flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 475 ปากไม่ตรงกับใจ

บทที่ 475 ปากไม่ตรงกับใจ

ในตอนที่ไป๋สือและเวินจิ้งอธิบายอาการของคนไข้ เวินจิ้งก็เอาแต่พูดผิดพูดถูก จนทำให้ไป๋สือเริ่มรู้สึกโมโห

“เวินจิ้ง วันนี้คุณเป็นอะไรไป?”

เวินจิ้งกัดริมฝีปาก พูดขึ้นมาอย่างเสียใจว่า “ขอโทษค่ะศาสตราจารย์ ฉันไม่เป็นอะไร”

เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากห้องคนไข้ ก็เห็นมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู แต่เวินจิ้งกลับไม่มองไปที่เขาเลยสักนิด

ไป๋สือเข้าใจในที่สุด จากนั้นก็มองไปทางเวินจิ้ง “คุณจัดการเรื่องของคุณให้เรียบร้อยก่อนแล้วกัน แล้วค่อยมาหาผม”

เวินจิ้งมองชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้า จากนั้นก็เงียบอยู่นาน

“มีอะไร” นานพอสมควรถึงได้พูดขึ้นมาเสียงเบา

มู่วี่สิงจับข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วพาเธอตรงไปยังห้องทำงานของเขา

“อย่าเก็บคำพูดของคุณปู่มาใส่ใจเลยนะ” มู่วี่สิงมุ่นคิ้ว

เมื่อได้ยินถ้อยคำเมื่อครู่ของมู่เฉิง ก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้คุณปู่ไม่ชอบเวินจิ้ง พอจะนึกได้แล้วว่าเมื่อวันจันทร์ คุณปู่พูดไม่น่าฟังกับเวินจิ้งขนาดไหนถึงทำให้เธอไม่รับสายของเขา

“ฉันไม่เก็บมาใส่ใจหรอก” เวินจิ้งปากไม่ตรงกับใจอย่างเห็นได้ชัด

มู่วี่สิงจับใบหน้าเล็กๆของเธอให้เงยขึ้นมา จากนั้นก็ขมวดคิ้ว แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยปลอบเธอมาก่อน ตอนนี้เวินจิ้งกำลังโกรธ เขาจึงค่อนข้างที่จะร้อนอกร้อนใจ

“มู่วี่สิง ที่คุณปู่สงสัยฉันมันก็ดูมีเหตุผลนะ เพราะถึงยังไงมู่เหิงก็เป็นหลานของท่าน” เวินจิ้งพูดขึ้นมานิ่งๆ

เธอเข้าใจแบบนั้น……ก็ได้

“ขอโทษนะ เรื่องนี้ผมจัดการได้ไม่ดีเลย”

“มู่วี่สิง มันไม่เกี่ยวกับคุณ ทางที่ดีต้องตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด แต่ถ้าตรวจสอบไม่ได้ ก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”

มู่เฉิงมีอคติกับเธอไปแล้ว และตอนนี้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็คงดูน่ารำคาญไปหมด

เธอปล่อยวางแล้วล่ะ

ตอนนี้มู่เฉิงไม่สามารถรับการกระตุ้นได้ทุกรูปแบบ ดังนั้นเธอก็จะไม่ไปโต้แย้งให้มันกระทบถึงอารมณ์ของเขา

“ผมจะจัดการมู่เหิงเอง”

“คืนนี้จะเลิกงานตอนไหน?” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงบ้างแล้ว

“ประมาณสามทุ่ม”

“คืนนี้ไปการ์เด้นมูเจียวานไหม? หืม?”

“ฉันรับปากแม่ไว้แล้วว่าจะกลับตระกูลหลินน่ะ” เวินจิ้งตั้งใจจะหลบหน้ามู่วี่สิง

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ความไม่พอใจในดวงตาพรั่งพรูออกมา

“จิ้งจิ้ง อย่าหลบหน้าผม เราคบกันแล้วนะ มีเรื่องอะไรก็พูดกันได้ ผมอยากรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่”

เวินจิ้งช้อนตามอง จู่ๆกรอบตาก็ชื้นขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

“ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีจริงๆ ฉันอยากอยู่คนเดียว” เวินจิ้งพูดอย่างตรงไปตรงมา

โดนใส่ร้ายขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องอารมณ์เสียกันทั้งนั้น เธอไม่สามารถทำเป็นนิ่งเฉยได้เลย

“ไว้ผมจะมารับคุณตอนเลิกงาน” มู่วี่สิงโค้งตัวลงไปจูบริมฝีปากของเวินจิ้ง

เมื่อกลับมาถึงบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป มู่วี่สิงก็สั่งให้เกาเชียนเข้ามาหา

“สามารถกู้คืนกล้องวงจรปิดที่โรงพยาบาลได้ไหม?”

เกาเชียนส่ายหน้าอย่างลำบากใจ “ไม่ใช่แค่ตัวกล้องวงจรปิดถูกล็อกอย่างเดียวนะครับ ตัวที่ติดอยู่ตรงแผนกโรคหัวใจก็ถูกทำลายทิ้งหมด เมื่อวานเลยไม่มีอะไรถูกบันทึกไว้เลยครับ”

มู่วี่สิงทำหน้าถมึงทึง สีหน้าค่อยๆโหดเหี้ยมขึ้นเรื่อยๆ

เกาเชียนไม่กล้าพูดอะไรอีก

“ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดนอกโรงพยาบาลมา เมื่อวานมู่เหิงมาด้วยกันกับผู้หญิงที่แต่งตัวเป็นพยาบาล ไปสืบหาตัวตนของผู้หญิงคนนั้นมา”

“รับทราบครับ”

เวลาสามทุ่ม เมื่อเวินจิ้งออกมาจากโรงพยาบาล ก็เห็นรถคันคุ้นเคยจอดรออยู่

เมื่อเธอขึ้นรถ กลับพบว่ารถไม่ได้ขับมุ่งไปยังตระกูลหลิน

“ไปไหน?”

“ไปกินข้าวก่อน”

วินาทีต่อมา ท้องของเวินจิ้งก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างไม่รู้จักเวล่ำเวลา……

มู่วี่สิงรู้ว่าเธอชอบกินอะไร เลยพาเธอมาที่ร้านหม้อไฟแถวๆถนนหนิงอัน

เมื่อก่อนต้องงดกินเพราะต้องผ่าตัดและนอนที่โรงพยาบาล เวินจิ้งจึงห่างหายจากการกินหม้อไฟไปนานมาก!

เมื่อเข้ามาในร้าน อารมณ์จึงดีขึ้นมาภายในชั่วพริบตา

มู่วี่สิงจองไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งสองจึงเดินเข้าไปในห้องที่สามารถจุคนได้ถึงสิบคนเต็มๆ

เธอรู้ว่ามู่วี่สิงไม่กินเผ็ด ก็เลยสั่งแบบหม้อไม่เผ็ดมาด้วย

เมื่อเวินจิ้งสั่งเสร็จก็ส่งเมนูไปให้มู่วี่สิง เขาจึงพูดอย่างเอาใจว่า “คุณสั่งแทนผมได้เลย”

“อือ ก็ได้” เพราะถึงยังไงเธอก็รู้ว่ามู่วี่สิงชอบกินอะไร

ทั้งสองคบกัน และรู้ใจกันภายในสองปี

และในตอนนี้เอง ที่เสียงโทรศัพท์ของมู่วี่สิงดังขึ้นมา

“พี่คะ คุณปู่ยืนกรานว่าจะออกจากโรงพยาบาลให้ได้ พอกลับมาบ้านก็ไม่กินยาเลย ใครโน้มน้าวก็ไม่ฟัง พี่กลับมาพูดกับคุณปู่หน่อยสิ…..”

เมื่อได้ยินดังนั้น มู่วี่สิงก็วางโทรศัพท์ลง ความเยือกเย็นในดวงตาแผ่กระจายไปทั่ว

เวินจิ้งไม่รู้ว่าในสายพูดว่าอะไรบ้าง แต่พอเห็นสีหน้าของมู่วี่สิงดูขุ่นมัวลง เธอจึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “มีอะไรหรือเปล่า?”

“คุณปู่แอบออกจากโรงพยาบาลโดยพลการ”

“งั้นคุณก็รีบกลับไปดูเถอะ” เวินจิ้งยังคงเป็นห่วงอยู่

แม้ว่าท่าทีที่คุณปู่มีต่อเธอจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็ตาม

มู่วี่สิงพยักหน้า แต่ก็ยังไปส่งเวินจิ้งที่ตระกูลหลินก่อนอยู่ดี ถึงได้วนรถกลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลมู่

ในตอนที่เวินจิ้งกลับมาถึงบ้าน สีหน้าก็หงอยเหงาอย่างไม่อาจห้ามได้

“เสี่ยวจิ้ง ใครแกล้งอะไรแก?” หลินเวยวางแก้วน้ำชาลง จากนั้นก็มองลูกสาวอย่างเป็นห่วง

“ใครจะกล้ามาแกล้ง” เวินจิ้งฝืนยิ้มออกมา

“อย่าทำเป็นฝืนยิ้มหน่อยเลย มาหาแม่นี่มา ไหนบอกสิ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เวินจิ้งมองหลินเวย ครึ่งปีมานี้ เธอรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่หลินเวยมีต่อเธอ

แม้ว่าช่วงชีวิต25ปีที่ผ่านมาเธอจะขาดแคลนมันไป แต่ว่าตอนนี้ เวินจิ้งรู้ดีว่าแม่กำลังพยายามชดเชยความรักให้กับเธออยู่ตลอด

“มู่วี่สิงแกล้งแกใช่ไหม?”

“เปล่าค่ะ เรื่องเรียนน่ะ”

“ศาสตราจารย์ไป๋หาเรื่องยากให้แกเหรอ?”

“ไม่ใช่ค่ะ”

“งั้นก็ต้องเกี่ยวกับมู่วี่สิงแล้วล่ะ”

“ช่วงนี้คุณปู่มู่สุขภาพไม่ค่อยดี” เวินจิ้งพูดขึ้นมาช้าๆ

“คุณปู่มู่ท่านอายุเยอะแล้ว พอแก่โรคภัยไข้เจ็บก็ถามหาเป็นธรรมดานั่นแหละ” หลินเวยพูดอย่างปลงๆ

เวินจิ้งไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อหลินเวยเห็นว่าลูกสาวมีท่าทีหนักอกหนักใจ ก็วางใจไม่ลงจริงๆ

เธอจึงโทรหาผู้ช่วย “ช่วยไปสืบสภาพการณ์ช่วงนี้ของคุณมู่เฉิงให้หน่อย”

ตระกูลมู่

ตอนที่มู่วี่สิงกลับมา มู่ซือซือกับส้งวี่ก็รออยู่ในห้องรับแขก ด้วยใบหน้าร้อนใจ

“พี่คะ กลับมาสักทีนะ” มู่ซือซือเชิดปากเล็กๆขึ้น

“คุณปู่ยังออกจากโรงพยาบาลไม่ได้” มู่วี่สิงพูดขึ้นเสียงหนัก “ใครเป็นคนอนุญาต?”

“คุณปู่ออกเอง ท่านแจ้งกับผอ.โรงพยาบาลน่ะ” ส้งวี่เดินเข้ามาหา

“คุณปู่กำลังโกรธฉัน ท่านคงไม่อยากเจอฉันหรอกมั้ง”

“พี่คะ พี่ทะเลาะอะไรกับคุณปู่อีกเหรอ?”

“มู่เหิงคิดจะเล่นงานคุณปู่ แต่คุณปู่ดันไปสงสัยเวินจิ้ง” มู่วี่สิงพูดเสียงหนัก

“เมื่อวานเวินจิ้งก็อยู่ด้วยเหรอ?” ส้งวี่เอ่ยถาม

“อืม เธอขัดขวางมู่เหิงเอาไว้”

“ความสัมพันธ์ของคุณปู่และเวินจิ้งดีมาตลอด ทำไมถึงได้ไปสงสัยเวินจิ้งล่ะ?”

“มันเกี่ยวกับฉัน”

มู่ซือซือกับส้งวี่มองตากัน เหมือนจะมีเรื่องอะไรที่พวกเขายังไม่รู้

“คุณปู่ไม่ยอมกินยา แล้วก็ไม่ยอมเปิดประตูให้คนรับใช้เอาอาหารเข้าไปให้ด้วย ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง” มู่ซือซือพูดขึ้นมา

เพราะฉะนั้นเธอถึงต้องเรียกพี่ชายกลับมา

“เดี๋ยวพอคุณปู่หิวก็จะเปิดประตูเองนั่นแหละ” มู่วี่สิงพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ

มู่ซือซือ&ส้งวี่ “……..”

“ฉันกลัวว่าร่างกายของคุณปู่จะไม่ไหวเอาน่ะสิ”

“ไปเอากุญแจมาให้ฉัน” พักใหญ่ มู่วี่สิงถึงได้ออกคำสั่งกับแม่บ้าน

มู่เฉิงนั่งอยู่ตรงระเบียง ข้างๆมีขวดเหล้าและซองบุหรี่วางอยู่

ในตอนที่มู่วี่สิงเดินเข้ามา กลิ่นเหล้าฉุนๆก็ปะทะจมูกเข้าอย่างจัง

“ตาแก่ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!” มู่วี่สิงโกรธสุดๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปแย่งแก้วเหล้าในมือของมู่เฉิงมา

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

flash marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

Options

not work with dark mode
Reset