไม่หยุด ประกายแสงในแววตาก็เปลี่ยนเป็นสลัวลง อาการบาดเจ็บกำลังเปลี่ยนเป็นสาหัสอย่างต่อเนื่อง!

แต่เขากลับเหมือนไม่รู้ตัว จ้องมองภาพแห่งการทำลายล้างนี้จนตาค้าง เหมือนยังไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง…

เขารู้สึกแค่ว่าการเสาะหาทั้งชีวิตของตน ความหยิ่งทะนงทั้งหมด กำลังพังทลายสนั่นหวั่นไหว… ภายใต้การโจมตีนี้!

“เพราะอะไร… ทั้งที่เป็นยอดมรรคาเหมือนกัน แต่มรรควิถีของข้ากลับไม่เอาไหนเช่นนี้… นี่… เป็นถึงกระดานหมากของข้าเชียวนะ…”

เสียงพึมพำต่ำลึกดังออกจากปากของจือไป๋

ตูม!

ยามนี้ตารางหมากขาวดำพังทลายราบคาบต่อหน้าจือไป๋

เงาร่างของหลินสวินแหวกทะลวงออกมา ราวกับแสงที่เจิดจรัสที่สุดก่อนรุ่งอรุณ เขายืนอยู่กลางอากาศ อาภรณ์สะบัดโบก ไม่แปดเปื้อนโลกีย์

ทุกคนในที่นั้นซึ่งจับตามองการประลองแห่งยุคนี้อย่างตื่นเต้นอยู่นานแล้ว เมื่อเห็นภาพนี้ก็อึ้งงันไปก่อน จากนั้นจึงเผยสีหน้าตกตะลึง

“พลิกสถานการณ์ได้แล้ว!?”

มีคนยากจะเชื่อ

“ตัวอยู่ในอันตราย แต่สุดท้ายก็ยังทะลวงออกมาได้ นี่เหมือนเอาชนะพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของจือไป๋ได้ซึ่งหน้า!”

มีคนสูดหายใจเย็นเยียบ

“หลินสวินนี่ไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยหรือ เขาทำได้อย่างไรกัน”

มีคนตะลึงงัน

ไม่มีใครรู้ เพราะการต่อสู้นี้เกิดขึ้นในตารางหมากขาวดำ การต่อสู้ห้ำหั่นและการประลองภายในนั้นก็มีแค่จือไป๋คนเดียวที่รู้

‘บนการประลองยอดมรรคา จือไป๋แพ้แล้ว…’

หมีอู๋หยาถอนใจเบาๆ

กวาดสายตามองทุกคนในที่นี้ คนที่เขาเห็นอยู่ในสายตามีจำนวนแค่นับนิ้วได้ จือไป๋ก็คือหนึ่งในนั้น

แต่น่าเสียดายที่เขาแพ้แล้ว

“แพ้แล้ว…”

ในใจเยวี่ยหรูหั่วพลันเครียดขมึงขึ้นมา

ในเวลานี้เองที่ผู้คนเห็นจือไป๋

ผมเผ้าเขายุ่งเหยิง สาบเสื้อตรงหน้าอกเปื้อนเลือด แววตามืดมน สีหน้าซีดเผือด เงียบงันไม่กล่าววาจาราวกับต้องคำสาป

ทุกคนต่างรับรู้ได้ว่า การประลองมรรควิถีนี้ได้สร้างแรงโจมตีอย่างหนักหน่วงให้กับปีศาจแห่งยุคอย่างจือไป๋แล้ว!

“พี่จือไป๋”

เยวี่ยหรูหั่วเอ่ยเรียกอย่างอดไม่ได้

“ข้าแพ้แล้ว…”

จือไป๋ยิ้มเจื่อน ท่าทางเซื่องซึม สายตาเขามองไปยังหลินสวินที่อยู่ห่างออกไป “ความแข็งแกร่งด้านมรรควิถีของพี่หลิน ทำให้ข้าน้อยได้เปิดโลกทัศน์ ขอชื่นชมจากใจ”

เขาเว้นช่วงไปก่อนสูดหายใจลึกกล่าว “ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ พี่หลินจะนำของชิ้นใดบนตัวข้าน้อยไปก็ได้ รวมถึง… ชีวิตของข้าน้อยด้วย!”

ทั้งที่นั้นเงียบสงัด คนมากมายต่างไหวหวั่น พากันมองไปยังหลินสวิน

“พี่หลิน ในเมื่อตัดสินผลแพ้ชนะแล้ว เจ้า… ไว้ชีวิตจือไป๋สักครั้งได้หรือไม่”

เยวี่ยหรูหั่วอดกล่าวอ้อนวอนไม่ได้

บุคคลแห่งยุคอย่างเขาย่อมหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ถ้าไม่ถูกบีบจนถึงที่สุดคงไม่มีทางก้มหัวร้องขอความเมตตาจากคนอื่นแน่

แต่เยวี่ยหรูหั่วในตอนนี้ เห็นชัดว่าไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย

หลินสวินพูดเรียบๆ “เจ้าอยากได้ศุภโชคของข้าคนแซ่หลิน แต่ข้าคนแซ่หลินไม่สนใจชีวิตของเจ้า ในเมื่อเจ้ายอมแพ้ก็ทิ้งสมบัติไว้อย่างหนึ่ง ออกจากที่นี่ไปเสียตอนนี้ เรื่องนี้จะถือว่าแล้วกันไป”

สำหรับผู้ฝึกปราณคนอื่น ข้อเรียกร้องนี้ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง ยากจะรับได้

ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นหน้าประตูทลายของเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ให้คนอื่นจากไป ก็หมายความว่าพลาดโอกาสช่วงชิงมหาสมบัติแรกกำเนิด!

ใครจะทำใจยอมรับได้

แต่สำหรับจือไป๋ เทียบกับการสละชีวิต ข้อเรียกร้องนี้ถือว่าเมตตามากแล้ว ทำให้เขาอดรู้สึกผิดคาดไม่ได้

“ขอบคุณพี่หลิน!”

พลันเห็นเยวี่ยหรูหั่วเอ่ยปาก “เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจ ข้าจะจากไปพร้อมกับจือไป๋ ไม่เข้าร่วมการช่วงชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นอีก”

เมื่อเอ่ยปากออกมา ทั้งที่นั้นพลันฮือฮา!

ใครก็คิดไม่ถึงว่าเยวี่ยหรูหั่วจะตัดสินใจเช่นนี้เพื่อจือไป๋ การจ่ายค่าตอบแทนนี้จะมากเกินไปแล้ว

“พี่เยวี่ย เจ้า…”

จือไป๋อดตะลึงไม่ได้ แต่ไม่รอให้เขาพูดจบก็ถูกเยวี่ยหรูหั่วตัดบท “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้”

ในใจจือไป๋พลันรู้สึกอบอุ่น เขาเพิ่งได้รับความพ่ายแพ้ จิตใจหมองหม่น แต่การกระทำของเยวี่ยหรูหั่วกลับเหมือนแสงที่สาดส่องเข้าไปในใจของเขา ขับไล่ความมืดมิดไปได้

“ยอดสหาย!”

จือไป๋เอ่ยปากหัวเราะลั่น คล้ายก้าวออกมาจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ได้แล้ว

“พี่หลิน โปรดรับของสิ่งนี้ไว้”

เขาหยิบขวดหยกสีเขียวใบเล็กออกมา ส่งผ่านอากาศให้หลินสวินที่อยู่ห่างออกไป

เมื่อเห็นขวดใบนี้ นัยน์ตาเยวี่ยหรูหั่วพลันหดรัดลง จากนั้นก็ยิ้มกล่าว “ดูท่าว่าเจ้าจะปล่อยวางได้แล้ว ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ”

“ไป ในเมื่อพวกเราพี่น้องไม่แสวงชื่อ ก็ไม่แสวงหาวาสนา อย่าขวางหูขวางตาอยู่ที่นี่อีกเลย”

จือไป๋ประสานมือไปทางหลินสวิน ก่อนหันหลังจากไป

“เรื่องทางโลกล้วนเคลื่อนคล้อยดั่งเมฆา มีเพียงมหามรรคของข้าที่แท้จริง พี่หลิน ขอลา”

เยวี่ยหรูหั่วพูดพลางจากไปพร้อมจือไป๋

มองส่งทั้งสองคนจากไป เหล่าผู้กล้าในที่นั้นจิตใจสั่นไหว มีคนยินดีที่คู่แข่งซึ่งยากจัดการหาใดเปรียบน้อยไปอีกสองคน

และมีคนเคารพนับถือ กล้าตัดสินใจกล้าปล่อยวาง สมเป็นวีรบุรุษโดยแท้!

‘วันหน้าบนหนทางสู่จักรพรรดิ ต้องมีพวกเขาสองคนแน่’

ในใจหมีอู๋หยามีลางสังหรณ์

‘ที่ไว้ชีวิตเจ้า ก็แค่ไม่อยากให้หนทางแจ้งมรรคในวันหน้าโดดเดี่ยวเกินไปเท่านั้น… หวังว่า… ภายหน้าจะได้เจอกันอีก’

หลินสวินเล่นขวดหยกสีเขียวใบเล็กในมือ พึมพำในใจ

ในขวดหยกนี้ผนึกลูกกลอนโอสถไว้เม็ดหนึ่งนามว่า ‘ลูกกลอนหลอมมรรคคืนกำเนิด’ จัดอยู่ในอันดับสองของกระดานโอสถเทพทั่วหล้า!

หายากยิ่งกว่า ‘ลูกกลอนเก้าทวารโลกาสวรรค์’ ที่อยู่ในอันดับสาม เคยปรากฏแค่ในสมัยดึกดำบรรพ์ ยากพบเห็นดุจตำนาน

แต่จือไป๋กลับทิ้งสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ไว้ เป็นค่าตอบแทนของการพ่ายแพ้!

นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกผิดคาดมาก ความประทับใจที่มีต่อจือไป๋เปลี่ยนไปไม่น้อย

ถังซูกล่าวขึ้นทันใด “พี่หลิน จือไป๋และเยวี่ยหรูหั่วไปแล้ว แม้ว่าเจ้าจะได้ชัยชนะครั้งใหญ่ แต่พลังกายย่อมถูกผลาญไปด้วย เจ้าเชื่อไหมว่าตอนนี้มีคนอีกมากที่กำลังลอบดีใจ”

ประโยคเดียวแต่กลับทำให้บรรยากาศในที่นั้นเปลี่ยนเป็นพิกลขึ้นมา

หลายคนต่างลอบกัดฟันกรอด ถังซูนี่ทำตัวเป็นแตรลำโพงจริงๆ ความคิดบางอย่างที่ได้แต่เก็บเงียบไว้ กลับถูกเผยออกมาจนหมด

“งั้นรึ”

นัยน์ตาดำของหลินสวินกวาดมองทุกคนในที่นั้นแล้วกล่าวเรียบๆ “ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ข้าคนแซ่หลินจะไม่ถือสา หากจะต้องฆ่าพวกที่ไม่ลืมหูลืมตาอีกสองสามคน”

คำพูดง่ายๆ แต่กลับเผยความเผด็จการออกมาอย่างสมบูรณ์

ก่อนหน้านี้เขาก็แข็งกร้าวอยู่แล้ว ยามนี้แม้ผ่านศึกใหญ่มาเขาก็ยังแข็งกร้าวอยู่ดี ทำให้ผู้แข็งแกร่งบางคนในที่นั้นอดมุ่นคิ้วไม่ได้ รู้สึกเคลือบแคลงสงสัย

เจ้าหมอนี่จะไม่รู้หรือว่าอะไรที่เรียกว่าสำรวม

หรือจะบอกว่าเดิมทีเขาก็ไม่ห่วงอันตรายที่ต้องเผชิญจากการผลาญพลังกายไป

แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ยามนี้ก็ไม่มีใครกล้าตอบรับคำพูดของหลินสวิน!

ความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถของจือไป๋ ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและน่ากลัวของหลินสวินยิ่งกว่าเดิม ใครก็คงไม่โง่ไปหาเรื่องหลินสวินอีก

หลินสวินเห็นดังนี้จึงชักสายตากลับ นั่งขัดสมาธิกับพื้นง่ายๆ กินโอสถเทพแล้วเริ่มทำสมาธิ

การประลองก่อนหน้านี้ทำให้เขาผลาญพลังกายไปไม่น้อยจริงๆ แต่ไม่ถึงขั้นร้ายแรง ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนกระโดดออกมาท้าทายอีกหรือไม่

เวลาล่วงเลย หน้าประตูทลายกลับสู่ความสงบเหมือนก่อนหน้านี้

เหล่าผู้กล้าต่างยืนอยู่กันคนละบริเวณ ระวังภัยรอบทิศ เฝ้ารออยู่เงียบๆ

และมีคนสื่อจิตพูดคุย คล้ายกำลังหารือเตรียมแผนการ

ทว่าทุกอย่างนี้หลินสวินคร้านจะใส่ใจ

“ฮ่าๆๆ พี่หลินหนอพี่หลิน ในที่สุดข้าก็รู้ความเป็นมาที่แท้จริงของเจ้าแล้ว”

ผ่านไปครึ่งชั่วยามพลันมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ก็เห็นเสวียนจิ่วอิ้นเด็กหนุ่มที่สวมชุดป่าน เดินหัวเราะคิกคักมาแต่ไกล

ท่าทางเกียจคร้าน ไม่อนาทรร้อนใจ ไม่สนใจสายตารอบๆ ที่จับจ้องมา มุ่งตรงไปยังหน้าหลินสวิน

“ข้าเป็นเศษเดนแห่งคีรีดวงกมล ไม่กังวลว่าจะดึงเจ้าเข้ามาข้องเกี่ยวด้วยหรือ” หลินสวินมองเขาวูบหนึ่ง

หลังจากแดนลับโลกาสวรรค์ปิดฉาก ยามเผชิญหน้ากับการกระทู้ถามอย่างข่มขู่ของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง เสวียนจิ่วอิ้นเคยเรียกร้องความยุติธรรม ออกหน้าแทนหลินสวิน

นี่ทำให้หลินสวินผิดคาด คิดไม่ถึงว่าคนที่ชอบดูเรื่องสนุกอย่างเจ้าหมอนี่จะออกมาช่วยตนในสถานการณ์เช่นนั้น

แม้จะดูไม่ประมาณตนเอง แต่ในใจหลินสวินมีหรือจะไม่รับน้ำใจ

“อย่าว่าแต่เจ้าเป็นผู้สืบทอดของคีรีดวงกมลเลย ต่อให้เป็นจอมมารที่เทพชังผีรังเกียจแล้วอย่างไร ผู้ชายตระกูลเสวียนของข้ากลัวเรื่องพวกนี้เมื่อไหร่กัน”

เสวียนจิ่วอิ้นพูดพลางหย่อนก้นนั่งลงข้างกายหลินสวิน พูดเองเออเอง

……………………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset