flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1267 ความไว้วางใจ

บทที่ 1267 ความไว้วางใจ

“ผู้บุกรุกล้วนไม่ได้เอาอะไรไปด้วย เพียงแค่ไปยังห้องมืดที่ฉันใช้ล้างรูป และนำคอมพิวเตอร์ที่ฉันไม่ได้ใช้เครื่องหนึ่งออกมา ทั้งยังถ่ายสำเนาคลิปวิดีโอหนึ่งที่ถ่ายมาเข้าไป” ฉินซีเอ่ยถึงตรงนี้แล้ว ก็หยุดพูดไปหลายวินาที ถึงจะสงบสติอารมณ์ให้มั่นคงได้ และเอ่ยต่อว่า “ในคลิปวิดีโอ คุณน่าจะอยู่ในบ้านตระกูลลู่ที่เมืองหนาน พวกคุณนั่งอยู่ข้างโต๊ะกลมโต๊ะหนึ่ง รอบด้านมีผู้อาวุโสมากมาย คุณ…..พูดอย่างแน่วแน่ว่า คุณจะไม่แต่งงานกับใคร ถ้าไม่ใช่เธอ”

คำพูดนี้ทำให้คิ้วของลู่เซิ่นขมวดเป็นปมแน่นกว่าเดิม

เขารู้ว่าฉินซีกำลังพูดอะไร สถานการณ์ในตอนนั้น ตัวเขาเองก็จำได้ชัดเจนมาก

แต่ว่า…..สิ่งที่เขาพูดในตอนนั้นทั้งหมด ก็เพียงเพื่อจะให้คนในตระกูลลู่ช่วยตัวเองพาคนออกมาจากคุก ทั้งยังทำให้พวกอารองขาดความระวังตัวด้วย

มิน่าหลังจากที่ฉินซีดูจบแล้ว ก็สูญเสียความเชื่อใจที่มีต่อตัวเองไปโดยสิ้นเชิง

“เป็นผมที่ไม่ถูกต้อง” ลู่เซิ่นหลุบตาลง

เขาแทบจะไม่เคยก้มหัวให้กับใครที่ไหน และก็ไม่เคยเอ่ยขอโทษกับคนอื่น แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฉินซี…….

เขารู้ว่า ตัวเองจำเป็นต้องทำแบบนี้

“ฉันพยายามอย่างมากที่จะเชื่อใจคุณ” น้ำเสียงของฉินซีมีความโศกเศร้าอยู่เบาบาง “พยายามมากที่จะโน้มน้าวตัวเองว่าให้ไว้วางใจคุณ แต่ว่า……ฉันทำไม่ได้จริงๆ”

หัวใจของลู่เซิ่นมีความเจ็บปวดปรากฏขึ้นมาชั่วขณะ

ในช่วงเวลานั้น เป็นเพราะตัวเองยังลังเลไม่แน่ใจกับคำขอร้องของหลินยี่ สติสัมปชัญญะบอกกับเขาว่า ไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของหลินยี่ได้ แต่ความรู้สึกกลับทำให้เขาไม่สามารถตัดสินใจออกมาได้ง่ายๆ การยื้อยุดของตัวเองทำให้เขาละเลยความรู้สึกของฉินซีในช่วงเวลานั้นไป ลืมว่าความเหินห่างของตัวเองที่มีต่อฉินซีนั้น จะทำให้เธอทรมานมากแค่ไหน และทำให้คนที่มีเจตนาแอบแฝงใช้จุดนี้มาหาประโยชน์ ประจวบเหมาะกับคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ จึงสามารถทำลายความไว้วางใจระหว่างฉินซีกับตัวเองลงได้

ลู่เซิ่นยกมือขึ้น คิดจะโอบกอดฉินซี แต่สุดท้ายแล้วกลับทำแค่จับมือฉินซีเอาไว้

“ช่วงเวลานี้……..ตัวผมเองก็อึดอัดมากเช่นกัน” เสียงของลู่เซิ่นเนิบมาก สำหรับเขา การเปิดเผยตัวเอง ยังคงเป็นเรื่องที่ลำบากอยู่บ้างเรื่องหนึ่ง “หลินยี่เคยช่วยชีวิตผมเอาไว้ ผมก็รับปากเขาด้วยตัวเองว่าจะทำตามคำขอของเขาข้อหนึ่ง หลายปีมาแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยคำขอร้องนี้ออกมากับผม ผม……ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ แต่ถ้าหากว่าผมรับปากเขา บอกว่าจะแต่งงานกับเวินจิ้ง ก็ไม่แตกต่างอะไรกับการหักหลังคุณ ผมก็รู้สึกเป็นทุกข์ ดังนั้น ในช่วงเวลานั้น ผมจึงหลบเลี่ยงคุณอย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ คิดจะให้ช่องว่างกับตัวเอง เพื่อคิดเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่า ตัวเองควรจะทำอย่างไรกันแน่ แต่กลับลืมไปว่า การทำแบบนี้กับคุณ จะทำให้คุณรู้สึกกังวลใจ”

นี่เป็นครั้งแรกของฉินซีที่ได้ยินลู่เซิ่นร่ายยาวเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกทางจิตใจที่ยาวขนาดนี้กับตัวเอง ชั่วขณะหนึ่งจึงไม่รู้ว่าควรจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เพียงแต่สามารถรู้สึกถึงความอบอุ่นเล็กน้อยบนฝ่ามือของลู่เซิ่นที่ส่งผ่านมาบนผิวหนังของตัวเอง

“แต่ว่าสิ่งเหล่านี้……..ล้วนไม่ใช่ข้ออ้าง” ลู่เซิ่นพูด “ถึงอย่างไรในตอนท้าย ผมก็ยังพูดประโยคที่ว่าจะแต่งเวินจิ้งเป็นภรรยาออกมา ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุอะไร ตอนนั้นผมมีคุณแล้ว ไม่สมควรที่จะพูดคำพูดแบบนั้นออกมา”

ฉินซีใจลอยไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะประโยคที่ว่า “มีคุณแล้ว”

ประโยคที่เธอเอ่ยถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าในไม่กี่วันนั้นก็คือประโยคนี้

สำหรับลู่เซิ่นแล้ว ฉันเป็นอะไรกันแน่

เขาเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่

คิดไม่ถึงเลยว่า……จะได้ยินคำตอบในตอนนี้

“เพียงแต่ผมจำเป็นต้องอธิบายเพื่อตัวเองสักเล็กน้อย” ลู่เซิ่นชะงักไปสองสามวินาที และเอ่ยต่อว่า “สาเหตุที่ผมรับปากหลินยี่ นอกจากเป็นเพราะสัญญาที่รับปากเขาเอาไว้แล้ว ก็ยังเป็นเพราะ…….ผมคิดจะอาศัยโอกาสนี้มากำจัดคนในบริษัทที่มีใจคิดเป็นอื่นต่อผม”

ฉินซีขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปทางลู่เซิ่น คล้ายกับไม่เข้าใจว่าปัญหาสองข้อนี้มาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร

“ตอนนั้นเวินจิ้งถูกจับเข้าคุกเพราะเรื่องบางอย่าง ส่วนผม ถ้าหากดื้อดึงไม่สนใจในเรื่องที่ผิดอย่างการแต่งหญิงสาวที่เคยติดคุกคนหนึ่งเป็นภรรยา ก็อาจจะสูญเสียการสนับสนุนจากคุณพ่อคุณแม่ของผม และภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คนที่ไม่พอใจ ไม่มีความภักดีต่อผม ก็อาจจะเคลื่อนไหวก่อความวุ่นวาย จึงประจวบเหมาะกับที่ผมจะอาศัยโอกาสนี้ในการไล่คนออกไป”

น้อยมากที่ลู่เซิ่นจะมีความอดทนขนาดนี้ แต่เขาก็รู้เช่นกันว่า ในระยะเวลาสามเดือนกว่านี้ ระหว่างตัวเองและฉินซีมีความเข้าใจผิดและปริศนามากเกินไป ถ้าหากไม่สามารถแก้ปมแต่ละอย่างด้วยความอดทนล่ะก็ อย่างนั้นก็จะกลายเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจตลอดกาล เมื่อคิดถึงขึ้นมาในอนาคต ล้วนเป็นหนามยอกอก

เมื่อเขาพูดแบบนี้แล้ว ฉินซีก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาทันที

เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เรื่องราวจะกลับกลายเป็นสภาพแบบนี้ ไม่เหมือนกับการคาดการณ์ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

เรื่องราวเดียวกัน คำพูดที่เหมือนกัน เพียงแค่อธิบายสักหน่อย ก็กลายเป็นรูปแบบที่ไม่เหมือนกันเลย

ที่จริงแล้ว เมื่อใจเย็นลงมาแบบนี้ และคิดให้ละเอียด คลิปวิดีโอที่จ้านเซินให้ตัวเองดูในคืนสุดท้ายนั้น ก็มีความผิดปกติอยู่บ้าง

ถ้าหากว่าลู่เซิ่นและเวินจิ้ง สองฝ่ายต่างใจตรงกัน อยากจะอยู่ด้วยกันจริงๆ อย่างนั้นเมื่อลู่เซิ่นเดินเข้าประตูไป จะมีท่าทางเหมือนกับคนแปลกหน้า นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะอย่างเคร่งครัด เหมือนกับการเจรจาพูดคุยได้อย่างไร

ไม่มีใครชัดเจนไปมากกว่าเธอ ตอนที่ลู่เซิ่นอ่อนโยนด้วยความรักนั้นเป็นอย่างไร

จะต้องไม่ใช่ท่าทางในกล้องวงจรปิดแบบนั้นแน่นอน

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ไม่ใช่ว่าฉินซีไม่เคยสงสัย แต่ว่า……เธอไม่กล้าหาข้ออ้างให้กับลู่เซิ่นอีกแล้ว

แต่หลังจากได้ยินคำอธิบายของลู่เซิ่นด้วยหูตัวเอง ย้อนนึกถึงเหตุการณ์คราวนั้นอีกครั้ง ความรู้สึกที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ในนั้นก็ปรากฏของมา

“ดังนั้นคุณ…….จึงไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับเธอหรือ” ฉินซีอดไม่ได้ที่จะถามยืนยันอีกครั้งหนึ่ง

ลู่เซิ่นพยักหน้า และตอบอีกครั้งหนึ่ง “นอกเหนือจากคุณ ผมไม่เคยคิดจะแต่งคนอื่นมาเป็นภรรยา”

หัวใจที่ใช้ไม่ได้ของฉินซียังคงเต้นผิดไปจังหวะหนึ่ง

เรื่องมาถึงตอนนี้ คล้ายกับว่าชัดเจนมากแล้ว

องค์กร หรือจะพูดว่าเป็นจ้านเซิน เพื่อที่จะหลอกให้เธอกลับไป ใช้คลิปเสียง คลิปวิดีโอ และกล้องวงจรปิดที่มีการบิดเบือนข้อมูลบางส่วนมาหลอกฉินซี ทำให้เธอเศร้าใจ จนเกิดความคิดที่จะจากไปแตกหน่อขึ้นมา จากนั้นก็อาศัยโอกาสนี้พาเธอไป

เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ยังมีปัญหาหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการแถลงไข

“ถ้าหากไม่ใช่เพื่อแต่งเวินจิ้งเป็นภรรยา งานแต่งงานในวันพรุ่งนี้ จัดเตรียมเพื่ออะไร”

ฉินซีเหลือบตาขึ้นมองลู่เซิ่น

คืนวันนี้ลู่เซิ่นเกือบจะตอบทุกคำถามของเธอได้ ดังนั้นฉินซีจึงไม่มีความสงสัยว่าลู่เซิ่นจะให้คำตอบที่เหมาะสมแก่ตัวเองได้หรือไม่

แต่ลู่เซิ่นเพียงแค่เลิกคิ้วกะทันหัน หลบเลี่ยงคำถามนี้ไป จ้องมองฉินซี “คุณถามคำถามมานานขนาดนี้แล้ว ไม่ควรจะให้ผมถามสักสองสามคำถามบ้างหรือ”

ฉินซีชะงัก ทำได้เพียงแค่พยักหน้า

ปริศนาบนตัวเธอนั้นไม่น้อยไปกว่าลู่เซิ่น ถ้าหากลู่เซิ่นยังสามารถเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาได้ขนาดนี้ เธอก็ควรจะทำแบบนี้เช่นกันถึงจะถูกต้อง

“คุณอยากจะถามอะไร ขอเพียงแค่ฉันสามารถพูดได้ ล้วนตอบหมด”

แต่ก่อนที่ลู่เซิ่นจะเอ่ยถาม ฉินซีก็แย่งเสริมก่อนประโยคหนึ่ง

ถ้าหากว่าลู่เซิ่นถามคำถามเกี่ยวกับองค์กร เพื่อความปลอดภัยของลู่เซิ่นแล้ว เธอจะไม่พูด

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset