คดีผลเสน่ห์ที่เพิ่มพูนได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน เช่นเคย เหมือนกับเป็นเรื่องประจำไปแล้ว วันต่อมาหลังจากที่จบเรื่อง ฉันขาดเรียนเพราะขังตัวอยู่ในห้อง ซึ่งมีเหตุผลอยู่สองประการ ประการแรกคือผลเสน่ห์ที่เพิ่มพูนถูกยกเลิกไปแล้วจริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสงสัยเป็นอย่างมาก การถูกฝูงเด็กนักเรียนชายเข้ามาห้อมล้อมหรือไล่ตามมันใช่เรื่องไม่ตลกเลยนะ ถ้างั้น สวมเกราะซะก็ได้นี่ ทว่า นั่นก็ไม่ได้ ทำไมน่ะเหรอ เพราะอีกเหตุผลหนึ่ง เหตุการณ์ใหญ่ที่จบไป จากประสบการณ์ทำให้คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าในโรงเรียนตอนนี้กำลังพูดถึงเรื่องราวของอัศวินสีเงิน ด้วยเหตุนี้ ทำให้ฉันไปโรงเรียนในสภาพเช่นนั้นไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นจุดสนใจอย่างแน่นอน ดังนั้น ฉันจึงทำได้แค่เพียงการขังตัวเองอยู่ในห้อง
อย่างไรก็ตาม วันนี้จะไม่ไปโรงเรียนไม่ได้ เพราะว่า ท่านพ่อกำลังจะกลับมาแล้ว
(ไม่ว่ายังไงก็ให้ท่านพ่อรู้ไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะหากรู้เข้าก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง)
ที่ท่านพ่อรักและเป็นห่วงก็ดีใจอยู่หรอก แต่ก็กังวลว่าจะไปทำให้เรื่องราวดำเนินไปยังทิศทางแปลกในจุดที่ไม่รู้เข้า ฉันถอนหายใจออกบนรถม้าระหว่างทางไปโรงเรียน
「เอาล่ะ จะแก้ตัวว่ายังไงดี บอกว่าทั้งหมดเป็นเพราะเกราะจะดีรึเปล่านะ? หวังว่า ฉันจะแค่คิดกังวลไปเอง ทุกคนไม่ได้สนใจ ไม่เอามาพูดคุย… ฉันยังคงเป็นตัวประกอบได้อยู่ล่ะมั้ง」
ในขณะที่ฉันจินตนาการถึงสิ่งที่หวังปลอบใจตัวเอง ทุตเต้ที่นั่งอยู่ตรงหน้ามองมาที่ฉันแล้วทำหน้าเหมือนยอมแพ้
「คุณหนูคะ… คือ เลิกเถอะค่ะ ลองมาก็มากมายหลายวิธี น่าจะได้เวลากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้วมิใช่หรือคะ?」
「ทุตเต้ ฉันจะสอนอะไรดีๆให้นะ 『ถ้ายอมแพ้การแข่งขันก็จบลงที่ตรงนั้นค่ะ』…ใช่ ฉันจะไม่มีทางยอมแพ้!」
คำพูดอ่อนแอของทุตเต้ถูกฉันใช้ประโยคเด็ดที่จำได้จากชาติก่อนโน้มน้าว
「การแข่งขัน… คุณหนูกำลังสู้อยู่กับอะไรอย่างนั้นหรือคะ?」
「ไม่ต้องไปสนใจรายละเอียดตรงนั้นหรอก ยังไงฉันก็ไม่ยอมแพ้ ทุตเต้ก็ช่วยเป็นพลังให้ฉันด้วยนะ ขอร้องล่ะ มีแต่เธอเท่านั้นที่ฉันจะพึ่งได้」
ฉันเอนตัวขึ้นมาจากเบาะของรถม้า กุมมือของทุตเต้ขึ้นมาตรงหน้า ช้อนตาขึ้นมองเธอด้วยดวงตาที่เปียกชื้น
「…ค่ะ แน่นอนค่ะ คุณหนู ดิฉันจะทำให้ดีที่สุดจนกว่าการแข่งขันนี้จะจบลง」
ทุตเต้กุมมือฉันกลับ แก้มแดงเล็กน้อย ตอบกลับมา
(เฮะ? ผลเสน่ห์ที่เพิ่มพูนมันหายไปแล้วสินะ แต่ปฏิกิริยาอะไรแบบนั้นก็ทำให้รู้สึกกังวลนิดหน่อย)
มันคงจะเป็นผลตกค้างหรือผลข้างเคียงจากเสน่ห์ที่เพิ่มพูนแบบนั้นล่ะมั้ง ซึ่งในตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจ มารู้ความจริงเอาก็ตอนที่มาถึงโรงเรียน
พอมาถึงโรงเรียนแล้วฉันก็ เอาแต่เดินก้มหน้าตลอด
เหตุผลก็คือ สายตาของเหล่านักเรียน
สายตา จ้องมา มองมา สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากทุกทิศทุกทาง ทำให้ฉันทำได้เพียงแค่ก้มมองพื้น นอกจากนี้ สายตาเหล่านั้นไม่ได้มีจิตสังหารหรือความเกลียดชัง ไม่มีความรู้สึกด้านลบพวกนั้น แต่กลับเป็นความสนใจ ความชื่นชอบแถมยังเป็นในระยะใกล้อย่างเปิดเผย มันน่าอายจนฉันไม่กล้ามองไปยังอีกฝ่าย
(แปลก ผลเสน่ห์ที่เพิ่มพูนมันน่าจะหายไปแล้วนี่ แล้วทำไม?)
「นะ เน่… ทำไม พวกนักเรียนชายถึงมองมาทางฉันแบบนั้นล่ะ? หรือว่าผลเสน่ห์ที่เพิ่มพูนมันยังไม่หายไปอย่างงั้นเหรอ?」
เพราะทนต่อสายตาไม่ไหว ฉันจึงกระซิบถามมากิลูก้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะภายในห้องนั่งเล่นของอาเรย์ออส
「ไม่ค่ะ ผลนั้นได้หายไปหมดแล้วค่ะ」
「ตะ แต่ว่า…」
ฉันเหลือบไปมองซ้ายขวารอบตัว ก็สังเกตเห็นว่าเหล่านักเรียนชายรอบตัวต่างมองมา ก่อนที่ฉันจะรีบหันกลับมาตรงหน้า
「อันนั้นสินะคะ ในตอนนั้น ที่ถอดหมวกออกแล้ววิ่งไปทั่ว ผู้ที่ให้ความสนใจในตัวท่านแมรี่น่ะแน่นอนอยู่แล้ว แต่ผู้ที่ไม่ได้ให้ความสนใจหรือไม่เคยรู้จักท่านแมรี่มาก่อน แม้ว่าจะหลุดจากผลเสน่ห์ไปแล้ว แต่ก็ยังคงจดจำความรู้สึก*ตึกตั๊ก*ในตอนนั้นได้ค่ะ」
「มะ ไม่น้า~ 」
หลังฟังการวิเคราะห์จากมากิลูก้า ฉันที่รับรู้ความเป็นไปได้นั้นก็แทบทรุด จนอยากเอาตัวลงไปพาดกับโต๊ะ
「ท่านแมรี่ ทุกคนมองอยู่นะคะ」
「อู…」
มากิลูก้าเตือนฉัน ว่าในฐานะที่เป็นบุตรีของตระกูลดยุคไม่ควรทำกิริยาไม่เหมาะสมในขณะที่กำลังถูกทุกคนพุ่งเป้าความสนใจ จึงต้อง*ฮืบ*ยืดหลังตรงเอาไว้
แม้ว่าโดยปกติจะไม่ค่อยได้ใส่ใจเว้นแต่กรณีจำเป็น แต่กับตอนนี้ที่มีคนคอยมองมาอยู่เป็นระยะๆ คงจะปล่อยตัวเช่นนั้นไม่ได้
(อาาา อยากหนีไปอยู่ห้องนั่งเล่นในอาคารเรียนเก่าจัง ยุ่งยากจังเลยน้า)
พอมองไปรอบๆเพื่อยืนยันว่าไม่มีใครทำหน้าแปลกๆ ก็พบสายตาของกลุ่มนักเรียนหญิง พวกเธอยิ้มอ่อนๆมองมาทางฉัน แล้ว ไม่รู้ทำไม *ว๊าย~*ถึงส่งเสียงร้องเล็กๆออกมา
「ฝั่งเด็กผู้ชายก็เข้าใจอยู่หรอก แล้วทำไมถึงมีเด็กผู้หญิงด้วยล่ะ?」
「เอามือแนบอกแล้วถามตัวเองดูสิคะ」
มากิลูก้าหรี่ตามองพูดเช่นนั้น ฉันจึงเอามือขวาวางแนบอกแล้วหลับตา
「เมื่อสองวันก่อน มีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน แล้วก็มีอัศวินท่าทางองอาจปราบมันลงได้ใช่ไหมคะ?」
「…ใครคือ อัศวินคนนั้น?」
ฉันลืมตาขึ้น เอามือขวาที่วางทาบอกลง ทำหน้ามึนเอียงศีรษะถามออกไป
「คุณคือคนๆนั้นยังไงล่ะคะ คุณน่ะ!」
จู่ๆมากิลูก้าก็ขึ้นเสียงใส่ฉันที่ทำหน้าเบลอๆ จนทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างพากันมอง เราทั้งคู่รับรู้ว่าเพิ่งทำเรื่องเสียมารยาทออกไปหัวเราะกลบเกลื่อน รอบข้างจึงสงบลง
「เรื่องที่ว่าข้างในชุดเกราะคือท่านแมรี่ ทุกคนในอาเรย์ออสต่างก็รู้กันหมด ข่าวลือจึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และในตอนนี้เรื่องราวก็กลายเป็นว่า คุณคือทายาทของท่านอัศวินสีเงินไปแล้วยังไงล่ะคะ」
「เดี๋ยว ฉันแค่เอาเกราะสีเงินมาใส่เท่านั้นเองนะ แล้วทำไมเรื่องราวมันถึงก้าวกระโดดไปเกี่ยวกับข้องอัศวินสีเงินได้ล่ะ?」
「แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ? เวทย์ระเบิดที่คุณใช้ นั่นน่ะ แม้จะเป็นเวทย์มนต์ระดับสามแต่ก็เป็นเวทย์มนต์ที่มีความยากมากนะคะ แม้นักเรียนคลาสอื่นจะไม่รู้ แต่พวกเราที่ต้องการจะเป็นนักเวทย์ในอนาคตต่างรู้ดีว่ามันน่าทึ่งมากแค่ไหน ด้วยเหตุนั้น ทุกคน จึงมองเห็นภาพของคุณกับอัศวินสีเงินซ้อนทับกันยังไงล่ะ」
พอฉันเลือกคำแก้ตัวให้เข้าใจผิดไปทางนั้น ก็ถูกมากิลูก้าหรี่ตามองมาจนรู้สึกเจ็บปวด
「เอ เอ~ โตะ… นั่นมัน คือว่า จะว่ายังไงดี จะเรียกว่าสถานการณ์มันพาไป…」
เพราะคิดคำแก้ตัวดีๆไม่ออก สายตาของฉันจึงสอดส่ายไปมาด้วยความสับสน มากิลูก้า*ฮ่าห์~ *ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
「ไม่ว่าเกราะจะดีแค่ไหน ก็ไม่ควรทำอะไรอย่างไม่ยั้งคิดนะคะ เพราะไม่ว่ายังไงร่างกายของคุณก็ยังอ่อนแอ พอใช้เวทย์มนต์นั้นแล้ว… อย่างในครั้งนี้ หลังจากจบเรื่องแล้วก็หลับไปหนึ่งวันเต็มๆเลยใช่ไหมคะ โปรดรักตัวเองให้มากด้วยค่ะ」
มากิลูก้าพูดใส่ฉันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจครึ่งเป็นห่วงครึ่ง
(โอ๊ะ จะว่าไป ตัวฉันมีเซ็ตติ้งที่ว่าร่างกายอ่อนแอจึงใช้พรสวรรค์ได้ไม่เต็มที่นี่นะ)
ฉันเพิ่งนึกออกว่าได้เซ็ตติ้งนี้มาจากการที่ทุกคนในโซลออสเข้าใจผิด แต่ถูกเข้าใจไปแบบนั้นก็สะดวกดีฉันจึง*เฮ้อ*ออกมาด้วยความโล่งอก
「ขอโทษนะ ที่ทำให้เป็นห่วง…」
เพราะรู้สึกผิดกับการที่ต้องโกหกทุกคน ฉันจึงกล่าวคำขอโทษออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
และ ระหว่างคาบเรียน มามิลูก้าคอยจัดการเหล่าเด็กนักเรียนชายที่เข้ามาฉันให้ และในเวลาพักช่วงที่เธอไม่อยู่ข้างๆ ซาฮะกับองค์ชายก็เข้ามาทำหน้าที่บอดี้การ์ดแทน ด้วยธรรมชาติของซาฟีน่าที่ไม่ค่อยถูกโรคกับผู้ชาย ในตอนนี้ เธอจึงมีหน้าที่เป็นที่ชาร์จไฟให้ฉัน
(อา การมีเพื่อนนี่ดีจริงๆเลยน้า~ )
ทว่า ความรู้สึกอบอุ่นก็จบลงเพียงแค่นี้ พอถึงตอนที่เหล่าสาวๆเข้ามาพูดคุยเรื่องราวของอัศวินสีเงิน ทำนบกันคลื่นของฉันที่ชื่อว่ามากิลูก้ากับซาฟีน่าก็พลันทลายลง และ ในวันนี้เองก็มีการแสดงเลียนแบบวีรกรรมอันน่าอายของฉันเพื่อย้อนเหตุการณ์ในตอนนั้น สลับกับเสียงวี๊ดว๊ายของเหล่าสาวน้อย
(ฮะฮะฮะ… หยุดทีเถอะนะขอล่ะ)
อะไรซักอย่างที่เรียกว่าเดจาวู ฉันทำได้เพียงแค่หัวเราะแห้งๆ ขณะเฝ้ามองเหล่าสาวน้อยส่งเสียงวี๊ดว๊ายอย่างตื่นเต้นให้กับการเล่าเรื่องราวของซาฟีน่า
ในตอนที่เลิกเรียนแล้ว ฉันวิ่งตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่อาคารเรียนเก่า
「แล้ว ในจังหวะเล็กๆที่เจ้าสไลม์เผยช่องว่างออกมา ท่านแมรี่ก็วิ่งเข้าไป ราวกับเป็นท่านอัศวินสีเงิน แทงดาบเข้าใส่เจ้าสไลม์ จากนั้นก็พูดค่ะว่า」
「「ว๊ายยยย!」」
(ฮะฮะฮะ… หยุดทีเถอะนะขอล่ะ)
「เจ้าจงแหลกสลายไปด้วยแสงแห่งการเริ่มต้นและจุดจบเสีย」
「「ว๊ายยยย!」」
(ฮะฮะฮะ… หยุดทีเถอะนะขอล่ะ)
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากดูการแสดงน่าอายด้วยรอยยิ้ม ขณะที่บ่นตัวเองในใจว่าทำไมถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกไป
「จริงๆแล้วท่านแมรี่เป็นทายาทของท่านอัศวินสีเงินสินะคะ」
「ฟุฟุฟุ เรื่องทายาทเนี่ย ไม่เป็นความจริงเลยค่ะ ฉันเป็น『แค่』คนธรรมดา 『แค่』บุตรีของตระกูลดยุคค่ะ」
ฉันพูดออกมาด้วยรอยยิ้มโดยเน้นตรงคำว่า『แค่』
「ไม่ได้เกี่ยวข้องว่าต้องสืบเชื้อสายมาจากท่านอัศวินสีเงิน แต่เป็นผู้ที่ถูกเลือกจากชุดเกราะสีเงินตัวนั้นสินะคะ」
「ชุดเกราะนั้นเป็นผลงานสั่งทำซึ่งท่านดีโอโดร่าเป็นผู้สร้างขึ้นมาค่ะ ไม่ได้เป็นชุดเกราะในตำนานอย่างที่ทุกคนคิด เป็น『แค่』ชุดเกราะที่มนุษย์(ดวอร์ฟ)สร้างขึ้น ม่า ถึงฉันจะยอมรับว่ามีคุณสมบัติหลากหลายซึ่งเป็นประโยชน์ แต่ก็ยังอยู่ในระดับผลงานของมนุษย์ค่ะ」
เพิ่มเติมว่า แม้ฉันพูดเน้นคำว่า『แค่』ออกไปพร้อมกับรอยยิ้มสบายๆ อย่างไรก็ตาม ถึงฉันจะพยายามทุ่มเทอย่างเต็มที่กับการแก้ไขความเข้าใจผิด แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ว่าชุดเกราะนี่เป็นเพียงแค่เศษเหล็ก เพราะมันจะไปขัดแย้งกับคำพูดและการกระทำที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ของฉัน และเพราะไม่อาจปฏิเสธอย่างหนักแน่น จึงได้แค่ทำให้มันดูอ่อนลง ซึ่งเหล่าเด็กนักเรียนหญิงจะตีความการอธิบายที่กำกวมนี้ยังไงนั้น ฉันกลัวจนไม่อยากที่จะจินตนาการถึง
「ต้องขออภัยที่เข้ามาขัดจังหวะการพูดคุยเรื่องอันราวน่าสนใจ แต่ ขอยืมตัวคุณหนูแมรี่สักครู่จะได้ไหมครับ?」
ฉันที่อยู่ในสถานการณ์มีเหงื่อเย็นๆไหลอยู่ในใจกับคำถามจากเหล่านักเรียนหญิง ก็มีคำถามแทรกเข้ามาจากทางด้านหลังของพวกเธอ ผู้ที่แทรกคำถามเข้ามาแบบสุภาพบุรุษคือองค์ชายนั่นเอง ซึ่งไม่มีใครมองเขาอย่างไม่พอใจเลยแม้แต่คนเดียว เหล่านักเรียนหญิงต่างมองด้วยสีหน้าหลงใหล แสดงท่าทาง*เชิญเลยค่ะ*
「ถ้าเช่นนั้น ขอตัวก่อนนะคะ」
เหล่าเด็กสาวต่างมอบรอยยิ้มที่ดีที่สุดให้เป็นของขวัญ กับองค์ชายผู้งามสง่าซึ่งยื่นมือมาให้ฉันที่กำลังนั่งอยู่ ฉันทำหน้าเขินอายเล็กน้อยก่อนวางมือลงบนฝ่ามือนั้น ลุกขึ้นจากที่นั่ง กล่าวขอบคุณทุกคน เดินไปยังห้องข้างๆภายใต้การอารักขาจากองค์ชาย หลังจากปิดประตูลง เหมือนได้ยินเสียงอะไรประมาณ*หวา~ว*ออกมาด้วยความหลงใหลแต่ก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
「ไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องราวไปทางนั้นก็ได้ไม่ใช่หรือคะ? อาจจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด…」
「ฟุฟุ กระแสแบบนี้น่าจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงผู้ชายได้ง่ายขึ้นนะครับ และถึงผมจะเข้าหาผู้หญิงสักเล็กน้อยก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก ส่วนเรื่องราวที่ออกจากปากเด็กสาวเหล่านั้นหากมันจะแพร่กระจายจนกลายเป็นข่าวลือก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะยังไงก็เป็นแค่ข่าวลือ」
ฉันกระซิบถามองค์ชายเพื่อไม่ให้คนรอบข้างได้ยิน เขาก็ขยิบตาข้างหนึ่งให้ฉันแล้วกระซิบตอบกลับมา
(ก็เรื่องนั้นนั่นแหละ รู้สึกได้เลยว่าจะต้องกลายเป็นเรื่องยุ่งยากในภายหลัง ม่า จะให้อดทนจนทุกคนสงบลงจนเลิกคุยไปเองก็ไม่ไหวล่ะนะ)
ฉันเลิกที่จะคิดลงลึกและเดินเข้าไปยังห้องข้างๆ ตรงนั้นมีมากิลูก้านั่งอยู่บนเก้าอี้ มีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นเหรอ ใบหน้าที่ดูจริงจังนั้นทำให้ฉันรู้สึกเดจาวูขึ้นมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
「อะโน ท่านเรย์ฟอร์ซ… หรือว่ามีเรื่องอะไร?」
พอกลับมาตั้งสติได้ ฉันก็ถามตรงเข้าประเด็น
「เปล่าหรอกครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เพียงแค่ อยากขอยืมพลังของพวกคุณน่ะครับ」
องค์ชายยังไม่พูดตอบออกมาตรงๆ และเชิญให้ฉันนั่งลงก่อน ฉันนั่งลงไปข้างๆกับมากิลูก้าที่กำลังพึมพำ ในขณะที่องค์ชายลงตรงหน้ามองมาทางพวกเรา
「งานแข่งขันศิลปะการต่อสู้สำหรับนักเรียนใหม่ของโซลออส พวกคุณน่าจะรู้จักสินะครับ」
「ค่ะ ฉันเองก็เคยเข้าร่วมมาแล้ว」
(ถึงจะมีเรื่องราวที่ไม่อยากจดจำอยู่เยอะแยะเลยก็เถอะ)
「พวกเราจะต้องดูแลงานแข่งขันศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้ครับ」
「คะ?」
องค์ชายพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง ในขณะที่ฉัน*โปะก้า~ ง*ทำหน้าตางี่เง่าตอบกลับ