Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2039 จักจั่นนี้แม้เล็กจ้อย แต่มรรคสูงล้ำฟ้า

ตอนที่ 2039 จักจั่นนี้แม้เล็กจ้อย แต่มรรคสูงล้ำฟ้า
เป็นเขา!

ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดผ้าป่านเท้าเปล่า รูปลักษณ์น่าดึงดูดคนนั้น หลินสวินก็ตกตะลึงและประหลาดใจ

เขาจะลืมผู้อาวุโสที่เคยจำศีลอยู่ที่ป่าต้นหม่อน และได้ ‘พูดคุย’ กับตนไปได้อย่างไร

คนผู้นี้ย่อมเป็นชายหนุ่มจักจั่นทอง บุคคลลึกลับที่เคยพูดจาใหญ่โตว่า ‘ปรารถนาให้สรรพชีวิตทั่วหล้ากลายเป็นอริยะ’ บุคคลในตำนานที่เดินออกไปเพียงก้าวเดียวก็ทะลวงพลังระเบียบต้องห้าม ทะยานสู่ฟ้าสูง!

เป็นชายหนุ่มจักจั่นทอง ที่ไขข้อกังขา บอกเล่าเรื่องราวของ ‘จอมจักรพรรดิไร้นาม’ ให้หลินสวินรู้!

ในใจหลินสวิน ชายหนุ่มจักจั่นทองเป็นบุคคลลึกลับถึงที่สุดคนหนึ่ง การได้ปฏิสัมพันธ์กับเขา ไม่มีทางทำให้คนเกิดความรู้สึกขัดแย้งใดๆ ได้โดยปริยาย

ทั้งตัวเขาอ่อนโยนราวกับลมวสันต์ นุ่มนวลดุจหยกงาม กระทั่งทำให้ผู้คนมักจะหลงลืมไปว่า จริงๆ แล้วเขามีมรรควิถีและพลังที่ลึกล้ำมากเพียงไหน!

“เป็นจักจั่นทองตัวนั้น!”

ขณะนี้ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างหลี่เสวียนเวย จวินหวน ผู่เจิน ต่างคล้ายจำเงาร่างที่ยืนสันโดษอยู่กลางห้วงอากาศนั้นได้ ล้วนตกตะลึงอย่างห้ามไม่อยู่

ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เคยมีจักจั่นทองตัวหนึ่งไปยังคีรีดวงกมล หยุดอยู่บนต้นไม้โบราณนอกประตูเขา ฟังเจ้าแห่งคีรีดวงกมลบรรยายมหามรรค ฟังครั้งหนึ่งก็ผ่านไปสามสิบปี

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลไม่ได้ขับไล่มันไป แต่สั่งคนในสำนักไม่ให้ไปรบกวนมัน

สามสิบปีผ่านไป จักจั่นทองแปลงร่างเป็นชายหนุ่ม คารวะให้คีรีดวงกมลจากไกลๆ แล้วก็หันหลังจากไป

ตอนนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลที่กำลังบรรยายมหามรรคให้คนในสำนักยิ้มน้อยๆ กล่าวประโยคหนึ่งที่ยังประทับอยู่ในใจของพวกรั่วซู่อย่างลึกซึ้งจนตอนนี้

‘สามสิบปีหยั่งฌาน หยั่งรู้ในวันเดียว จักจั่นนี้แม้เล็กจ้อย แต่มรรคสูงล้ำฟ้า!’

มรรคสูงล้ำฟ้า!

คำชมเช่นนี้มาจากปากเจ้าแห่งคีรีดวงกมล จะให้พวกรั่วซู่ลืมได้อย่างไร

และก็เป็นตั้งแต่ตอนนั้นเช่นกัน ที่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกเขาต่างจำจักจั่นทองตัวนั้นเอาไว้

บัดนี้จักจั่นทองตัวนั้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ยืนอยู่ใต้เวิ้งฟ้า แหงนหน้ามองส่วนลึกของวังวน ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที

เขามาคราวนี้เป็นเพราะเหตุใด

“ทุกท่านรู้ไหมว่า หากจอมจักรพรรดิไร้นามปราชัย ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร”

ครู่ใหญ่จู่ๆ ชายหนุ่มจักจั่นทองก็เคลื่อนสายตาไปมองพวกรั่วซู่

โดยไม่รอคำตอบ เขาก็พูดเองแล้วว่า “ถึงตอนนั้นพลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ก็จะไม่ได้หายไปเช่นนี้ เพราะต้นกำเนิดของพลังระเบียบต้องห้ามนี้มาจากฟากฝั่งฟ้าดารา จอมจักรพรรดิไร้นามผู้นั้นเป็นเพียง ‘ผู้ดูแล’ คนหนึ่งเท่านั้น”

“เขาตายแล้ว ยังจะมีจอมจักรพรรดิไร้นามอีกคนปรากฏขึ้นอีก เว้นแต่เอาชนะต้นกำเนิดระเบียบต้องห้ามนี้ พันธนการที่ปกคลุมบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ถึงจะสลายไปโดยสมบูรณ์”

คำพูดเดียวทำให้พวกรั่วซู่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

“จักจั่นทอง นี่พูดจริงหรือ” หลี่เสวียนเวยถาม

ชายหนุ่มจักจั่นทองพูด “เรื่องใหญ่ปานนี้ ข้าไม่กล้าพูดเพ้อเจ้ออะไรทั้งนั้น”

ตูม!

ณ ส่วนลึกของวังวนเวิ้งฟ้า การต่อสู้ดุเดือดของศิษย์พี่ใหญ่กับจอมจักรพรรดิไร้นามยังดำเนินอยู่เช่นเดิม มีเสียงห้ำหั่นสะท้านฟ้าสะเทือนดินลอยมาเป็นพักๆ

ไกลออกไปเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูก็สู้ศึกกับเหล่าบรรพจารย์จักรพรรดิ ทำเอาฟ้าดินพลิกตลบ ทั่วหล้าสั่นไหว

การประชันหมากครั้งใหญ่นี้จวนจะถึงช่วงตัดสินแพ้ชนะแล้ว

แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินวาจาของชายหนุ่มจักจั่นทอง กลับทำให้จิตใจพวกรั่วซู่ต่างเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

จอมจักรพรรดิไร้นาม!

ผู้ควบคุมพลังระเบียบต้องห้ามที่ประหนึ่งเจ้าแห่งทัณฑ์สวรรค์ การคงอยู่ของเขาทำให้พลังระเบียบต้องห้ามปกคลุมไปทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา และยังทำให้เส้นทางสู่ฟากฝั่งฟ้าดาราถูกตัดขาด

ใครจะคาดคิดว่าต่อให้สุดท้ายพวกเขาเอาชนะอีกฝ่ายได้ พลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมทั่วหล้านี้ก็จะไม่สลายไป

นี่ก็เหมือนสถานการณ์ที่มีแต่แพ้พ่าย แม้สุดท้ายต่อสู้ชนะ ก็คล้ายไม่อาจเปลี่ยนแปลงสภาพของทางเดินโบราณฟ้าดาราได้!

เป็นเช่นนี้… จริงๆ หรือ

รั่วซู่ถาม “หรือว่าการประชันหมากครั้งนี้ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะไม่มีทางชนะ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ย “ตอนนั้นจักรพรรดิยุทธ์ประกาศศึกกับคนผู้นี้ก็เพื่อทำลายพันธนาการต้องห้าม ครอบครองความเป็นไปได้ที่จะไปยังฟากฝั่งฟ้าดารา แล้วพวกเจ้าเล่า”

รั่วซู่พูดโดยไม่ลังเลว่า “ย่อมต้องทำเพื่อไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราอยู่แล้ว”

พวกหลี่เสวียนเวย จวินหวนก็พยักหน้า

การไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราก็เท่ากับกระโดดออกจากกรงขัง สามารถก้าวหน้าไปอีกก้าวในมรรคา ไม่ทำให้มรรคาขาดช่วงลงเท่านี้

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินพูดอย่างอดไม่ได้ว่า “ศิษย์พี่ ไม่ใช่บอกว่าพอมีเขาปู้โจว พวกเราก็ไม่ต้องกลัวภัยคุกคามจากพลังระเบียบต้องห้าม สร้างสำนักขึ้นอีกครั้งได้แล้วหรือ”

รั่วซู่รีบสื่อจิตอธิบาย ‘ศิษย์น้อง เดิมพวกเราวางแผนว่าหลังจากเอาชนะจอมจักรพรรดิไร้นามผู้นี้แล้ว ก็จะเอามหาสมบัติแรกกำเนิดไปฟากฝั่งฟ้าดาราด้วยกัน แล้วสร้างสำนักขึ้นใหม่อีกครั้ง แต่ตอนนี้ดูท่า…’

พูดถึงช่วงท้ายนางก็อดถอนหายใจไม่ได้

ตอนนี้ดูจากที่ชายหนุ่มจักจั่นทองว่าไว้ ต่อให้เอาชนะจอมจักรพรรดิไร้นามได้ก็ไม่อาจทำให้พวกเขาสมปรารถนา

พอคิดว่าการรอคอยและความทุ่มเทเกือบแสนปีนี้ สุดท้ายเป็นไปได้สูงมากที่จะคว้าน้ำเหลว พวกรั่วซู่ต่างก็จิตใจว่างเปล่าไปครู่หนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้

“สหายยุทธ์ทุกท่านอย่าเข้าใจผิด”

ก็ในตอนนี้เองชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ยปากว่า “คิดจะกำจัดพลังระเบียบต้องห้าม อาจไม่สามารถทำได้ในศึกนี้ศึกเดียว แต่ถ้าเอาชนะจอมจักรพรรดิไร้นามผู้นี้ได้ ก็จะมีความหวังไปยังฟากฝั่งฟ้าดารานั้นได้”

หืม?

พวกรั่วซู่ต่างอึ้งไปอย่างอดไม่ได้ พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร

ชายหนุ่มจักจั่นทองพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ทันทีที่จอมจักรพรรดิไร้นามพ่ายแพ้ พลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ก็จะสูญเสียการควบคุม ก็เปรียบดั่งกรงขังที่สูญเสียคนเฝ้ายาม เช่นนั้นก่อนที่คนเฝ้ายามคนต่อไปจะปรากฏตัว ย่อมมีโอกาสออกจากกรงนี้”

พอแจกแจงเช่นนี้ก็ทำให้พวกรั่วซู่เข้าใจถ่องแท้ แต่ละคนตาเป็นประกาย

เป็นอย่างนี้นี่เอง!

ชายหนุ่มจักจั่นทองมองไปที่ส่วนลึกของวังวนเวิ้งฟ้านั้นอีกครั้งหนึ่ง เอ่ยว่า “ดังนั้นทุกท่านจะสมปรารถนาหรือไม่ ก็ต้องดูว่าจักรพรรดิยุทธ์จะได้รับชัยชนะหรือไม่แล้ว”

พูดถึงตรงนี้เขาถึงนึกอะไรขึ้นได้ หันไปมองดูระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่กำลังห้ำหั่นกับพวกเฒ่าโดดเดี่ยวและราชครู

“เท่าที่ข้ารู้ การร่วงหล่นของพวกเก่ออวี้ผูเกี่ยวข้องกับพลังระเบียบต้องห้าม แต่หลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิปิดฉากลง ผู้ที่ทำลายสำนักคีรีดวงกมลกลับเป็นขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนี้ อย่างเช่นสามเรือนมรรคใหญ่ ดึกดำบรรพ์ ยุทธจักร จักรวาล

ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ยปากเรียบเรื่อยว่า “พวกเจ้าคิดจะล้างแค้นไหม”

“จอมจักรพรรดิไร้นามเป็นตัวการใหญ่ ถ้าเอาชนะเขาได้ เจ้าพวกที่ยินยอมเป็นทาสเหล่านี้ก็จะไม่มีที่พึ่งอีก อยากล้างแค้นเมื่อไรก็ได้”

รั่วซู่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “เทียบกันแล้ว ไปตั้งสำนักใหม่ที่ฟากฝั่งฟ้าดาราสำคัญยิ่งกว่าเรื่องพวกนี้”

ชายหนุ่มจักจั่นทองกล่าวคล้ายขบคิด “ไม่ผิด ด้วยรากฐานและพลังของพวกเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะหลายปีนี้ถูกพลังระเบียบต้องห้ามนี้คุกคาม เกรงว่าทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้จะไม่มีขุมอำนาจใดต้านทานการจู่โจมของพวกเจ้าได้”

หลินสวินนึกถึงคำที่ศิษย์พี่รั่วซู่เคยเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ ผู้คนบนโลกต่างคิดว่าคีรีดวงกมลพ่ายแพ้ให้กับขุมอำนาจใหญ่อย่างเรือนมรรคจักรวาล ยุทธจักร ดึกดำบรรพ์

แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่า ถ้าไม่มีพลังระเบียบต้องห้ามคุกคาม ด้วยพลังของผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านี้ ก็กำราบให้ขุมอำนาจใหญ่พวกนี้โงหัวไม่ขึ้นได้!

และในความเป็นจริง ในการห้ำหั่นกับเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มาจากขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ เหล่านั้นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นรั่วซู่หรือพวกหลี่เสวียนเวย จวินหวน ผู่เจิน ต่างสำแดงพลังต่อสู้กร้าวแกร่งถึงขั้นสามารถใช้คำว่าบดขยี้มาบรรยายได้จริงๆ!

บัดนี้หลินสวินก็นับว่าเข้าใจแล้วว่ารากฐานของคีรีดวงกมลน่ากลัวปานไหน และรู้ชัดในที่สุดว่าเหตุใดเหล่าศิษย์พี่ที่แข็งแกร่งปานนั้น แต่กลับไม่เคยไปล้างแค้นจนตอนนี้

ก็เพราะจอมจักรพรรดิไร้นามที่ควบคุมพลังระเบียบต้องห้ามผู้นั้น!

“สหายยุทธ์ เจ้ามาคราวนี้ด้วยเหตุใดหรือ”

รั่วซู่เอ่ยถาม

ชายหนุ่มจักจั่นทองยิ้มน้อยๆ “ข้าเคยฟังบรรพจารย์แห่งดวงกมลบรรยายมหามรรคที่คีรีดวงกมลมาสามสิบปี บรรพจารย์คีรีดวงกมลมีบุญคุณชี้แนะสั่งสอนข้า เป็นทั้งอาจารย์และสหาย มาคราวนี้ย่อมมาเป็นกำลังช่วยทุกคนอีกแรง”

ขณะที่พูดเขาดีดนิ้วคราหนึ่ง

ลายมรรคสีทองเจิดจ้าแถวหนึ่งปรากฏขึ้น กลายเป็นบทประพันธ์งามวิลาศ ส่องสว่างเจิดจ้ากลางฟ้าดิน

มองจากไกลๆ ก็ประหนึ่งคัมภีร์มรรคอันลึกลับหาใดเทียบเล่มหนึ่งเปิดออก ส่องสะท้อนโลกหล้า

อักษรแต่ละตัวงามงด ส่องสว่างทะลุดารา!

“ไป!”

พอชายหนุ่มจักจั่นทองสะบัดแขนเสื้อ ก็มีแสงเทพกฎเกณฑ์สีทองราวกับระเบียบเป็นสายๆ พุ่งกระจายออกมาจากบทประพันธ์เจิดจ้านั้น

ตูมโครม!

เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่กำลังขับเคี่ยวดุเดือดกับเฒ่าโดดเดี่ยวและราชครูเหล่านั้นร่างสั่นไปทั้งตัวในชั่วขณะ

ในเวลาเดียวกัน พลังระเบียบต้องห้ามที่เดิมถูกพวกเขาควบคุม ก็ถูกแสงเทพสีทองที่ปะทุออกมานั้นตีกระจุยไปทั้งหมดเหมือนกระดาษเปื่อย

ท่ามกลางละอองแสงปลิวว่อน อานุภาพทั้งร่างของพวกเขาก็ลดฮวบลงไปด้วย

“แย่แล้ว!”

“คนผู้นี้เป็นใครกัน เหตุใดถึงสามารถเอาชนะพลังระเบียบต้องห้ามได้ง่ายดายปานนี้”

เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นต่างตกตะลึง ขนลุกไปทั้งตัว

นี่จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้จักรพรรดิยุทธ์สังหารวิญญาณต้องห้ามอย่างราบคาบด้วยอานุภาพกวาดล้างทำลาย ก็ทำให้พวกเขาสะพรึงกลัวแล้ว

และตอนนี้ ทันทีที่ชายหนุ่มจักจั่นทองลงมือ อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมากลับไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิยุทธ์ นี่จะไม่ให้พวกเขาตะลึงได้อย่างไร

เฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูต่างเหลือบมองไปอย่างอดไม่ได้ เผยสีหน้าตกตะลึง เจ้าหมอนี่… พลังแข็งแกร่งยิ่ง!

เขาเป็นใคร

พวกรั่วซู่ หลี่เสวียนเวยเห็นดังนี้ ในใจก็สะท้านไม่หยุด นึกถึงความเห็นที่อาจารย์มีต่อคนผู้นี้ในตอนนั้น

มรรคสูงล้ำฟ้า!

“ไป!”

เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นเห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าทีจึงคิดหนีโดยไม่ลังเล

ก่อนหน้านี้มีพลังระเบียบต้องห้ามคอยหนุน พวกเขาจึงต้านเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครูได้ แต่ตอนนี้ไม่มีพลังระเบียบต้องห้ามแล้ว จะยังมีความสามารถใดไปห้ำหั่นต่อได้อีก

ต่อให้ไม่พูดถึงเฒ่าโดดเดี่ยวกับราชครู และไม่พูดถึงชายหนุ่มจักจั่นทองซึ่งมีที่มาที่ไปลึกลับสุดหยั่งคนนั้น แค่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นล้วนสามารถโจมตีพวกเขาถึงแก่ชีวิตได้!

“กงเกวียนกำเกวียน บุญทำกรรมแต่ง หนี้เลือดในวันวานก็ชดใช้ในวันนี้เถอะ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ยสีหน้าเฉยเมย

ตูม!

บทประพันธ์งามงดที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นแผ่ขยายออกทันที กลายเป็นลายมรรคเต็มฟ้า ปกคลุมสี่ทิศแปดด้าน ประหนึ่งดวงดาราแน่นขนัดไร้สิ้นสุด

ลายมรรคแต่ละลายร่วงพรูลงมา เจิดจ้าและช่วงโชติเสมือนดาวหางพาดผ่านฟ้า ทว่าอานุภาพของอักษรมรรคเหล่านี้กลับเรียกได้ว่าน่ากลัวจนไม่อาจจินตนาการ!

ฟุ่บ!

เพียงชั่วพริบตา เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่มีชีวิตมาไม่รู้เท่าไรผู้หนึ่ง ถูกลายมรรคพร่างพราวที่ควบรวมเป็นอักษร ‘สังหาร’ ตัวหนึ่งซัดโจมตี ร่างกายและพลังจิตพังทลายลงในพริบตา กลายเป็นเถ้าธุลีลอยหายไปสิ้น!

——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset