Dungeon Defence – ตอนที่ 99

 

 

ดาบอันเป็นที่รักของพระราชา มนุษย์ ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่

ปฏิทินจักรวรรดิ: ปี 1506 เดือน 4 วันที่ 9

ที่ราบ บรูโน กองทหารของดันทาเลียน

 

 

 

“ฟาร์นาเซ่ เธอบอกว่าเล่นดนตรีเป็นใช่ไหม”

 

“อืม? เป็นเช่นนั้นจริง นายท่าน”

 

วันนี้เป็นวันสิ้นสัปดาห์วันที่ฝ่าบาทได้เตือนเราไว้ล่วงหน้า

 

หญิงสาวคนนี้จัดชุดเสื้อผ้าให้เข้าที่ที่หน้าคุก แตกต่างกับผู้บัญชาการคนอื่น ๆ หญิงสาวคนนี้ไม่ได้แต่งตั้งให้มีผู้ดูแลเรื่องเสื้อผ้าเป็นการส่วนตัว หญิงสาวคนนี้จัดการชีวิตดูเเลด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากผู้หญิงคนนี้กำลังจะไปปรึกษากับเจ้านายของเราเกี่ยวกับสิ่งที่เธอควรทำในวันนี้ หญิงสาวคนนี้จึงต้องตรวจสอบเครื่องแบบทหารที่ใส่ หญิงสาวคนนี้เลยได้รับการตรวจสอบจากฝ่าบาทเพื่อดูว่าใส่ชุดอย่างถูกต้องเหมาะสมไหม

 

“มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับดนตรีน่ะ แต่······ โอ่ย เสื้อคลุมของเธอตรงนี้มันยังยู่ยี้อยู่เลย”

 

“ตรงไหน?”

 

“ตรงนี้ เเละนี่ด้วย.”

 

“หากฝ่าบาทบอกว่า ‘ตรงนี้’ แล้วหญิงสาวผู้นี้จะรู้ได้อย่างไรว่าที่นั่นมันอยู่ที่ไหนล่ะ? หญิงสาวคนนี้ควรใช้วิธีการใดเพื่อค้นหาว่า ‘ตรงนี่’ อยู่ที่ไหนดีล่ะ มันอาจจะอยู่ที่ดวงตาหรือที่กระปู๋ของท่านก็ได้ แทนที่จะพูดว่า ‘ที่นี่’ ทำไมไม่เพียงบอกทิศทางที่แน่นอนแก่หญิงสาวคนนี้ล่ะ”

 

 

 

“ฮ่าฮ่า เจ้าเด็กตัวแสบคนนี้ ผมน่ะชี้ทางที่ถูกต้องให้เธอได้เสมอเเหละ มานี่สิ เดี๊ยวเเก้ให้เอง”

 

หญิงสาวคนนี้เข้าใกล้คุกและปล่อยให้ฝ่าบาทช่วย เสร็จเเล้วก็เขาดึงขอบเสื้อของหญิงสาวคนนี้จนตึง ดึงเเล้วก็ลาก······ ผ่านผ้าหนา ๆ หญิงสาวคนนี้รู้สึกได้ถึงพระหัตถ์ของฝ่าบาทที่โอบอยู่รอบๆตัว เกือบจะรู้สึกราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกของหญิงสาวคนนี้ที่ได้สัมผัสความรู้สึกของการมีคนอื่นช่วยสวมเสื้อผ้าให้

 

“ท่านหมายความว่าอย่างไรที่ว่ามันเกี่ยวกับดนตรี?”

 

“ไม่ใช่งานอดิเรกของเธอหรอกหรือที่รวบรวมหัวกระโหลกและเขียนคะแนนขณะที่หัวกระโหลกกระจายอยู่รอบตัวเธอ? อย่างไรก็ตาม เธอเขียนแค่คะแนนเท่านั้น เเต่ไม่เคยเห็นนำไปจัดเเสดงเลย นำไปเเสดงจะไม่ดีกว่าเหรอ?”

 

“หญิงสาวคนนี้ไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องทำอะไรมากกว่านั้นค่ะ”

 

หญิงสาวคนนี้ตอบอย่างตรงไปตรงมา

 

ดนตรีเป็นนิสัยเดิมของหญิงสาวคนนี้ หญิงสาวคนนี้มีพรสวรรค์ด้านการได้ยินที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากหญิงสาวคนนี้ไม่สามารถลืมสิ่งที่เธอเคยได้ยินได้ มันทับถมกองสุมอยู่ที่มุมหนึ่งของกะโหลกศีรษะของหญิงสาวคนนี้อย่างไม่สิ้นสุดเหมือนน้ำมัน มีหลายต่อหลายครั้งที่น้ำมันที่ทับถมอยู่ในหัวกลายเป็นภาพลวงตาและบรรเลงในหัวราวกับว่ามันเป็นภาพหลอนอยู่ในหู ในช่วงเวลาเหล่านั้นเองที่หญิงสาวคนนี้เริ่มจะเขียนคะแนนลงไปให้กะโหลกเเต่ละหัว

 

“ในเมื่อเสียงนั้นแล่นผ่านเเละจบลงในหัวของหญิงสาวคนนี้ไปแล้ว มีเหตุผลอะไรที่ทำให้หญิงสาวคนนี้ต้องออกนอกวิถีทางเพียงเพื่อแสดงและเล่นเพลงเดิมซ้ำๆกันล่ะ?”

 

“ที่ผมบอกไปก็เพราะดูเหมือนว่าผมจะได้ออกจากคุกในไม่ช้านี้ เพราะต้องฝ่าอุปสรรคสูงชันเพื่อปกป้องเธอ ดังนั้นไม่ใช่หน้าที่ของเธอเรอะที่จะเป็นคนมาต้อนรับการปล่อยตัวผมจากการคุมขังน่ะ? เพลงอะไรก็ได้เล่นมันถ้าผมออกมา เลือกเพลงที่ชอบเเละเล่นได้ดีที่สุดมาเลย”

 

“เป็นการเฉลิมฉลองเเด่ฝ่าบาทได้รับการปล่อยตัวจากคุกงั้นสินะ······?”

 

หลังจากฟังเหตุผลแล้ว มันก็เป็นไปตามตรรกะ

 

เนื่องจากหญิงสาวคนนี้ไม่เคยจัดเเสดงให้ใครเห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียวตลอดชีวิตของเธอ การอุทิศประสบการณ์ครั้งแรกนั้นแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นของขวัญให้ ข้อเท็จจริงที่ว่าท่านลอร์ดต้องใช้เวลาอยู่หลังกรงขังหนึ่งสัปดาห์เพราะเขาสละตัวเข้าปกป้องเธอไว้ เป็นไปตามที่คาด ภาระเลยไปปตกอยู่ที่หญิงสาวคนนี้ ด้วยเหตุที่ฝ่าบาทของเธอเป็นชายที่คิดเล็กคิดน้อยโดยนิสัยของตัวเอง เขาจะไม่มีวันลืมหนี้บุญคุณที่ทำไว้ แทนที่จะใช้ชีวิตในขณะที่เป็นหนี้บุญคุณต่อฝ่าบาท การอุทิศสิ่งที่ไร้ค่าอย่างเช่นประสบการณ์ครั้งแรกก็ยังถือว่าดีกว่ามาก

 

ทันทีที่หญิงสาวคนนี้กำลังจะผงกศีรษะ คำถามก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอทันทีและผ่านริมฝีปากของเธอ

 

“ท่านลอร์ด หญิงสาวคนนี้ไม่รังเกียจที่จะแสดงดนตรีฟรีให้ แต่หญิงสาวคนนี้มีคำถาม”

 

“เป็นเรื่องที่ดีที่จะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งต่างๆมากมาย เเล้วคำถามคราวนี้คืออะไร”

 

“หญิงสาวคนนี้คือตุ๊กตาของฝ่าบาทใช่หรือไม่”

 

โดยทันที.

 

มือของฝ่าบาทก็ได้หยุดลง

 

หญิงสาวคนนี้หันกลับไปมองอย่างมีพิรุธ เจ้านายของเรามองมาทางนี้อย่างเงียบ ๆ  สีดำเป็นสีโปรดของหญิงสาวคนนี้ เเละรูม่านตาของท่านลอร์ดมีสีดำเพียงสีเดียว ดังนั้นมันจึงดูผ่อนคลายเมื่อจ้องมองเข้าไป

 

“ใครพูดแบบนั้นกับเธอ”

 

“เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิพูด”

 

“······”

 

“หญิงสาวผู้นี้ขออภัยที่บอกฝ่าบาทในตอนนี้ หญิงสาวผู้นี้มิได้ฝ่าฝืนคำสั่งของท่าน การต่อสู้กับเจ้าหญิงจักพรรดิไม่ได้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากการต่อสู้ครั้งก่อนสิ้นสุดลง องค์หญิงจักรพรรดิได้เรียกหญิงสาวผู้นี้ เจ้าหญิงกล่าวแบบนั้นออกมาหลังจากตรวจสอบหญิงสาวคนนี้อย่างใจเย็น เธอเป็นหุ่นเชิดใช่ไหม? เธอเป็นศพใช่รึเปล่า? หรือทั้งคู่? เธออ้างว่ามันน่าฉงนเพราะผู้คนทั้งหมดซึ่งองค์ที่เป็นเจ้าของเเละพยายามจะโอบกอดนั้นเหลืออยู่เพียงเราผู้เดียว”

 

“······”

 

“เจ้าหญิงพูดว่าจะฝากข้อความถึงฝ่าบาท หลังจากที่ได้พบกับตุ๊กตาของนายแล้ว เรา เอลิซาเบธ ฟอน ฮับส์บวร์ก ก็คิดว่าเธอค่อนข้างสวย”

 

เจ้านายของเราฟังถึงจุดนั้นแล้วก็ถอนหายใจ

 

“หวั่นไหวกับคำพูดนั้นหรือเปล่า”

 

“หญิงสาวคนนี้ไม่หวั่นไหว เนื่องจากหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่หุ่นเชิดหรือศพ เธอคือมนุษย์ที่ใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม เจ้านายของเราให้ชีวิตแก่หญิงสาวคนนี้ นั่นคือสิ่งที่หญิงสาวคนนี้ไม่เคยสงสัยมันเลย”

 

“อย่างไรก็ตาม?”

 

อย่างไรก็ตาม.

 

เเต่อย่างไรก็ตาม······.

 

หญิงสาวคนนี้พยักหน้าของเธอ

 

“อย่างที่เคยคิดไว้ หญิงสาวคนนี้สงสัยว่าตัวเธอเองนั้นเป็นเด็กที่เกิดมาในโลกนี้อย่างผิดปกติ หรือเปล่า”

 

เจ้านายของเราเงียบ แม้ในขณะที่เป็นใบ้ อารมณ์ก็ไม่ปรากฏในสายตาของฝ่าบาทเลย คนทั่วไปจะตรงกันข้ามกับฝ่าบาทนั้นโดยสิ้นเชิง สำหรับคนทั่วไปส่วนใหญ่ควรแสดงอารมณ์เล็กน้อยจนพอใจมากกว่านี้ เเต่ฝ่าบาทกลับไม่เคยแสดงอารมณ์รุนแรงออกมาเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากท่านลอร์ดเงียบลง หญิงสาวคนนี้จึงพูดต่อไปอย่างสบายใจ

 

“หญิงสาวผู้นี้เดาได้ว่าเหตุใดการปกครองของท่านจึงเหลือเพียงเศษซากปรักหักพัง ความพินาศจะไม่อ้างว้างเลยเมื่อท่านอยู่ภายในความปรักหักพังนั้น หากรอบๆ มีเพียงเศษซากที่พังทลายลง เศษนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งจบสิ้นลง แต่เป็นสิ่งที่ให้ความรู้สึกราวกับว่ามันสามารถคงอยู่ต่อไปได้ต่อไปได้ด้วยตัวเอง หญิงสาวคนนี้สามารถคิดว่าตัวเองเป็นคนธรรมดาเมื่ออยู่ในสถานที่นั้น นับตั้งแต่มิสลาพิส หัวหน้าเเม่มดฮัมบาบา และแม่มดคนอื่นๆ อยู่ที่นั่น ความเป็นเจ้านายของท่านก็ทำให้สถานที่ซึ่งพุพังนั้นสามารถอยู่ได้”

