Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 3 ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์

เซียวเจี้ยนรู้สึกโกรธจัดจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงเมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น และโคจรพลังปราณที่อยู่ในมือของเขากลับ หลังจากที่จ้องมองออกไปด้วยความว่างเปล่าอยู่ชั่วครู่ เซียวเจี้ยนก็เข้าใจคำพูดที่เซียนเฉินกล่าวออกมาได้อย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่เพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกแบบนั้น ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ฝึกฝนต่างเข้าใจสิ่งที่เซียวเฉินต้องการสื่อเมื่อเขากล่าวว่าเซียวเจี้ยนรับมันไว้แล้ว ความโกลาหลเกิดขึ้นท่ามกลางฝูงชน พวกเขาต่างจ้องมองไปที่เซียวเฉินราวกับว่าพวกเขาเพิ่งจะเจอผี

การท้าต่อสู้ตัวต่อตัว!

สิ่งที่เซียวเฉินเพิ่งทำลงไปนั่นคือพิธีต่อการสู้ตัวต่อตัวของทวีปเทียนหวู่ มันมีพิธีการต่อสู้ตัวต่อตัวอยู่หลายแบบในทวีปเทียนหวู่ ตัวอย่างเช่น ถ้าโยนผ้าเช็ดหน้าของตัวเองใส่อีกฝ่ายและถ้าอีกฝ่ายรับ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายได้ยอมรับคำท้า

อย่างไรก็ตาม โดยไม่คำนึงถึงสถานที่ มันมีการต่อสู้ตัวต่อตัวแบบหนึ่งที่เป็นนิยม ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นการต่อสู้ที่โหดร้ายที่สุด นั่นคือการฉีกเศษผ้าจากแขนเสื้อปาใส่หน้าฝ่ายตรงข้าม ถ้าเศษผ้านั่นเข้าเป้า การร้องขอการต่อสู้จะได้รับการอนุมัติโดยทันที และเมื่อการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้น มันจะเป็นการต่อสู้ที่จะมีผู้รอดชีวิตเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เซียวเฉินนั้นอยู่ขอบเขตปรับแต่งวิญญาณขั้น 9  หากไม่มีทักษะต่อสู้แล้ว การกระทำของเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสวงหาความตายถ้าเขาท้าทายคนที่อยู่จุดสูงสุดขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดกับการต่อสู้ตัวต่อตัวแบบนั้น?

ในทวีปเทียนหวู่ ผู้ที่แข็งแกร่งมีอำนาจสูงสุด ระดับบ่มเพาะพลังถูกแบ่งออกเป็น ขอบเขตปรับแต่งวิญญาณ ขอบเขตจอมยุทธฝึกหัด ขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ ขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ ขอบเขตนักบุญ ขอบเขตกษัตริย์ ขอบเขตยอดกษัตริย์ ขอบเขตนักปราชญ์และขอบเขตจักรพรรดิ ขอบเขตปรับแต่งวิญญาณถูกแบ่งออกเป็น 9 ขั้น ในขณะที่ขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดและขอบเขตที่เหนือกว่าจะถูกแบ่งออกเป็นขั้นต่ำ ขั้นกลางและขั้นสูง

บนเส้นทางฝึกฝนบ่มเพาะพลัง ขอบเขตปรับแต่งวิญญาณถือว่าเป็นขอบเขตที่มีความท้าทายมากที่สุดและหลังจากบรรลุขอบเขตปรับแต่งวิญญาณขั้น 9 และหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณยุทธได้แล้วเท่านั้นถึงจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แท้จริง

สำหรับคนที่มีพรสวรรค์ พวกเขาสามารถหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณยุทธได้ก่อนอายุ 10 ปีเสียอีก ถ้าหลอมรวมกับจิตวิญญาณยุทธได้หลังจากที่อายุ 10 ปี ความสำเร็จของคนผู้นั้นบนเส้นทางฝึกฝนบ่มเพาะพลังจะต้องถูกจำกัดไว้อย่างแน่นอน ยิ่งพวกเขาหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณยุทธได้เร็วเท่าไหร่ พวกเขาก็จะประสบความสำเร็จในอนาคตได้มากขึ้นเท่านั้น

ในตระกูลเซียว ในลานที่ถูกทิ้งร้าง เซียวเฉินกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงนอนและปฏิบัติตามวิธีฝึกฝนบ่มเพาะพลังกับร่างกายใหม่เพื่อดูดซับพลังปราณจากสวรรค์และโลก

เส้นสายพลังปราณหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาจากทุกทิศทุกทางผ่านทางจุดปราณและรูขุมขนของเขา หลังจากนั้น พลังปราณก็เคลื่อนที่ผ่านเส้นลมปราณของเขาเหมือนกับงูตัวเล็กๆที่เลื้อยเข้าไปในจุดตันเถียนของเขา แล้วพลังปราณจากทุกทิศทุกทางก็เคลื่อนที่ไปตามเส้นลมปราณและมาบรรจบกันในจุดเดียวกัน

มีมวลสารที่ไม่มีรูปร่างอยู่ในตำแหน่งจุดตันเถียน พลังปราณหมุนเป็นวงกลมเหนือจุดตันเถียนก่อนที่จะกลายเป็นพลังปราณอันมหาศาลและกลับเข้าไปที่เส้นลมปราณ เซียวเฉินไม่ยอมแพ้และพยายามที่จะรวบรวมพลังปราณอีกครั้งและรวบรวมไว้ที่จุดตันเถียนเพื่อสร้างแรงกดดันให้กับมัน แต่พลังปราณยังคงหมุนเวียนอยู่เหนือจุดตันเถียนเหมือนเดิมและวนกลับไปที่เส้นลมปราณ หลังจากที่พยายามอยู่หลายครั้ง พลังปราณที่อยู่รอบร่างกายของเขาเริ่มเบาบางลง และพลังปราณยังไม่อาจเข้าสู่จุดตันเถียนได้อีก

ท้ายที่สุด พลังปราณทั้งหมดก็ไหลย้อนกลับผ่านเส้นลมปราณและจุดปราณ แล้วเข้าสู่ผิวหนัง กล้ามเนื้อ และกระดูกของเซียวเฉินก่อนที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์

เซียวเฉินหยุดบ่มเพาะพลัง แล้วทุบเตียงด้วยความหงุดหงิด เขายังไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคนี้ได้

นับตั้งแต่ที่เซียวเฉินเข้าสู่ขอบเขตปรับแต่งวิญญาณขั้น 9 พลังปราณที่เขาดูดซับมาไม่อาจถูกรวมรวบไว้ที่จุดตันเถียนของเขาได้ กลับกัน มันกลับเข้าไปแทรกซึมในกระดูก ผิวหนังและกล้ามเนื้อของเขาแทน

หากฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ใช้พลังปราณ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ พวกเขาก็ไม่อาจเทียบกับเขาในเรื่องของพละกำลังได้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาท้าเซียวเจี้ยนต่อสู้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาไม่สามารถหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณยุทธของเขาได้ เช่นนั้นเขาก็จะไม่มีทางรวมพลังปราณจากสวรรค์และโลกให้กลายเป็นพลังภายในได้ ทักษะการต่อสู้สำหรับจอมยุทธฝึกหัดและสูงกว่านั้นจำเป็นต้องใช้พลังภายในเพื่อใช้มัน หากไม่คำนึงถึงพละกำลังของเขา เมื่ออยู่ต่อหน้าขอบเขตผู้เชี่ยวชาญยุทธที่ใช้พลังภายใน มีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่กำลังรออยู่ เป็นไปได้ไหมที่เขาไม่อาจหลบหนีจากความตายได้ในเจ็ดวันนี้?

ทันใดนั้น ความคิดได้ปรากฏขึ้นอยู่ภายในหัวของเขา ตำราบ่มเพาะพลังนั่นที่เขาซื้อมาจากเถาเป่า…เขาไม่อาจฝึกฝนมันได้บนโลกก่อน แต่บางทีเขาอาจฝึกฝนมันได้บนโลกใบนี้?

พลังปราณจากสวรรค์และโลกไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกที่แล้วของเขา แต่ในโลกใบนี้มันมีตัวตนอยู่ทุกที่ ยิ่งเขาขบคิดถึงมันมากเท่าไหร่ ความเป็นไปได้ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

ในตำราบ่มเพาะพลัง มีเพียงวิธีบ่มเพาะพลังเซียนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ เขาอ่านตำราบ่มเพาะพลังมาเป็นเวลาสามปีแล้วและสามารถจดจำมันได้ทั้งหมด จากนั้นเซียวเฉินก็นั่งขัดสมาธิอีกครั้งและเริ่มบ่มเพาะพลังตามทักษาอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์

ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์มีทั้งหมด 12 ชั้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องเริ่มฝึกฝนตั้งแต่ขั้นแรก เขาท่องทักษะออกมาอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นเขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่อยู่โดนรอบได้อย่างชัดเจนขึ้นทันที เซียวเฉินจึงสงบสติอารมณ์ของเขาลงและยังคงโคจรทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ ณ จุดนั้นเขาไม่อาจเร่งรีบหรือใจร้อนเกินไปได้

พลังปราณที่อยู่รอบตัวเขาพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่องแทรกซึมเข้ามาในตัวของเขา เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่เหลือล้นกำลังซึมเข้ามาในรูขุมขนของเขา เส้นสายพลังปราณที่เข้ามาในร่างกายของเขาเหมือนกับปลาตัวเล็กๆที่กำลังว่ายผาดโผนด้วยความปิติยินดี ซึ่งทำให้เขารู้สึกไร้กังวลอย่างบอกไม่ถูก ความเร็วและความหนาแน่นของพลังปราณที่เขาสามารถดูดซับได้นั้นรวดเร็วขึ้นและหนาแน่นขึ้นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า

พลังปราณไหลผ่านเส้นลมปราณของเขาด้วยความปิติยินดีและเส้นลมปราณของเซียวเฉินขยายกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะผลจากพลังปราณที่หนาแน่น พลังปราณกำลั่งหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นมันก็ไปรวมอยู่ที่หน้าอกของเขา

ความเร็วที่น่าทึ่งของมันทำให้เซียวเฉินรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาจึงรีบชะลอการไหลเวียนของพลังปราณให้ช้าลง หลังจากที่มันโคจรรอบร่างกายเขาจบ พลังปราณก็กลับมาอยู่ที่ด้านบนจุดตันเถียนของเขา

เซียวเฉินเริ่มกระวนกระวายใจ แต่เขายังไม่ยอมแพ้ ดังนั้นเขาจึงพยายามสุดความสามารถเพื่อที่จะควบคุมพลังปราณให้ได้ เขาพยายามโคจรพลังปราณด้วยความระมัดระวังและผลักดันให้มันเข้าไปอยู่ในจุดตันเถียนของเขา พลังปราณอันไร้ที่สิ้นสุดนี่เป็นเหมือนกับมังกรที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในจุดตันเถียน

ความรู้สึกในตอนนี้มันแตกต่างจากครั้งก่อนๆที่เขาพยายามทำแบบเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด ครั้งนี้ จิตใจของเขาสามารถมองเห็นกำแพงที่อยู่ในจุดตันเถียนของเขาที่ป้องกันไม่ให้พลังปราณแทกซึมเข้ามาได้ แต่ในตอนนี้พลังปราณได้หลั่งไหลเข้าไปในจุดตันเถียนมากมายจนไม่อาจหลั่งไหลเข้าไปได้อีกต่อไป

เซียวเฉินแข็งใจและควบคุมพลังปราณที่กระจายอยู่ในเส้นลมปราณของเขามารวมกันไว้เหนือจุดตันเถียนของเขา หลังจากนั้นเขาก็บีบบังคับให้พลังปราณไหลเข้าไปในจุดตันเถียนของเขา

เกิดเสียงดังปังขึ้นและพลังปราณถูกตีกลับออกไปกลายเป็นคลื่นขนาดใหญ่ เซียวเฉินรู้สึกว่าอวัยวะและอวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหาย และโลหิตสีแดงสดก็ไหลออกมาจากมุมปากของเขา สีหน้าของเขาเริ่มซีดขาว เขารีบเรียกสติของตัวเองกลับคืนมาและค่อยๆควบคุมพลังปราณของเขาเข้าไปในอวัยวะที่ได้รับความเสียหาย

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset