Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 4 การผจญภัยและภูเขาชีเจี่ยว

ตลอดสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เซียวเฉินได้ทำการฟื้นฟูอวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหาย หลังจากที่ได้รับบทเรียนในครั้งนี้ เขาจึงไม่กล้าบีบบังคับให้พลังปราณเข้าไปในจุดตันเถียนอีกต่อไป

หลังจากที่อาการบาดเจ็บค่อยๆบรรเทาลง เขาค่อยๆฟื้นฟูการไหลเวียนของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูดซับพลังปราณ หลังจากที่มันไหลผ่านเส้นลมปราณของเขา พลังปราณของเขาก็แทรกซึมเข้าไปในกระดูก ผิวหนังและกล้ามเนื้อของเซียวเฉิน

เซียวเฉินจึงตัดสินใจว่า หากเขาไม่สามารถหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณต่อสู้ได้ เช่นนั้นเขาจึงต้องทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น

เซียวเฉินหลงลืมเรื่องเวลาไปขณะที่เขาฝึกฝนบ่มเพาะพลัง หลังจากนั้นขณะที่เขากำลังลืมตาขึ้นประกายแสงสีม่วงได้เปล่งประกายอยู่ในดวงตาทั้งสองข้างของเขา และในตอนนี้ ท้องฟ้านั้นสดใสแล้ว ซึ่งทำให้เซียวเฉินพูดไม่ออกนั่นหมายความว่าแท้จริงแล้วเขาได้ใช้เวลาไปตลอดทั้งคืนเพื่อบ่มเพาะพลังอยู่ภายในบ้าน

แม้จะไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่เซียวเฉินกลับไม่รู้สึกเมื่อยล้าแต่อย่างใด ไม่นานหลังจากนั้น เซียวเฉินก็ได้กลิ่นเหม็นแปลกประหลาด เขาเหลือบมองไปที่ด้านล่างและสังเกตเห็นชั้นของเหลวเหนียวหนึบสีดำติดอยู่บนร่างกายของเขา กลิ่นของมันเหม็นคาวอย่างไม่น่าเชื่อ

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสกปรกและของเสียภายในร่างกายของเซียวเฉิน ในขณะที่ในอดีตเมื่อเซียวเฉินบ่มเพาะพลังอย่างมากที่สุดมันก็มีแค่ชั้นเม็ดเหงื่อเท่านั้นที่ปกคลุมร่างกายของเขา

เซียวเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและรีบไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ถ้าเขาออกไปในสภาพนี้มันอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้มากมาย หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้ว เขาก็เปลี่ยนเป็นชุดใหม่และเดินไปที่ลานกว้าง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนทักษะชกต่อยธรรมดาซึ่งเป็นทักษะที่ธรรมดาที่สุดของตระกูลเซียว

ทักษะชกต่อยของตระกูลเซียวมีลำดับการเคลื่อนไหวไม่ว่าจะเป็นการยืน การย่อตัว ก้าวเดินไปข้างหน้าและถอยหลัง ซึ่งมันเป็นทักษะที่ธรรมดามาก เซียวเฉินปล่อยหมัดออกไปอย่างอ่อนโยนทำให้เกิดคลื่นลมจากกำปั้นของเขา โดยที่เขาไม่ตระหนักถึงมัน ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเขาโคจรออกมาอัตโนมัติพร้อมกับการเคลื่อนไหวของเขา

ทักษะชกต่อยที่แสนธรรมดาดูเหมือนจะกลายเป็นกำปั้นที่ทรงพลังและรุนแรง กำปั้นของเขาถูกปล่อยออกไปและดึงกลับมาและดูเหมือนกับว่าจะเกิดเสียงฟ้าคำรามดังไปทั่วอากาศ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เซียวเฉินรู้สึกมีความสุข เพราะเขาไม่คิดว่าทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์จะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ยิ่งเขาปล่อยกำปั้นออกไปมากเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้นเท่านั้น กำปั้นของเขาเริ่มรวดเร็วขึ้นและเร็วขึ้นและเสียงคำรามของฟ้าร้องก็ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเห็นสายฟ้าได้ในกำปั้นของเขา และความรู้สึกที่ร้อนแรงก็แผ่ซ่านไปที่มือขวาของเขา ราวกับว่ามือขวาของเขาเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งอันไร้ที่สิ้นสุด

เซียวเฉินตะโกนเสียงดัง เขากระโดดขึ้นไปและเมื่อตกลงมากำปั้นของเขาได้กระแทกเข้ากับพื้นดิน เซียวเฉินได้ใช้พลังทั้งหมดในร่างกายของเขาไว้ในกำปั้นนี้

“ตู้ม!”

ก้อนหินถูกบดขยี้ ท่ามกลางรอยแยกนับไม่ถ้วนนั้นมีรูเล็กๆกว้างประมาณครึ่งเมตรปรากฏอยู่ เซียวเฉินถอนหายใจออกมาขณะที่จ้องมองหินพวกนั้นและส่ายหัว

กำปั้นของเขามันอาจดูทรงพลัง แต่เขารู้ว่านี่มันยังธรรมดา หากเป็นผู้ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเขาใช้ทักษะต่อสู้นี้ พวกเขาอาจสร้างหลุดมขนาดใหญ่ที่มีความกว้างอย่างน้อยหนึ่งเมตรได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันอาจไม่มีรอยแตกใดๆปรากฏอยู่บนก้อนหินและก้อนหินทั้งก้อนอาจกลายเป็นผง

อย่างไรก็ตาม เซียวเฉินรู้สึกพึงพอใจมาก เขาต้องพัฒนาไปทีละขั้น เขาพึ่งฝึกฝนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่ค่ำคืนเดียวเท่านั้น แต่พลังที่เขาได้รับมาแค่นี้มันก็น่าตกตะลึงแล้ว หลังจากที่ฝึกฝนมันต่ออีกสักสองสามวัน ร่างกายของเขาอาจเทียบเคียงได้กับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัด ยิ่งไปกว่านั้น สายฟ้าบนกำปั้นของเขาอาจทำให้คนอื่นรู้สึกตกตะลึง

หลังจากที่พักผ่อนได้ชั่วครู่ เซียวเฉินก็ตัดสินใจที่จะฝึกฝนบ่มเพาะพลัง แต่เขาไม่อาจกลับไปที่ห้องนอนเพื่อฝึกฝนได้อีกต่อไปแล้ว เพราะเขาต้องหาสถานที่อื่นที่มีพลังปราณหนาแน่นเพื่อฝึกฝน ภูเขาที่อยู่ด้านหลังตระกูลเซียวภูเขาชีเจี่ยวจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด

ภูเขาชีเจี่ยวอาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของตระกูลเซียว มันมีสัตว์อสูรอยู่มากมายรวมทั้งสมุนไพรหายากอยู่บนภูเขา ยิ่งไปกว่านั้นพลังปราณบนภูเขานั้นหนาแน่นกว่าพื้นที่ที่เขาอยู่ในปัจจุบันถึง 1 เท่า

ในความทรงจำของร่างกายนี้ ตระกูลเซียวได้รับการพิจารณาว่าเป็นตระกูลใหญ่เมื่อหลายปีก่อนและไม่ได้จำกัดอยู่แค่อาณาจักรต้าฉินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทวีปเทียนหวู่ด้วย

บรรพบุรุษของตระกูลเซียวเคยใช้พลังของพวกเขาเพื่อต่อสู้ครอบครองภูเขาลูกนี้มา หลังจากที่พึงพาสมบัตินับไม่ถ้วนจากภูเขาชีเจี่ยว ทำให้ตระกูลเซียวเริ่มตั้งรากฐานอยู่ในเมืองม่อเหออย่างช้าๆ และกลายเป็นตระกูลอันดับ 1 ในพื้นที่

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือการที่ได้ครอบครองแหล่งขุมทรัพย์ธรรมชาติทำให้ดวงตาของผู้อื่นถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานด้วยความอิจฉาริษยา ด้วยเหตุนี้ภูเขาชีเจี่ยวจึงมีความขัดแย้งและข้อพิพาทที่ไม่รู้จักจบสิ้น ในสมัยนั้น ตระกูลท้องถิ่นของเมืองม่อเหอและตระกูลเซียวเคยสู้รบกันครั้งใหญ่ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมากกับทั้งสองฝ่าย

ท้ายที่สุดภายใต้การไกล่เกลี่ยของเจ้าเมืองม่อเหอ ทุกตระกูลภายในเมืองม่อเหอได้ทำข้อตกลงร่วมกัน ทุกสิบปี พวกเขาจะมีการแข่งขันกัน รุ่นเยาว์ทุกคนจากทุกตระกูลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีจะมีส่วนร่วมในการแข่งขัน ผู้ชนะจะถูกตัดสินว่าใครจะได้รับสิทธิ์ครอบครองภูเขาชีเจี่ยว

ทั้งสองฝ่ายต่างถอยกันคนละก้าวและตระกูลเซียวก็ไม่กล้าที่จะละเมิดและตกลงเห็นด้วยกับการแข่งขัน

แม้ว่าอำนาจของตระกูลจะลดน้อยลง แต่พวกเขาก็สามารถคว้าชัยชนะมาได้ถึงสามครั้ง สัญญาสิบปีครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นในอีกครึ่งปี แน่นอนอยู่แล้วว่าตระกูลเซียวจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้และฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเซียวเจี้ยนและบุตรสาวลึกลับของผู้อาวุโสหนึ่ง

ในขณะที่กำลังนึกถึงประวัติความเป็นมาของภูเขาชีเจี่ยว เซียวเฉินก็เดินมาถึงตีนเขาแล้ว มีการสร้างทางเดินเท้าซึ่งเป็นจุดที่กองกำลังของตระกูลเซียวประจำการอยู่ ถ้าใครไม่ใช่คนของตระกูลเซียวจะผ่านไม่ได้ นอกจากเสียค่าธรรมเนียมเพื่อที่จะเข้าไป

เซียวเฉินเป็นบุตรชายของหัวหน้าตระกูลจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาสามารถเข้าไปในภูเขาชีเจี่ยวได้โดยไม่ต้องมากพิธีนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อทหารยามจากตระกูลเซียวเห็นว่าเซียวเฉินต้องการที่จะเข้าไปข้างใน มันทำให้พวกเขารู้สึกลำบากใจ

ใครมันจะไม่เคยได้ยินเรื่องของนายน้อยอันดับสองกันที่มีระดับบ่มเพาะพลังแค่ขอบเขตปรับแต่งวิญญาณขั้น 9 และว่ากันว่าเขาเป็นขยะของเมืองม่อเหอ? ถ้าเขาเข้าไปในภูเขาชีเจี่ยว มีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่จะรอคอยเขาอยู่ และหากเกิดอะไรแบบนั้นขึ้นพวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายถูกลงโทษอย่างแน่นอน

“นายน้อย สัตว์อสูรที่อยู่ในภูเขามันดุร้ายมาก มันไม่ใช่สถานที่ที่ท่านจะเข้าไปเที่ยวเล่น มันจะเป็นการดีกว่าหากนายน้อยไม่เข้าไปข้างใน” ทหารยามคนหนึ่งพูดแนะนำ

เมื่อเซียวเฉินได้ยินเช่นนั้น เขาเพียงแค่ยิ้มออกมา เขาไม่สนใจสิ่งที่ทหารยามพูด “ใครบอกว่าข้าจะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเที่ยวเล่นกัน? ข้าจะขึ้นไปฝึกบ่มเพาะพลังที่นั่น หรือมันเป็นเพราะว่าข้าในฐานะบุตรชายหัวหน้าตระกูล ข้าจึงไม่มีสิทธิเข้าไปในภูเขาแห่งนี้เพื่อบ่มเพาะพลัง?”

ทหารยามคนเดิมดูเหมือนต้องการพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่คนที่อยู่ด้านหลังของเขาหยุดเขาไว้และพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มว่า “หากนายน้อยสองต้องการที่จะขึ้นไปบ่มเพาะพลัง แน่นอนอยู่แล้วว่าพวกข้าไม่อาจขัดขวางท่านได้ แต่พวกเราหวังแค่ว่านายน้อยจะไม่เดินเข้าไปลึกเกินไปและอยู่ไม่ห่างจากประตูทางเข้า”

“แน่นอนอยู่แล้ว” เมื่อเซียวเฉินได้ยินเช่นนั้น เขาได้เดินจากไปทันทีโดยไม่หันกลับมามอง

“ทำไมพวกเราต้องปล่อยให้เขาเข้าไป? นี่มันเหมือนกับการส่งเขาไปหาความตาย” ทหารยามที่พูดก่อนหน้านี้กล่าว

“ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้ยินข่าวคราวเลยสินะ เจ้าเคยได้ยินเรื่องที่ว่าเขาได้ท้าเซียวเจี้ยนสู้ตัวต่อตัวหรือไม่? มันเป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต! ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้เขาเข้าไป ถึงแม้เขาจะตายด้วยน้ำมือของสัตว์อสูร แต่มันก็ยังดีกว่าตายด้วยน้ำมือของเซียวเจี้ยน”

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset