Gate of God – ตอนที่ 697 ด้นรน

.
”ฉือ กูเหยียน เดินทางไปที่เกาะจันทราดำ?!”
”ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น…แต่ไม่ใช่ว่าเกาะนั้นได้รับการป้องกันจากเซียนสามคนงั้นหรือ? และพวกเขานั้นเก่งกาจเป็นอย่างมาก!”
”แต่เทียนซิงพูดว่าพี่หญิง…”
เหล่าศิษย์ต่างมองหน้ากัน
การที่ฉือ กูเหยียน จะขโมยเพลิงพันปีออกมาได้สำเร็จนั้นแทบเป็นไปไม่ได้
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องเหล่านั้นจะเป็นความจริง
แค่หนึ่งคน?
บุกเข้าไปในเกาะจันทราดำเพียงลำพัง
นางแข็งแกร่งขนาดนี้แล้วหรือ?
มันยากที่พวกเขาจะเชื่อ
ถึงกระนั้นพวกเขาก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมเทียนซิงถึงพาศิษย์จำนวนมากมาที่นี่
การใช้เพลิงพันปีรักษาฉือ กูเหยียน เป็นแค่ข้ออ้าง
เพราะแม้เทียนซิง จะทำแบบนั้นจริงๆ แต่ผ่านไหนึ่งเดือนเมื่อศาลาเต๋าสวรรค์ไปรับตัวนางจะต้องจ่ายค่าชดใช้เป็นอย่างมาก
ศิษย์เก้าขุนเขาได้ลงมาที่พื้นแล้ว
อันที่จริงกลุ่มคนกว่ายี่สิบคนได้ไปขวางฉือ กูเหยียน เอาไว้ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
นางทำขโมยสมบัติอันล้ำค่าทำร้ายเซียนทั้งสาม จมเกาะ ในฐานะศิษย์พวกเขาจะยอมได้ยังไง
”ตาย!”พวกเขาตะโกนออกมา
พวกเขาเข้าโจมตีฉือ กูเหยียน ในทันที
ศิษย์คนอื่นๆก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน
พวกเขาพุ่งเข้าหาศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์อย่างไม่ลังเล
”ตาย!”ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์เองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
ฉือกูเหยียน นั้นเป็นศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ นั่นหมายความว่านางทำทุกอย่างโดยมีเป้าหมาย
สำหรับผู้อาวุโสกู่ หยวน และ ว่าน เล่ย ที่มาเป็นพยานต่างมองหน้ากันและยิ้มออกมาเล็กน้อย
เป็นพยาน?
ไม่มีใครที่จะเดินทางไกลเช่นนี้เพื่อเป็นพยาน
พวกเขามาดูผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้!
ด้านคัง เยว่ นางจ้องมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน เงียบๆ
ด้านศิษย์เก้าขุนเขา
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าฉือ กูเหยียน จะบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็ไม่คิดที่จะออมมือหรือลดความต้องการฆ่าลงแม้แต่น้อย
แต่ศิษย์ศาลาเต๋าสวรรค์จะปล่อยพวกเขาผ่านไปง่ายๆได้ยังไงกัน? 　　พวกเขารีบเข้ามาขัดขวางศิษย์ของเก้าขุนเขาทันที
ทุกอย่างดูยุ่งเหยิง
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่เข้าร่วมการต่อสู้
เช่นมีอย่างน้อยสิบคนของเก้าขุนเขาที่ไม่ได้เข้าร่วม และศิษย์ที่อยู่ในระดับเซียนที่ก่อนหน้านี้สู้กับ ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่ได้เคลื่อนไหว ไอรีนโนเวล
แม้แต่หนานกง มู่ ก็ไม่ได้หยิบดาบขึ้นมา เขามองไปที่ ฉือ กูเหยียน เงียบๆ
”เทียนซิงที่นี่คือศาลาเต๋าสวรรค์ เจ้าไม่มีทางชนะ!” มู่ ฉิงเฟิง ตะโกนออกมา
”ส่งฉือ กูเหยียน มา ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องสูญเสียทั้งสองฝ่าย!” เทียนซิง พูดออกมาด้วยความเยือกเย็น ขณะที่เขาเข้าใกล้ ฉือ กูเหยียน มากขึ้นเรื่อยๆ
”เจ้าก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้!”มู่ ฉิงเฟิง พุ่งเข้าไปแทรกตัวระหว่าง ฉือ กูเหยียน กับ เทียนซิง ทันที
”ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก!”
”หึ!”
”ได้เฒ่ามู่ ท่านบังคับให้ข้าทำแบบนี้เองนะ!” เทียนซิง พูดทันใดนั้นเงาดำก็ปรากฎขึ้นบนมือของเขา
มันเป็นรูปปั้น
รูปปั้นที่ทำจากหินสีดำขนาดใหญ่
มันสวมชุดเกราะสีดำก่อนจะลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ามันมีรูปร่างหน้าตาคล้ายเทียนซิงเป็นอย่างมาก
”เทียนซิงเจ้า… ” ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นรูปปั้นนั้น และรีบวิ่งเข้าไปหา ฉือ กูเหยียน ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อย่างไรก็ตามมันก็สายเกินไป
ทันทีที่รูปปั้นปรากฎเทียนซิง ก็หายตัวไป รูปปั้นกลายเป็นมีชีวิตพุ่งไปหา มู่ ฉิงเฟิง
”ในเมื่อไม่ส่งตัวนางมาข้าก็จะพานางไปเอง!” ฉือ กูเหยียน ได้ยินเสียงจากด้านหลังของนาง พร้อมเงาดำที่คืบคลานมาใกล้　　เป็นเทียนซิง
ทันใดนั้นมือของเขาก็พุ่งไปที่ไหล่ของฉือ กูเหยียน ทันที
จุดแสงปรากฎขึ้นที่หัวของเทียนซิงมันมาจากเครื่องประดับสีทองทั้งเก้าชิ้นบนผมของเขา
”เทียนซิงเจ้ากล้าดียังไง?!” มู่ ฉิงเฟิง พูดออกมาอย่างตื่นตระหนก
อย่าไรก็ตามเขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้เพราะรูปปั้นสีดำขวางทางเขาไว้อยู่ พร้อมกัดปล่อยหมัดมาที่ใบหน้าเขา
”รูปปั้นหยกดำที่อยู่ในนระดับเซียนคงถ่วงเวลา มู่ ฉิงเฟิง ไว้ได้!” ว่าน เล่ย กล่าวขึ้นพร้อมกับมองไปที่รูปปั้นสีดำ
”ตราบที่จับตัวฉือ กูเหยียน ได้ เพลิงพันปีจะกลับมาอยู่ในมือของเทียนซิงอีกครั้ง แลกกับการสูญเสียรูปปั้นหยกดำเพียงอันเดียวมันคุ้มค่าเป็นอย่างมาก!” ผู้อาวุโส กู่ หยวน พูดขึ้นมาเบาๆ
”ใช่แล้วฉือ กูเหยียน คือกุญแจสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้!” ว่าน เล่ย ยิ้มออกมา ขณะที่พูดบนฝ่ามือของเขาก็เกิดแสงจางๆขึ้น “ผู้นำเทียน ข้าจะช่วยท่านเอง!”
ว่านเล่ย กล่าวออกมาพร้อมกับหายตัวไป
เขากลายเป็นแสงฝ่าฝูงชนที่ต่อสู้กันอยู่ก่อนที่จะเข้าไปใกล้ ฉือ กูเหยียน อย่างรวดเร็ว
”เหอะเหอะ…เขายังเด็กอยู่นัก!” ผู้อาวุโส กู่ หยวน มองไปยัง ว่าน เล่ย ที่พุ่งเข้าไปหา ฉือ กูเหยียน รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นเรื่อยๆ
”ตูม!”
ตอนนี้สภาพของ ฉือ กูเหยียน ดูไม่ดีเท่าไรนัก หน้าของนางซีดขาว มีเลือดออกที่มุมปากเล็กน้อย แต่นางไม่คิดจะปล่อย ฟาง เจิ้งจือ ลงง่ายๆ
ทันใดนั้น…
มีเงาหนึ่งพุ่งเข้าหานางอีกครั้ง
แน่นอนว่าเทียนซิง ไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถจัดการ ฉือ กูเหยียน ได้ในครั้งเดียว การที่นางสามารถจมเกาะลงได้ เขาไม่ควรประมาทนาง
”แม้นางจะบาดเจ็บอยู่แต่ก็สามารถแบกคนคนหนึ่งพร้อมกับหนีไปได้ สมกับเป็นผู้ที่ถูกสวรรค์เลือกจริงๆ!” เทียนซิงกล่าวขึ้นมา
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะหยุด Aileen-novel
เทียนซิงโจมตีใส่นางอีกครั้ง เขาต้องฉวยโอกาส ถ้าเขาได้ ฉือ กูเหยียน มา ทุกอย่างจะกลับมาอยู่ในการควบคุมของเขาอีกครั้ง
”ผู้นำเทียนว่าน เล่ย จะช่วยท่านเอง!” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น ว่าน เลย นั้นอยู่ไม่ไกลจาก เทียนซิง เท่าไรนัก
เทียนซิงไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขารู้ดีเกินไปว่าว่าน เล่ย กำลังคิดอะไรอยู่
ในเวลาเช่นนี้ถ้าเขาสั่งให้ ว่าน เล่ย ถอยไป หรือหันไปทักทาย มันจะทำให้เขาเสียเวลาโดยใช่เหตุ
ทั้งห้าสำนักนั้นต่อสู้อย่างเปิดเผยและต่อสู้ลับๆกันมาเป็นเวลานานหลายปี
