ฉันเดินภายใต้ความมืดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ขาของผู้นำทางทั้งสองจะหยุดลง
「เอ่อ คือว่านะ…นั่นน่ะ มันช่วยไม่ได้จริงๆ มันกะทันหัน จน ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีน่ะ」
รู้สึกเครียดจนทนไม่ไหวฉันจึงส่งเสียงพูดเพื่อระบายออกมา นิ้วชี้ซ้ายขวา*จึ๋งๆ*จิ้มเข้าหากัน ขณะที่ยังคงอยู่ใต้ผ้าผืนใหญ่
「ไม่มีใครอยู่สินะ พาเข้าไปเลยค่ะ」
ดูเหมือนมากิลูก้าจะไม่ได้ยินคำพูดแก้ตัวของฉันเลยล่ะมั้ง ถึงได้ตอบกลับมาแบบนั้น แล้วผ้าที่คลุมศีรษะของฉันก็ถูกเอาออก กลับมามองเห็นสภาพโดยรอบ นี่คือบริเวณโถงทางเข้าที่ชั้นหนึ่งของอาคารเรียนเก่าอันคุ้นเคย
「เอ เอโตะ」
ฉันพยายามที่จะพูด แต่ก็นึกไม่ออกว่าควรพูดอะไรดี ในขณะที่กำลังอ้ำอึ้ง มากิลูก้าก็จับแขนฉันค่อยๆเดินด้วยความระมัดระวัง พาขึ้นมายังห้องรับรองที่อยู่ชั้นสอง สถานที่พักผ่อนซึ่งพวกเราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
「ฟู่…ท่าทาง จะปลอดภัยแล้วสินะคะ」
ทันทีที่เข้ามาในห้อง มากิลูก้าปิดประตูแล้ว*เฮ้อ~*ถอนหายใจออกมาเพื่อคลายความเครียด
「คุณหนู เป็นยังไงบ้างคะ?」
เพราะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ฉันจึงได้แต่*โปะก้า~ ง*ยืนค้างอยู่กลางห้อง จนทุตเต้ต้องเข้ามาถามและมองสำรวจตัวฉัน
「อะ อื้อ ฉันสบายดี」
「ฟุมุ… ดูเหมือนว่าผลต่อเพศเดียวกันจะอ่อนลงไปสินะคะ」
ระหว่างที่ฉันกับทุเต้พูดคุยกัน มากิลูก้าที่มองสังเกตก็พูดอะไรบางอย่างที่ฟังดูมีความหมายขึ้นมา ฉันจึงหันไปทางนั้นแล้วเอียงคอถาม
「เพศเดียวกัน? ผล?」
「อะ กรุณาอย่าทำท่าทางน่ารักมองมาทางนี้สิคะ ใจเต้น*ตึกตั๊ก*หมดแล้วค่ะ」
พอโดนฉันจ้องมอง มากิลูก้าก็รีบเบือนหน้าหนี พร้อมทั้งกางฝ่ามือสะบัดไปมาบังการจ้องมอง มองดูดีๆแล้ว เหมือนจะแก้มแดงหน่อยๆด้วย
「หมายความว่ายังไง?」
หลังจากที่ตวรจสอบแล้วว่าร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ ทุตเต้ก็นำผ้าเช็ดตัวที่เตรียมไว้มาเช็ดผมของฉันที่เปียกอยู่ ทางนี้ดูปกติเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
「ทุตเต้ล่ะ ไม่เป็นอะไรเลยหรือคะ?」
「ดิฉันที่คอยดูแลคุณหนูได้เจอกับเสน่ห์แบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วค่ะ」
ขณะที่เช็ดผมให้ฉัน ทุตเต้ก็ตอบคำถามของมากิลูก้าไปเช่นนั้น แต่ฉันก็ยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่ดี
「เน่ พูดอะไรกันอยู่น่ะ ช่วยอธิบายให้เข้าใจหน่อยได้มั้ย?」
หลังจากที่เช็ดผมเสร็จ ฉันก็นั่งลงตรงเก้าอี้ที่ถูกบอก ซึ่งพอนั่งแล้ว ก็พบว่ามากิลูก้านั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่ห่างออกไป
(ทำไมถึงนั่งห่างซะขนาดนั้น แค่เปียกโชกด้วยน้ำเลี้ยงของต้นไม้นั่น…ฮะ หรือว่า)
ด้วย keyword คำว่า ‘น้ำเลี้ยงของต้นไม้’ ทำให้ฉันระลึกถึงเหตุการณ์สุดเลวร้ายขึ้นมา
「หรือว่า ตัวฉัน มีกลิ่น!」
*ฟุดฟิด*ฉันยกแขนขึ้นมาดมแต่ก็ไม่ได้มีกลิ่นแปลกๆอะไร แต่ มันก็ยังแพทเทิร์นแบบว่า ตัวเองไม่รู้สึกแต่คนรอบข้างรู้สึกอยู่ จึงยังไม่สามารถวางใจได้
「เปล่าค่ะ ไม่ใช่กลิ่น แต่เป็นอะไรที่ยุ่งยากยิ่งกว่านั้นอีกค่ะ」
「หมายความว่ายังไง?」
「ที่แตกใส่ท่านแมรี่นั้น เป็นแมนเดรกสายพันธ์ย่อยที่พบได้ยากมากๆค่ะ ซึ่งน้ำเลี้ยงที่ได้จากการเพาะเลี้ยงไว้หลายต่อหลายปีมีผลในการเสริมเสน่ห์ดึงดูดของผู้ใช้ค่ะ」
「หา?」
เพราะไม่สามารถประมวลผลตามสิ่งที่มากิลูก้ากำลังอธิบายได้ ฉันจึงเผลอทำเสียงที่ไม่สมกับเป็นกุลสตรีออกมา
「ต้องใช้เวลาเพาะปลูกเป็นเดือนเป็นปี แถมยังแตกได้ง่ายหากถูกกระทบกระเทือน ทำให้เป็นพืชที่เพาะเลี้ยงได้ยากค่ะ คาดว่า น่าจะเกิดขึ้นมาจากความบังเอิญ ประกอบกับการที่เหล่ารุ่นพี่เลี้ยงดูเป็นอย่างดีมาหลายต่อหลายรุ่น แล้วพอมาถูกท่านแมรี่ใช้เวทย์โจมตีเข้า」
「ก็เลยแตก…」
พอนึกถึงสีหน้าตื่นตะลึงของพวกเขาแล้ว
(ม่า ผลลัพธ์จากการดูแลอย่างดีสินะ)
「เพราะหาได้ยากมีราคาแพงและสกัดได้น้อย ปกติแล้วต้องนำไปผสมกับน้ำหอมเพื่อฉีดพ่นตามตัวค่ะ แต่นี่ โดนรดศีรษะด้วยจำนวนมากขนาดนั้น」
「ดะดะ เดี๋ยว เดี๋ยวนะ! งั้น ที่จู่ๆท่านเรย์ฟอร์ซรุกเข้าใส่นั่นก็」
「ใช่แล้วค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากเสน่ห์ที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง」
(ทำไมถึงติดสภาวะผิดปกติได้ล่ะ? สกิลยกเลิกผลของฉันล่ะ? อะ เข้าใจล่ะ เพราะมันเพิ่มเสน่ห์เลยไม่นับว่าเป็นอันตรายต่อร่างกายสินะ ก็เลยสามารถผ่านเข้ามาได้ ไม่ใช่สกิลสารพัดนึกขนาดนั้นสินะ)
พอฉันเริ่มจับสถานการณ์ว่าอะไรเป็นอะไรได้ ก็พบกับสิ่งที่น่าตกตะลึง
「แต่ว่า ที่ผลรุนแรงถึงขนาดนี้นี่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยค่ะ ที่เคยได้ยินอย่างมากก็แค่ทำให้เพศตรงข้ามรู้สึกใจเต้น*ตึกตั๊ก*นิดหน่อยเท่านั้น แต่นี่แม้แต่เพศเดียวกันอย่างตัวฉันเองยังใจเต้น*ตึกตั๊ก*หน่อยๆเลยค่ะ อา ที่เขาพูดกันว่า“คนมีเสน่ห์เค้าไม่จำเป็นต้องพึ่งยาอะไรพวกนี้ตั้งแต่แรกแล้ว”มันคือแบบนี้เองสินะคะ」
ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีผลกับเพศเดียวกัน แต่มากิลูก้าก็ยังพยายามที่จะไม่มองมาทางฉันเท่าที่จะเป็นไปได้ และก็ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ผลของมัน
「แล้วผลนี่มัน จะอยู่นานแค่ไหน?」
「ปกติแล้ว จะอยู่ได้หลายสิบนาทีค่ะ แต่ก็ได้ยินมาว่า ผลของมันมีความแตกต่างในแต่ละบุคคลด้วย」
มากิลูก้าคราง*อื~ ม*ขณะใช้ความคิด ฉันทำได้แค่จ้องหน้าเธอด้วยสีหน้าค้างแข็ง
(ทำยังไงดีล่ะ ที่นี่เป็นโรงเรียนนะ มีพวกผู้ชายอยู่เต็มไปหมด แล้วจะกลับบ้านยังไง? ไม่สิ กลับไปทั้งอย่างนี้เลยก็น่าจะไม่มีปัญหามั้ง? พลาดขึ้นมา ก็บินหนีเอา)
ทว่า แม้เวทย์ลอยตัวจะเพิ่มระดับความสูงได้ แต่การเคลื่อนที่ค่อนข้างช้า เทียบกันแล้วเวทย์บินจะเคลื่อนที่ได้เร็วที่สุด แต่เพราะเป็นเวทย์มนต์ระดับสามขึ้นไปจึงต้องหลีกเลี่ยงที่จะใช้ให้คนเห็น
「ยังไง ฉันจะลองไปที่ชมรมวิจัยยาเวทย์มนต์แล้วปรึกษาดูค่ะ บางทีอาจจะยังมีคนที่ยังไม่กลับอยู่ในอาคารเรียนเก่านี้ก็ได้」
「ฉะ ฉันไปด้วย」
「ท่านแมรี่ช่วยรออยู่ที่นี่ มิเช่นนั้นคงได้ดึงดูดทุกคนที่พบเป็นแน่ค่ะ」
「ขะ…ค่ะ」
เพราะถูกทำให้ตระหนักถึงความจริงตอนลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ ว่ากลุ่มคนรอบตัวไม่ได้มีแต่เพศเดียวกันเท่านั้น ฉันจึง*ซึม*ทรุดกลับลงไปนั่งเก้าอี้ เห็นเช่นนั้น มากิลูก้าจึงฝากให้ทุตเต้จัดการที่เหลือ และออกจากห้อง ฉันโบกมือเบาๆตอบ พอเธอออกจากห้องไปแล้ว ฉันก็*เฮ้อ~*ถอนหายใจยาว
「ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทั้งที่ฉันแค่อยากจะใช้ชีวิตวัยเรียนอย่างสงบแท้ๆ」
「คงจะเป็นเพราะเทพแห่งความโกลาหลให้พรปกป้องคุ้มครองคุณหนูอยู่ล่ะมั้งคะ」
「พรแบบนั้นขอให้ยกเลิกเดี๋ยวนี้เลยค่ะ」
ฉันได้แต่บ่นระหว่างรอข้อมูล และหวังว่าผลของมันจะหมดลงไประหว่างที่นั่งรอ
———-
นับจากตอนนั้น ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลังจากปิดงานเป็นที่เรียบร้อย องค์ชายกับซาฮะที่กลับมาอยู่ห้องในห้องข้างๆเพื่อความปลอดภัย ซาฟีน่าที่ไม่มีหน้าที่อะไรจึงมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามดื่มชาด้วยกันกับฉัน ดูเหมือนจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาจารย์ดูแลเรื่องแปลงนั้น เพราะจะทำลายทิ้งไปเฉยก็คงไม่ดี จึงขอให้อาจารย์ช่วยกำกับดูแลเรื่องการเก็บเกี่ยว