 

 

 

//ผู้แปล:ฟาร์นาเซ่กำลังคิดว่า แม้ว่าพื้นที่โดยรอบจะพังทลาย แต่การปรากฏตัวของคนอื่น ๆ ในสถานที่นั้นของแม่มดและตัวละครเช่น ลาพิส ทำให้รู้สึกเพียงพอและเป็นปกติที่จะอยู่ที่นั่นเเล้ว ฟาร์นาเซ่กำลังบอกเป็นนัยว่าบุคคลที่พวกเขากำลังพูดคุยด้วย ดันทาเลี่ยน รู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ต่อหน้าเเม้จะอยู่ในซากปรักหักพังหรือสถานการณ์ที่ยากลำบากตรงนั้น  

 

///ปรัชญามากจนแปลไม่ถูกเเล้ว

 

“This young lady can guess why Your Lordship scrapes together only remains. A ruin will not be lonely when within ruins. If there are only collapsed remains in one’s surroundings, then the wreckage is not something that had simply met its end there, but instead, it is something that feels as if it can continue to stay there and something that appears sufficient on its own. This young lady is able to consider herself to be a normal individual when within that place since Miss Lapis, Captain Humbaba, and the other witches are there. Your Lordship must also be like that in your own right.”

 

 

 

“······”

 

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราสามารถหายใจต่อไปได้ด้วยการเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทตอนนั้นวางแผนจะทำอะไรล่ะ? แม้ว่า บาร์บาทอส สามารถกอดเจ้านายได้ แต่เธอก็ไม่สามารถแบกรับนายท่านได้ใช่ไหม? แม้ว่า ไพม่อน จะดึงท่านเข้าร่วมฝ่าย แต่เธอก็ไม่สามารถแบกรับนายท่านไว้ได้ทั้งหมดไม่ใช่หรือ? เเต่มิสลาพิสล่ะเธอสามารถแบกรับนายท่านได้จริงเหรอ มันตรงกันข้ามเลย เจ้านายเราท่านอาจเป็นผู้โอบกอดจอมมารสองคนนั้น······ เเต่มันจะไม่เป็นไรจริงๆเหรอ?”

 

เจ้านายของเราเกาหน้าผากของตัวเอง หลังจากถอนหายใจสองสามครั้ง เขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากันและเขย่าหน้าผากของหญิงสาวคนนี้

 

“ฮ่าาาา”

 

“นั่นคือเหตุผลที่ผมบอกเธอว่าให้เป็นอิสระเร็ว ๆไง เด็กโง่ ดูที่ลาพิสสิ แม้ว่าผมจะไม่ได้สั่งอะไรเธอเลย เธอก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้ไม่ใช่หรือ? คงจะดีมากถ้าพวกเธอรีบทำตามแบบอย่างของลาพิสได้น่ะ”

 

“รู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของโลกจะเพิ่มขึ้นเลยหากผู้คนทำตามตัวอย่างแบบของ มิส ลาพิส······”

 

“คนไร้สาระอะไร จะไปมีคนที่ฆ่าคน 10000 คน ให้ตายลงเพราะคำพูดได้กันล่ะ?”

 

นั่นเป็นเรื่องจริง

 

เจ้านายหยิบบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุมของเขา มันคือหน้ากากเต้นรำ หญิงสาวคนนี้เอียงศีรษะ ไม่แน่ใจว่าท่านลอร์ดตั้งใจจะทำอะไรโดยยื่นหน้ากากนั้นให้หญิงสาวคนนี้

 

“หน้ากากนั่นเพื่ออะไรกัน?”

 

“พรุ่งนี้ เราจะกวาดล้างผู้ทรยศทุกคนใน พันธมิตรจันทร์เสี้ยว เมื่อเธอแสดงงานดนตรีเฉลิมฉลองการปล่อยตัวของผม พวกจอมมาร ส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมใน พันธมิตรจันทร์เสี้ยว จะมารวมตัวกันชั่วขณะภายใต้ข้ออ้างว่าทำพิธีกรรมถวายต่อเทพเจ้า ผู้ที่สวมหน้ากากจะมีชีวิตเเละผู้ที่ไม่สวมหน้ากากจะตาย”

 

“······”

 

เข้าใจแล้ว เครื่องมือในการระบุมิตรหรือศัตรู

 

หญิงสาวคนนี้สงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นการแสดงดนตรีสด การแสดงของหญิงสาวคนนี้เป็นเหยื่อล่อเพื่อดึงดูดความสนใจ เหล่าจอมมารจะนั่งลงและทุกคนจะเฝ้าดูหญิงสาวคนนี้ ช่วงเวลานั้นเอง เมื่อพวกเขาลดการป้องกันลง เป็นโอกาสสำคัญที่จะกวาดล้างคนทรยศในบัดนั้น

 

“ดูเหมือนมันจะเป็นการเเสดงดนตรีที่พิเศษทีเดียว ท่านลอร์ด”

 

“แน่นอน มันเป็นวันที่ผมถูกปล่อยตัวจากคุก มันควรจะเป็นวันพิเศษไม่ใช่เหรอ? การเตรียมเวทีจะดูแลโดย บาร์บาทอส และ ไพม่อน ไม่ต้องกังวลในส่วนการดำเนินการ เมื่อถึงเวลาที่เธอกดโน๊ตสุดท้ายสิ้นลง ร่างของคนทรยศจะไปกองนองอยู่ที่พื้น”

 

หญิงสาวคนนี้พยักหน้าเห็นด้วย

 

“อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาวคนนี้ ท่านลอร์ด การพยายามหลีกเลี่ยงมันไม่ได้ผลกับหญิงสาวคนนี้ กรุณาตอบด้วย. หญิงสาวคนนี้เป็นตุ๊กตาของเจ้านายหรือไม่”

 

เจ้านายของเขาคลิกลิ้นของตัวเอง

 

ดูเหมือนว่าความใจแคบของเธอจะเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นเเล้วนะ หากสงสัยเกี่ยวกับมันนัก ก็กลับมาหลังจากเสร็จสิ้นการต่อสู้ในวันนี้ซะ เมื่อถึงเวลาที่เธอกลับมา เธอจะได้หาคำตอบด้วยตัวเธอเอง”

 

ดังเช่นนั้นหญิงสาวคนนี้จึงได้ออกเดินทาง

 

 

 

……………………………………..

 

เขาว่ากันว่าคนแปลส่วนใหญ่มักประกาศดรอปตอนที่ 99 หรือ 99.9 หรือ 999   ซึ่งตอนนี้มีครบทเซ็ตเลย

 

 

 

ฮี่ๆๆๆๆได้โอกาสล่ะ

Dungeon Defence

Dungeon Defence

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Dungeon Defenceคุณทราบหรือไม่ว่าโลกนี้สิ้นสุดได้อย่างไร? [Yes] [No] “เจ้าเชื่อในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติหรือไม่?” “ขออภัยฝ่าบาท แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่เชื่อในเรื่องงมงาย” “น่าเสียดาย ทั้งที่เรื่องลี้ลับธรรมชาตินั้นมันออกจะสุดยอดเลยแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้าผู้นี้คงไม่ได้มีชีวิตชีวาถึงขนาดนี้หรอก” รอบตัวของสองคนนั้นไร้ซุ่มเสียงใด ๆ มีเพียงกลุ่มคนห้าพันคนต่างนิ่งเงียบคอยสดับรับฟังบทสนทนาของคนสองคนเบื้องหน้าพวกเขา ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวสวยสดงดงามตระการตา เธอเป็นทั้งขุนนางปกครองของเมืองนี้ และขุนพลพ่ายศึกในสงครามชิงเมื

Comment

Options

not work with dark mode
Reset