องค์หญิง ฟังเสียงพูดคุยรอบๆตัวพร้อมกับเงียบไป ฟาง เจิ้งจือ ชนะอย่างแท้จริง มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฎิเสธได้ แต่นางไม่สามารถประกาศความเป็นจริงนี้ออกไปได้
อย่างน้อยก็ในตอนนี้
“จับกุมแม่ทัพไถ่!” องค์หญิง ฉาน ยู่ สั่งขณะที่เหลือบตามองแม่ทัพไถ่
“รับทราบ!” ทหารจำนวนหนึ่งพุ่งเข้าไปในสนามฝึกทันที
“ข้าเหนื่อเล็กน้อย ขอกลับไปที่กระโจมเพื่อพักหน่อย” องค์หญิง ฉาน ยู่ เหลือบมอง ฟาง เจิ้งจือ ก่อนจะหันหลังและเตรียมจะเดินกลับไปที่กระโจมตัวเอง
“องค์หญิง มีรางวัลหรือไม่? อย่างน้อยก็แต่งตั้งข้าเป็นแม่ทัพเสือใหญ่แทน…นี่! องค์หญิง อย่างน้อยก็ช่วยแต่ตั้งข้าเป็นหัวหน้าพ่อครัวหรืออะไรก็ได้!” ฟาง เจิ้งจือ ตะโกนออกาทันที
“ฝันไปเถอะ!” องค์หญิงตอบโดยไม่หันหน้ามามองแม้แต่น้อย
“ขี้งกจัง ข้าคิดว่าจะได้เจอองค์หญิงที่แต่งตั้งคนจากผลงานที่มีเสียอีก ข้าไม่นึกว่านางจะตามืดบอดขนาดนี้ ” ปากของ ฟาง เจิ้งจือ กระตุกด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
“เจ้าพูดอะไรนะ?” องค์หญิง หันหน้ากลับมา ความโกรธปรากฎขึ้นมาในดวงตาของนางวูบหนึ่ง
“ข้าบอกว่าองค์หญิง ช่างชาญฉลาดสามารถเลือกคนได้เหมาะสม!” ฟาง เจิ้งจือ รีบอธิบายทันที
องค์หญิงขมวดคิ้วเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม นางรู้ว่าอะไรที่ออกมาจากปากของ ฟาง เจิ้งจือ คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร
“ข้าจะกลับไปที่กระโจม”
“องค์หญิง อย่างน้อยขอเป็นผลไม้สักจาน?”
“…”
…
ฟาง เจิ้งจือ ได้รับกระโจมทหารของตัวเอง มันไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป เขาค่อนข้างพอใจทีได้รับห้องส่วนตัวทั้งๆที่เป็นแค่ทหารตัวเล็กๆ
โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นตะกร้าผลไม้ที่องค์หญิง ฉาน ยู่ ส่งมาให้เขา สิ่งที่เขาว่าองค์หญิงเอาไว้ก็หายไปกับอากาศ
การได้ตำแหน่งนั้นไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว
มีสิ่งที่เอาไว้กิน …
เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ กังลังเหยียดขานอนสบายอยู่ในกระโจมทหารของตัวเอง กระโจมขององค์หญิงกลับมีแสงไฟจุดขึ้น
แม่ทัพ 20 กว่าคนที่สวมชุดเกราะหวายยืนอยู่รอบๆ ด้วยใบหน้าที่ตึงเครียดไม่มีใครพูดอะไร พวกเขารอให้องค์หญิงอย่างเงียบๆ
“ทุกคนได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว หากทุกคนมีความเห็นอะไร ก็บอกข้ามา” องค์หญิง นั่งลงบนเก้าอี้สีทองของนางอีกครั้ง ความเยือกเย็นปรากฎขึ้นบนดวงตาของนาง
“ข้ากล้าได้แค่คิดเท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าควรพูดออกมาดีไหม!”เมื่อแม่ทัพได้ยินคำพูดของอค์หญิง เขายืนขึ้นทันที
“พูด”
“ในอาณาจักรเซี่ย มีเพียงสองคนที่อยู่ในรุ่นเยาว์ สามารถเอาชนะแม่ทัพไถ่ได้” แม่ทัพหยุดพูดเล็กนอย
“ใคร?”
“ผู้ชนบนทำเนียบมังกรทั้ง 2 ฉือ กูเหยียน และ หนานกง เฮา นักปราชญ์อันดับ 1 ของอาณาจักรเซี่ย!”
“แต่ ฉือ กูเหยียน เป็นผู้หญิง! สำหรับ หนานกง เฮา.. อายุเขาไม่ได้เท่านี้ ” เมื่อองค์หญิง ได้ยินเรื่องนี้นางก็ส่ายหน้าเบาๆ
“ใช่ แต่ข้าเดาได้แต่คนที่อาจจะไม่ได้เข้าร่วมกับอาณาจักรเซี่ย เขาถูกเรียกว่า ฟาง เจิ้งจือ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ข้าได้รับมา ฟาง เจิ้งจือ ไม่น่าจะได้เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ ดังนั้นเขาไม่น่าจะปรากฎตัวที่ดินแดนภูเขาทางใต้ แม้ว่ามีโอกาสที่เขาจะโผล่มา แต่ ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่มีพลังที่จะเอาชนะแม่ทพไถ่ได้ ดังนั้น ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ”
“ความเป็นไปได้อะไร?”
“เผ่าปีศาจ!”
“เผ่าปีศาจ? ไม่ เขาไม่ใช่ปีศาจแน่นอน!”
“ทำไมองค์หญิงถึงแน่ใจ? ถึงแม้พวกชนชั้นสูงจะทำสัญญากับเผ่าปีศาจไว้แล้ว แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของพวกนั้นองค์หญิงมีหมาป่าเขาเหล็กจำนวนมาก ถ้าพวกนั้นทำเรื่องไม่น่าไว้ใจละก็ … “
“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอีกต่อไป ถ้าข้าบอกว่าเขาไม่ใช่ปีศาจ เขาก็ไม่ใช่!” เสียงขององค์หญิง นั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“รับทราบ! ” ข้าผิดพลาดเอง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเด็กคนนี้จะเป็นใคร แต่ข้าคิดว่ามีเรื่องที่พวกเราควรตัดสินใจให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “
“เจ้าหมายถึงดาบ?” เสียงขององค์หญิง กลับสู่คาวมเยือกเย็นอีกครั้ง
“ถูกต้อง ข้าเชื่อว่าองค์หญิงได้เห็นพลังของดาบนั่นแล้ว ภ้าภูเขาทางใต้ได้มันมา พวกเราต้องเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้แน่นอน!” แม่ทัพตอบกลับในทันที
“ถูกตัอง องค์หญิง เด็กคนนั้นอยู่ในค่ายของเรา ตราบที่ท่านออกคำสั่ง พวกเราสามารถจัดการเขาได้โดยไม่ต้องเสียเหงื่อสักหยด” เมื่อแม่ทัพอีกคนได้ยิน เขาก็ยืนขึ้นด้วย
“เพื่ออนาคตของภูเขาทางใต้ องค์หญิงโปรดออกคำสั่ง!”
“องค์หญิงโปรดออกคำสั่ง!”
“องค์หญิงโปรดออกคำสั่ง!”
แม่ทัพคนอื่นๆค่อยๆลุกขึ้น จากนั้นก็คุกเข่าลงและพูดออกมาเช่นกัน จากนั้นไม่นานแม่ทัพทั้งหมดก็เดินออกไป
…
ในดินแดนภูเขาทางใต้ บนยอดเขาที่ดูธรรมดาๆ บนนั้นมีถ้ำอยู่ ชายสี่คนสวมชุดสีดำกำลังยืนป้องกันอยู่หน้าถ้ำ
ในทันใดนั้น ร่างสีดำร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามา ไม่นานเขาก็มาถึงหน้าปากถ้ำ
“หัวหน้าดินแดนอยู่ไหม?” เมื่อเขามาถึง เขาก็ถามขึ้นมาทันที
“มีเรื่องอะไรงั้นรึ?”
“เรื่องเร่งด่วนทางทหาร!” ในขณะที่เขาพูด เขาก็รีบฉีกหน้ากากที่ปิดบังหน้าออก เปิดเผยให้เห็นดวงตาปีศาจที่ส่องแสงออกมาจางๆบนหัวของเขา
“เชิญเข้าไปได้” ชายทั้งสี่คนพยักหน้าและเปิดทางเข้าให้
ร่างนั้นวิ่งเข้าไปในถ้ำ
ภายในถ้ำมีอัญมณีสีแดงออกดำ ส่องแสงออกมาจางๆ ภายใต้แสงนั้นมีชายคนหนึ่งนั่งอยู่
หน้าผากของเขามีดวงตาสีแดงเลือดอยู่
ไป่ ซิง หัวหน้าดินแดนปีศาจแห่งดวงดาว
“ยินดีที่ได้พบหัวหน้าดินแดน!” ร่างสีดำเดินเข้าไปใกล้ห่างประมาณ 20 ก้าว ก่อนจะคุกเข่าลงด้วยความเคารพ
“พูด” ไป่ ซิง พูดออกมาคำหนึ่งด้วยความเคารพ สายตาของเขายังคงจ้องไปที่อัญมณีสีดำแดงหน้าเขา ภายในอัญมณีนั้นมีภาพอยู่
ในภาพนั้นปรากฎให้เห็นการเคลื่อนไหวคล้ายกับของมนุษย์
“ในค่ายขององค์หญิง แม่ทัพเสือใหญ่ ได้ส่งคนมาติดต่อข้า” เขาวางจดหมายในมือลง ก่อนจะพูดต่อ
“แม่ทัพเสือใหญ่? ข้ารู้ ข้าจะมอบหมายให้เจ้าทำหน้าที่นี้ ” ไป่ ซิง พยักหน้าเบาๆ ไม่คิดแม้แต่จะมองจดหมายบนพื้น
” ร่างสีดำรับคำสั่งก่อนจะเก็บจดหมายเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นเขาก้แสดงความลังเลออกมา
“พูด”
“รับทราบ! ผู้ต้องสงสัยว่าเป็น ฟาง เจิ้งจือ ตอนนี้อยู่ที่ค่ายทหารขององค์หญิง ฉาน ยู่
“ฟาง เจิ้งจือ?! ” ท่าทีของ ไป่ ซิง เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยิน จุดแสงดาวปรากฎขึ้นบนดวงตาของเขา ราวกับกลุ่มดาวยามค่ำคืน
“ใช่ แต่ข้าไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง ข้าจึงไม่กล้ายืนยัน แต่เขาอ้างตัวเองว่าเป็น ฟาง เจิ้งจือ ทั้งยังสามารถจัดการแม่ทัพเสือใหญ่ได้ ด้วยเหตุนี้ แม่ทัพเสือใหญ่จึงติดต่อพวกเรา” เมื่อเขาเห็นแสงปรากฎขึ้นบนตาของ ไป่ ซิง เขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่จะพูดต่อ
“เจ้าบอกว่า ฟาง เจิ้งจือ เอาชนะแม่ทัพไถ่ ที่อยู่ในระดับอภินิหารขั้นสูงได้งั้นรึ?”
“ใช่!”
“เจ้าแน่ใจนะว่าข่าวนี้ถูกต้อง?” ท่าทีของ ไป่ ซิง เปลี่ยนไป ความตกใจที่หาได้ยากปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ข้ามั่นใจ! ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วค่ายขององค์หญิง และทหารนับร้อยเห็นมันกับตา!มันถูกต้องแน่นอน!”ร่างในชุดสีดำตอบอย่างมั่นใจ
“น่าสนใจ กว่าเดือนที่ข้าไม่ได้เห็นเขา! เด็กคนนี้ … มาถึงระดับนี้แล้ว?”รอยยิ้มก่อตัวขึ้นที่มุมปากของ ไป่ ซิง จากนั้นเขาก็โบกมือให้ร่างสีดำ “ไปได้!”
“รับทราบ!”
ไป่ ซิง รอกระทั่งร่างสีดำเดินจากไป จากนั้นเขาก็หันไปมองอัญมณีสีแดงดำอีกครั้ง “ทั้ง หนานกง เฮา และ ฟาง เจิ้งจือ… ดูเหมือนทุกอย่างจะน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ฮ่าฮ่า!”
…
ยามค่ำคืน อากาศเย็นราวกับสายน้ำ เทียบกับอาณาจักรเซี่ย เห็นได้ชัดว่าดินแดนภูเขาทางใต้นั้นหนาวเย็นกว่ามาก ไอน้ำยามค่ำคืนปกคลุมไปทั่วต้นไม้ ตอนนี้ทั้งดินแดนภูเขาทางใต้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก
ในถิ่นฐาน เหยียน เยว่
ดินแดนส่วนนี้เป็นถิ่นฐานที่ใหญ่ที่สุดที่ใกล้กับอาณาจักรเซี่ย เป็นพื้นที่สำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ทั้งสำหรับดินแดนภูเขาทางใต้ และอาณาจักรเซี่ย ถิ่นฐานนี้ครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ประกอบด้วยถิ่นฐานขนาดเล็กทั้งหมด 18 แห่ง
บนภูเขาลูกหนึ่ง สัตว์ที่น้ำหนักอย่างน้อยร้อยโล กำลังถูกย่างอยู่บนกองไฟ น้ำมันของมันไหลลงไปบนกองไฟราวกับไม่มีวันหมด
รอบกองไฟ มีผู้เยาว์ 20 คนที่สวมชุดเกราะกำลังนั่งอยู่รอบๆ ผู้นำกลุ่มนั้นเป็นเด็กหนุ่มในชุดเกราะสีเขียว ในมือถือขลุ่ยหยกเขียวอยู่
เขาคือ วู่ เฟิง
“นายน้อยวู่ ข้าขอแสดงความยินดีด้วย!” นักปราชญ์หนุ่มคนหนึ่งยกถ้วยไม้ขึ้นมาขณะปากกัดลงไปที่เนื้อ ก่อนจะตะโกนเสียงดังไปทาง วู่ เฟิง
“มันยังเร็วเกินไปที่จะแสดงความยินดี”วู่ เฟิง ส่ายหัว พร้อมกับยิ้มด้วยความสุภาพ
“ฮ่าฮ่าฮ่า …นายน้อยวู่ ก็ถ่อมตัวเกินไป พวกเราได้ครอบครองถิ่นฐานสำคัญทั้งหมดสองแห่งแล้ว คือ เหยียน เยว่ กับ ฉือ ซุน กองทัพของพวกเราก็มีทหารกว่า 20,000 คน เป็น 30% ของจำนวนผู้เข้าร่วมทั้งหมด ผู้ชนะต้องเป็นนายน้อยวู่ แน่นอน มันเป็นความจริง “
“ถูกต้อง นายน้อยวู่ ไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอก?”
“ต่อให้พวกเราจะแพ้ท่าน แต่พวกเราก็แพ้ด้วยความพอใจ ถ้านายน้อยวู่ เป็นผู้ชนะจริงๆก็เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเรา “
“ถูกต้อง ถ้าท่านได้เป็นผู้ชนะ อันดับของพวกเราไม่มีทางต่ำแน่นอน”
เมื่ออีกคนได้ยิน เขาก็พูดส่งเสริมขึ้นมา
วู่ เฟิง ยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะมองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้า เขากระชับมือจับขลุ่ยหยกให้แน่นขึ้น “น่าเศร้า ที่ข้าแพ้ในการทดสอบด้านปัญญา!”
“น่าโชคร้ายจริงๆ อย่างไรก็ตาม 3 อันดับแรกยังทำได้ไม่ดีเท่าไรในตอนนี้” เด็กหนุ่มอีกคนให้คำแนะนำ
“ถูกต้อง หนานกง เฮา ยังซ่อนตัวอยู่ที่ถิ่นฐานวานรหิมะ ด้วยจำนวนทหารเท่าเดิม ตอนนี้ เหยียน ซิว เองก็มีทหารเพียง 6,000 นาย ไม่มีถิ่นฐานในครอบครองแม้แต่น้อย ส่วน ฟาง เจิ้งจือ …”
“ฮ่าฮ่า … อย่าพูดถึงเขาไม่ได้รึไงกัน?”
“ถูกต้อง เขาไม่ได้มาที่นี้ จะมีอันดับได้ยังไง? ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เด็กหนุ่มคนอื่นๆก็เริ่มพูดขึ้นมาก่อนจะหัวเราะด้วยความเยาะเย้ย
“ตราบเท่าที่การทดสอบยังดำเนินไปแบบนี้ พวกเราต้องเป็นผู้ชนะแน่นอน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้พวกเราจะเริ่มโจมตีถิ่นฐานราชสีห์คำราม!”เมื่อ วู่ เฟิง ได้ยิน รอยยิ้มอันเยือกเย็นปรากฎขึ้นมาบนใบหน้าเขา
“ใช่ จัดการถิ่นฐานราชสีห์คำรามให้ได้ในครั้งเดียว!”