「เน่ ซาฟีน่า ฉัน ดูเป็นยังไง?」
「ดูงดงามมากจนใจเต้น*ตึกตั๊ก* รู้สึกอยากเข้าไปกอดท่านแมรี่จนแทบทนไม่ไหวเลยค่ะ 」
「ระ เหรอ…พยายามอดทนเอาไว้นะ」
รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้เธอกลายเป็นสุนัขที่กำลัง*แฮ่กๆ*หายใจแรงพร้อมกระโจนเข้าใส่เจ้าของจนฉันต้องออกคำสั่ง*นิ่ง* จากนั้นก็ถอนหายออกมาเฮือกใหญ่กับการที่รู้ว่าผลของมันยังไม่หายไป ดูเหมือนว่าผลต่อเพศเดียวกันจะใช้จิตใจที่เข้มแข็งรับมือได้ แต่กับคนที่มีจิตใจอ่อนแอคงไม่ไหว
「แต่จะว่าไป ดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรกับทุตเต้เลยนะ น่าประทับใจ สมกับที่เป็นเมดของฉันเลยค่ะ」
「ขะ ขอบพระคุณมากค่ะ」
ในตอนนั้น ฉันที่รู้สึกประทับใจมากๆได้ยิ้มออกมา สังเกตเห็นว่ากาน้ำชาในมือของทุตเต้สั่นนิดหน่อย แต่ก็ทำเป็นมองไม่เห็น
(ขอโทษค่ะ จะอยู่เงียบๆแล้วค่ะ จะไม่ทำอะไรให้เสน่ห์มันเพิ่มอีกแล้วค่ะ ดังนั้น ทุตเต้เองก็อดทนให้เต็มที่เลยนะ)
ฉันก้มหน้าลงไม่ให้ใครเห็น พยายามขดตัวเพื่อลบตัวตนออกไป
และ ไม่กี่นาทีต่อมา
「*ปุ๊ฮ่า~~~!* อา นึกว่าจะตายซะแล้ว」
「คุณหนู กลั้นหายใจอีกแล้วหรือคะ」
ลบตัวตน = กลั้นหายใจ ดูเหมือนจะกลายเป็นกฎแบบนั้นฝังอยู่ในจิตใจส่วนลึกของฉันโดยไม่รู้ตัว ฉัน*ซูด~ฮ่า~ซูด~ฮ่า~*จนไหล่ขยับขึ้นลง
「กำลังทำอะไรคะนั่น?」
ผู้ที่เปิดประตูยืนหรี่ตามองมาทางนี้คือมากิลูก้า
「มากิลูก้า!」
「อุ๊ป」
ฉันที่รอคอยการกลับมาของเธออยู่ เงยหน้าขึ้น *ปัง*ตบโต๊ะยืนอยู่กับที่ แสดงสีหน้าดีใจออกมา มากิลูก้าถึงกับหน้าแดงในทันใดยกมือขึ้นป้องปากพร้อมหลบสายตา
(ขอโทษค่ะ ฉันจะไปเอาผ้าคลุมหัว และซ่อนตัวค่ะ)
ฉันทำท่าเหมือนสุนัขที่โดนดุ*งื๊ด* รีบหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่อยู่ใกล้ เอามาคลุมแล้วขดตัวอยู่ในนั้น
「ช่วยหยุดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ! เจ้าการซ่อนตัวหนีความผิดแบบน่ารักนั่นมันถือเป็นการยั่วยวนนะคะ!」
เสียงตะโกนออกมาจากใจของมากิลูก้า ทำให้ทุตเต้กับซาฟีน่าหันมามองทางนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน ก่อนจะเริ่มพึมพำบทสวดอะไรซักอย่างเพื่อหักห้ามใจตนเอง
「เกิดอะไรขึ้นหรือครับ!」
「องค์ชาย! แย่แล้ว!」
คงเพราะตกใจกับเสียงร้องของมากิลูก้า องค์ชายจึงโผล่เข้ามาจากห้องข้างๆ แต่ในจังหวะที่กำลังก้าวเข้ามา ก็ถูกซาฮะดึงตัวกลับออกไปและปิดประตูลงในทันที
「กะ เกือบไปแล้ว…」
ได้ยินเสียงของฝ่ายชายดังมาจากหลังประตู ทำไมตัวตนของฉันถึงได้สร้างปัญหาให้กับทุกคนแบบนี้นะ อยากร้องไห้ออกมาจริงๆ
「ยิ่งเวลาผ่านไป แทนที่ผลจะลดลง กลับยิ่งรุนแรงกว่าเดิมอีกค่ะ ดูเหมือนว่า ความเห็นของทุกคนจะถูกต้องนะคะ」
「หมายความว่ายังไง?」
ฉันกลั้นน้ำตา ตัดสินใจคุยทั้งที่อยู่ใต้ผ้าเช็ดตัว ไม่มองหน้ามากิลูก้า
「จากทฤษฎีเกี่ยวกับสายพันธุ์ย่อยของพืชชนิดนี้ ได้ระบุเอาไว้ว่าผลของเสน่ห์ดึงดูดและช่วงเวลานั้นขึ้นอยู่กับเสน่ห์ดั้งเดิมของผู้ใช้และปริมาณพลังเวทย์ค่ะ ดังนั้นการที่ท่านแมรี่มีเสน่ห์ดึงดูดรุนแรงขนาดนี้นั้น ก็น่าจะเป็นผลมาจากเสน่ห์ในตัวและปริมาณพลังเวทย์ค่ะ」
「ยะ อย่างงั้นเหรอ?」
「ถึงอย่างนั้น ที่ผลรุนแรงได้ถึงขนาดนี้ ท่านแมรี่มีค่าเสน่ห์และปริมาณพลังเวทย์มากขนาดไหนกันคะเนี่ย」
คำพูดของซาฟีน่าที่หลุดปากพึมพำออกมา ทำให้ฉัน*ตึก*สะดุ้งพร้อมกับมีเหงื่อเย็นๆไหลออกมา
(ซวยแล้ว~ วว! ถ้าผลของมันยังคงอยู่ต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ มีหวังถูกสังเกตความแปลกประหลาดของปริมาณพลังเวทย์ในตัวฉันแน่)
「แล้วมีวิธียกเลิกผลของมันในตอนนี้เลยมั้ย?」
「ตอนนี้ยังคิดไม่ออกเลยค่ะว่าจะยกเลิกได้ยังไง ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะให้ทุกคนในกลุ่มช่วยกันค้นข้อมูลค่ะ」
「เช่นนั้น ปัญหาตอนนี้ก็คือจะออกจากโรงเรียนและกลับบ้านยังไงสินะคะ」
ปัญหาที่ซาฟีน่ายกขึ้นมาทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
「โดยสรุปคือ ต้องไม่ให้ใครเห็นตัวฉันใช่มั้ย? หาอะไรมาคลุมทั้งตัวจนไม่รู้ว่าเป็นใครเลยก็น่าจะได้ล่ะมั้ง」
「นั่นสินะคะ รับมือกับเสน่ห์โดยการทำให้มองไม่เห็นน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว」
「งั้น เอาตามนี้ล่ะ」
ฉันร่างแผนขึ้นมา แล้วบอกถึงสิ่งที่จะทำให้กับทุกคน
และแล้ว หลังจากเริ่มปฏิบัติการ 1 ชั่วโมง
「โยชชี่! สมบูรณ์แบบค่ะ!」
ฉันยืนโพสท่าอยู่หน้ากระจกภายในห้องนั่งเล่น ในฐานะที่เป็นเด็กสาวแล้วมันน่าอายอยู่หรอก แต่ว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องห่วงในตอนนี้ ฉันในตอนนี้เป็นยังไงน่ะเหรอ…
「เกราะสีขาวงดงามแบบเต็มตัวอย่างนั้นหรือคะ」
มากิลูก้าพึมพำออกมาด้วยความประหลาดใจ
ใช่แล้ว ภาพที่ปรากฏในกระจกบานใหญ่ตอนนี้ คือตัวฉันที่ถูกห่อหุ้มด้วยชุดเกราะแบบเต็มตัวจนไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใครหากไม่พูดออกไป