ในฐานะคนของศาลาหยินหยางว่าน เล่ย ไม่คิดจะให้การต่อสู้ครั้งนี้จบเร็วเกินไป ว่าย เล่ย เข้าร่วมการต่อสู้โดยการดึงความสนใจของ เทียนซิง เพื่อทำให้ มู่ ฉิงเฟิง มีโอกาสตามมาทัน แน่นอนว่า เทียนซิง รู้แผนนี้
ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจว่าน เล่ย และคว้าไปที่ไหล่ของ ฉือ กูเหยียน แทน
ทันใดนั้นร่างสีขาวได้ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านหลัง เทียนซิง ชุดของเขาพริ้วไหวไปตามสายลม
หนานกงเฮา
ไม่มีใครรู้ว่าเขามาช่วยฉือ กูเหยียน หรือ เทียนซิง
นั่นเป็นเพราะการปรากฎตัวของเขานั้นเงียบเชียบแม้แต่ดาบก็ไรสี
เขาดึงดาบออกโดยไม่ส่งเสียง
ก่อนที่จะฟันมันลงอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ฟันลงไปที่เนื้อของเทียนซิง มันแค่ถูกับร่างกายของเทียนซิง เล็กน้อยเท่านั้น มีเพียงเสื้อผ้าของเทียนซิง ที่ฉีกขาด
ผลลัพธ์ที่ออกมาค่อนข้างแปลก
หรือบางที่ก็ไม่แปลกเลยแม้แต่น้อย　　เพราะสุดท้ายหนานกง เฮา ก็พยายามโจมตีเทียนซิง หนึ่งในผู้ที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นอกเหนือจาก มู่ ฉิงเฟิง จะมีใครกล้าหยุดเทียนซิง บ้าง?
เทียนซิงเร็วมาก
สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ฉือ กูเหยียน ตลอดเวลา ไม่สะทกสะท้านกับการโจมตีของ หนานกง เฮา แม้แต่น้อย
ใกล้มากแล้ว
ฉือกูเหยียน หน้าซีดมาก แต่ดวงตาของนางยังคงเปล่งประกาย นางกัดริมฝีปากแน่น
ไม่มีทางถอยกลับอีกแล้ว
ศัตรูของนางตอนนี้คือเทียนซิง
ผู้ที่สามารถต่อสู้กับมู่ ฉิงเฟิง ได้อย่างเท่าเทียม
”จงออกมา!”เสียงอันนุ่มนวลดังออกมาจากปากของนาง ร่างของผู้หญิงผมยาวสีดำปรากฎขึ้นมาทันที
เช่นเดียวกับฉือ กูเหยียน ดวงตาของนางสดใสมาก
ด้วยใบหน้าที่งดงามและออร่าที่น่าสะพรึงกลัวของนางราวกับว่านางไม่ใช่สิ่งที่ควรจะปรากฎขึ้นมาบนโลกใบนี้
ในช่วงเวลาที่นางปรากฎตัวร่างของเทียนซิงดูเหมือนจะช้าลงอย่างกระทันหัน
”ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าเป็นสายเลือดอันดับหนึ่งของโลกใบนี้ฉือ กูเหยียน เจ้าคือผู้ที่ถูกเลือก แม้เจ้าจะขโมยเพลิงพันปีและจมเกาะของข้า ข้าก็ไม่คิดจะฆ่าเจ้า เจ้าเพียงแค่ต้องร่วมมือกับข้าและหยุดต่อต้าน ตอนนี้สายเลือดของเจ้ายังไม่ตื่นขึ้น เจ้าไม่สามารถเอาชนะข้าได้!” น้ำเสียงของ เทียนซิง เยือกเย็นเป็นอย่างมากก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้า
”แกรกแกรก แกรก!”
เสียงของบางสิ่งที่ถูกฉีกขาดดังขึ้นขณะที่เทียนซิง ก้าวไปข้างหน้า
”อีกครั้ง!”ฉือ กูเหยียน ตะโกนออกมา เลือดเริ่มไหลออกมาจากริมฝีปากนาง　　หน้าของนางซีดขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสีม่วงแม้หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังนางก็เริ่มพร่ามัว
”ฉือกูเหยียน มันไร้ประโยชน์ เลิกขัดขืนเสียที!” ร่างของ เทียนซิง ยังคงเคลื่อนไหว
แต่ร่างของเขายังคงเคลื่อนไหวช้าอยู่และดูเหมือนจะถูกทำให้ช้าลงเรื่อยๆ
สีหน้าของเทียนซิง เปลี่ยนไปเล็กน้อย
”ฉือกูเหยียนเจ้ากำลังรนหาที่ตายงั้นหรือ เชื่อมต่อมิติพิเศษเข้ากับเลือดของเจ้าโดยตรง!” เทียนซิง ไม่เข้าใจว่าทำไม ฉือ กูเหยียน ถึงต้องพยายามถ่วงเวลามากขนาดนี้ นางยอมเสียสละหลายอย่าง…
จนกระทั่ง…
เขาเห็นแสงอันแวววาวแสงสีแดงที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว แม้แต่แสงอาทิตย์ก็ไม่สามารถเทียบได้