Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 88 ลาก่อนเมืองม่อเหอ

ตอนที่ 88 ลาก่อนเมืองม่อเหอ

 

ดาบของระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นฟันลงมาสร้างบาดแผลขึ้นบนหน้าอกของเย่หมิงหลาน เย่หมิงหลานไม่สนใจบาดแผลพร้อมกับพูดเร่งเซียวหลิงเอ๋อ “ไปเร็ว! หากเจ้าไปรีบไปตอนนี้มันจะสายเกินไป”

 

เมื่อเย่หมิงหลานกล่าวจบระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นก็ได้มุมแทงดาบไปที่หน้าอกของเขา หัวใจของเย่หมิงหลานเย็นเฉียบดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

 

“ปัง!”

 

ในพริบตานั้นเองเซียวเฉินใช้อัสนีหลบเลี่ยง กระบี่เงาจันทร์ฟันไปที่หัวของระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้น หากเขายังดึงดันโจมตีต่อเป็นหัวเขาซะเองที่ขาดกระเด็น

 

ระดับขอบเขตปรมจารย์คนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอยกลับไป หลังจากที่มองมายังเซียวเฉินผู้ที่ปรากฎตัวขึ้นมา นางก็เผยรอยยิ้ม “ดูเหมือนข้าจะตกได้ปลาตัวใหญ่ ข้าสงสัยว่าผู้นำตระกูลจะตบรางวัลอะไรให้หากข้าฆ่าเจ้าได้?”

 

“หัวหน้าเซียวเฉินท่านไม่ได้อยู่ที่โถงใหญ่? ที่นี่มันอันตรายเกินไป” เย่หมิงหลานอุทานด้วยความตกใจพร้อมกับมองไปที่เซียวเฉินผู้ที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

 

เซียวหลิงเอ๋อเห็นเซียวเฉินปรากฎตัวออกมานางทั้งประหลาดใจทั้งยินดีพร้อมกับพูดขึ้น “พี่ใหญ่เฉินเจ้าควรออกไปโดยเร็ว ที่นี่มันอันตรายมาก”

 

เซียวเฉินมองไปยังระดับขอบเขตปรมจารย์ตรงหน้าของเขาและพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “พวกเจ้าออกไปก่อน เชื่อข้า ข้าเป็นหัวหน้าพวกเจ้าใช่หรือไม่?”

 

“ยังไม่ไปอีก? พวกเจ้าพยายามจะกวนโมโหข้าใช่ไหม?” เซียวเฉินพูดด้วยเสียงเคร่งขรึมขณะที่เห็นทั้งสองคนยังคงไม่ขยับไปไหน

 

“หัวหน้าระวังตัวด้วย!”

 

“พี่ใหญ่เฉินท่านต้องระวัง” ทั้งสองคนกล่าวกับเขาก่อนที่จะหันหลังวิ่งออกไป

 

เซียวเฉินรับรู้คำเหล่านั้นได้จากสัมผัสวิญญาณของเขา เซียวเฉินไม่อยากจะเสียเวลากับคนตรงหน้าเขาตอนนี้มากนักและถอยกลับไปที่ประตูที่แบ่งระหว่างลานหน้ากับลานกว้างด้านใน

 

นี้เป็นเส้นทางเดียวที่จะเข้าไปในลานด้านในและห้องโถงใหญ่ ตราบใดที่เซียวเฉินป้องกันจุดนี้ไว้ได้ต่อให้คนพวกนี้จะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจเข้าไปได้

 

หลังจากที่ถ่วงเวลาพวกมันไว้ได้ก็จะเปิดช่องให้เหล่าสานุศิษย์ตระกูลเซียวหลบหนีกลับไปข้างใน เมื่อลานกว้างด้านหน้าปราศจากสานุศิษย์ตระกูลเซียวแล้วผู้นำตระกูลเหลิงก็นำกลุ่มคนระดับขอบเขตนักบุญหกคนและระดับขอบเขตปรมจารย์กว่าหนึ่งร้อยคนเข้ามาประจัญหน้าเซียวเฉิน

 

หลานเฉาหยางพูดด้วยท่าทางไม่แยแส “เป็นแค่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นต่ำ พอคิดว่าหนีรอดจากมือผู้อาวุโสเหลิงไปได้… บ้าบอสิ้นดี”

 

เมื่อเหลิงหยุ่นเจิ่งได้ยินเช่นนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะพูดด้วยเสียงหนักแน่น “พวกเจ้าสองคนจัดการเขาซะ หากพวกเจ้าจัดการเขาไม่ได้ภายในสามกระบวณท่าข้าจะคาดโทษเจ้าไว้แล้วไปจัดการทีหลัง”

 

ดวงตาของเซียวเฉินแดงเป็นเลือดขณะที่มองไปยังฝูงคนด้านหน้าของเขา มือของพวกมันเหล่านี้เต็มไปด้วยเลือดโลหิตของสานุศิษย์ตระกูลเซียว พวกมันทั้งหมดสมควรตาย!

 

ทันใดนั้นเจตนาฆ่าฟันก็ระเบิดออกมาจากดวงตาของเซียวเฉิน มือขวาของเขาประสานตราประทับและปราณโลหิตที่ฝังไว้ในแผ่นยันต์ก็ทำงานขึ้นมาทันที

 

“บูม!”

 

ฟ้าใสไร้ขอบเขตถูกปกคลุมด้วยเมฆหนาสีดำทันที หมุนเวียนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและส่งเสียงฟ้าคำรามลงมาไม่หยุดหย่อน

 

ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดมิด

 

ทั้งแปดทิศของตระกูลเซียวมีเสาสีแดงสดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เซียวเฉินลอยตัวขึ้นไปสูงหลายพันเมตรทันที

 

สายฟ้านับไม่ถ้วนล้อมรอบตัวเขาไว้พร้อมกับฟ้าคำรามทำให้ใบหน้าของเซียวเฉินวูบไหวมืดสลับสว่าง เขาดูราวกับเทพเจ้าสายฟ้ายืนสูงอยู่เหนือหัวปลดปล่อยพลังสายฟ้าออกมา

 

เซียวเฉินควบคุมสายฟ้าโดยรอบตัวของเขาและค่ายกลอัสนีเก้าสวรรค์ก็ส่งพลังออกมา หากเซียวเฉินเผลอแม้แต่นิดเดียวในการควบคุมพลังงานนี้เขาอาจจะต้องแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นจากผลสะท้อนกลับ

 

“ท่านผู้นำตระกูลนี่มันเกิดอะไรขึ้น?” สถานการณ์ในตอนนี้รีดควาหวาดกลัวออกมาจากเหล่าตระกูลเหลิง

 

สายฟ้าที่ตัดผ่านเมฆสีดำมืดนั้นคมแหลมราวกับใบมีดที่ฉาบไปด้วยกลิ่นแห่งความตายที่พร้อมจะส่งลงมาได้ทุกเวลา

 

เหลิงหยุ่นเจิ่งเผยสีหน้าซีดขาวหลังจากนั้นครู่ใหญ่เขาก็กล่าวขึ้นอย่างงุนงง “นี่เป็นค่ายกล เป็นค่ายกลที่หายสาบสูญไปตั้งแต่โบราณกาลมา ทำไมถึงมีคนที่สร้างค่ายกลพวกนี้ขึ้นมาได้?”

 

“ยิงเขาลงมาเร็ว! มิเช่นนั้นพวกเราจะได้ตายกันหมดที่นี่” เหลิงหยุ่นเจิ่งตะโกนขึ้นมาทันที

 

กลุ่มผู้บ่มเพาะพลังเล็งธนูขึ้นไปบนท้องฟ้าแต่ลูกศรที่พุ่งออกไปไม่ได้เข้าไปเฉียดใกล้เซียวเฉินแม้แต่น้อย ก่อนที่พวกมันจะได้เข้าใกล้พวกมันก็ถูกปัดกระเด็นกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยด้วยสายฟ้าที่ตัดผ่านไปตามก้อนเมฆ

 

ด้านนอกลานกว้างเซียวฉงนำสมาชิกระดับสูงของตระกูลเซียวตรงเข้ามา เมื่อเห็นเซียวเฉินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าท่ามกลางสายฟ้านับไม่ถ้วนที่วูบไหวตัดผ่านก้อนเมฆดำสีหน้าของเขาเปลี่ยนทันที “ไม่จำเป็นต้องรีบเข้าไป นี่เป็นค่ายกลที่หายสาบสูญไปตั้งแต่โบราณ หากเราผลีผลามเข้าไปอาจจะตายได้โดยไม่รู้ตัว”

 

เมื่อเซียวเฉียงได้ยินเช่นนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนทันที “ค่ายกลในตำนานนี้ต้องใช้ผู้ที่มีระดับขอบเขตพลังสูง นายน้อยสองจะรับมือกับมันได้หรือ?”

 

สีหน้าของเซียวฉงกลายเป็นซีดขาว เขาหันหน้าไปทางหลิวเฟิงหยินและพูดขึ้น “ผู้อาวุโสหลิวหากเกิดอะไรขึ้นกับเซียวเฉินให้รีบพาตัวเขาออกไปในทันที นี่เป็นคำขอของข้า”

 

หลิวเฟิงหยินพยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ยอมรับคำขอของเซียวฉง

 

เหลิงหยุ่นเจิ่งมองดูเหล่าลูกธนูที่กลายเป็นเศษฝุ่นและจากนั้นก็ปรากฎร่องรอยความหวาดกลัวในดวงตาของเขา หลังจากนั้นครู่ใหญ่เขาก็ตะโกนออกมาเสียงดังและย่อเข่าลง ดีดตัวขึ้นจากพื้นอย่างรุนแรงลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

ก่อนที่เหลิงเหลิงหยุ่นเจิ่งจะได้ลงมือทำอะไรสายฟ้าฟาดนับไม่ถ้วนในเมฆดำมืดผ่านการชี้นำของสัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินพุ่งทะลุเมฆดำผ่านท้องฟ้าและซัดเข้าที่ร่างของเหลิงหยุ่นเจิ่งในทันที

 

หลังงานสายฟ้าอันแข็งแกร่งไหลผ่านร่างของเหลิงหยุ่นเจิ่งทำให้เขาร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรง

 

ร่างของเขาดำไหม้และกระตุกไปมาอย่างต่อเนื่อง

 

“ท่านผู้นำตระกูลท่านเป็นเช่นไร?” ผู้คนรอบข้างรีบตรงเข้ามาช่วยเขาทันที พวกเขาตรวจสอบบาดแผลและป้อนเม็ดยาให้เขา

 

หลังจากที่เหลิงหยุ่นเจิ่งกลืนเม็ดยาลงไปสีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้น เขาพูดอย่างอ่อนแรง “หนีเร็ว! ก่อนที่ดวงตาค่ายกลจะก่อตัวขึ้นมา รีบออกไปจากที่นี่ซะ!ไม่ต้องห่วงข้า อวัยวะภายในของข้าถูกสายฟ้าทำลายหมดแล้ว หมดหนทางที่ข้าจะรอดไปได้”

 

หลังจากที่เหลิงหยุ่นเจิ่งสิ้นคำพูดเขาก็หมดสติไป “ท่านผู้นำ! ท่านผู้นำตระกูล! ท่านเป็นอะไรไป!?”

 

“พลังอำนาจของฟ้ากว้างนำทางมาด้วยพลังฉี สายฟ้าจากเก้าสวรรค์มาตามคำเรียกของข้าและแผดเผาผืนดินให้สิ้น!”

 

มือของเซียวเฉินประทับมืออย่างต่อเนื่องพร้อมกับสายฟ้าที่พุ่งปะทุขึ้น มันราวกับว่ามีทัพพันม้าหมื่นคนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา มันช่างทรงพลังและไร้ซึ่งขอบเขตสั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์

 

ใรจังหวะที่เซียวเฉินตะโกนออกไปสายฟ้านับไม่ถ้วนก็ยิงตรงลงไปใส่ผืนดิน พวกมันส่งเสียงคำรามดังฟ้าที่มืดมัววูบสว่างทุกครั้งที่สายฟ้าดิ่งลงมา

 

“อ้า! ”

 

ระดับขอบเขตปรมจารย์ผู้หนึ่งที่ถูกสายฟ้าซัดลงมาปล่อยให้เขาร้องออกมาได้หนึ่งคำก่อนที่ร่างของเขาจะแหลกสลายตายในทันที

 

“วิ่ง! เร็ว!”

 

ทุกคนล้วนเสียขวัญจากพลังที่น่าหวาดกลัววิ่งถอยกลับไปอย่างตื่นตระหนก

 

เซียวเฉินยิ้มเย็นชาในใจ พวกเจ้าคิดว่าจะหนีรอด? ด้วยพลังของค่ายกลอัสนีเก้าสวรรค์คู่กับสัมผัสวิญญาณที่ครอบคลุมตระกูลเซียวไว้ทั้งหมดและทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้ที่หัวของพวกมันทุกคน สายฟ้าไล่ตามคนที่โดนหมายหัวไว้แล้ว

 

“บูม!บูม!บูม!บูม!”

 

หลังจากที่สายฟ้านับไม่ถ้วนผ่าลงมาพื้นที่ด้านล่างราวกับนรก เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่สายฟ้าผ่าลงมานั้นหมายความว่าหนึ่งชีวิตได้ดับสูญไปแล้ว

 

เซียวเฉินไร้ซึ่งความเมตตาในใจเมื่อเขาได้เห็นภาพเด็กผู้หญิงคนเมื่อครู่ผู้ที่ยังคงวิ่งต่อไปด้วยร่างที่ไร้ศีรษะ หัวใจของเขาไม่อาจสงบลงได้

 

ด้วยสัมผัสวิญญาณเขาตรวจสอบบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วและก็พบตัวเหลิงหยุ่นเจ๋อ ไอ้หมอนี้มันกำลังโดดไปรอบๆเพื่อหลบเลี่ยงสายฟ้า

 

มุมปากของเซียวเฉินยกขึ้นพร้อมกับร่างของเขาที่ลอยผ่านท้องฟ้าไปถึงหน้าเหลิงหยุ่นเจ๋อในทันที

 

มองเห็นเซียวเฉินที่จู่ๆก็ปรากฎตัวขึ้นมาเหลิงหยุ่นเจ๋อหัวใจแทบหยุดเต้นเขาพูดขึ้นด้วยเสียงเขร่งขรึม “เซียวเฉินเจ้ายังกล้าโผล่มาให้ข้าเห็น ช่างบ้าบิ่น..”

 

เซียวเฉินไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงเหยียดนิ้วออกไปสายฟ้าเส้นขนาดเท่าโอ่งน้ำก็ตัดผ่านท้องฟ้าลงมา ก่อนที่เหลิงหยุ่นเจ๋อจะได้พูดจบเขาก็ถูกสายฟ้าซัดเข้าใส่และกลายเป็นก้อนเนื้อที่ส่งกลิ่นบาร์บีคิวออกมา

 

เซียวเฉินหัวเราะอย่างเย็นชาพร้อมกับเตะร่างของเหลิงหยุ่นเจ๋อลอยไปในอากาศ แสงกระบี่วูบผ่านเหลิงหยุ่นเจ๋อกลายเป็นสองท่อน

 

สัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินยังคงขยายออกไปอย่างต่อเนื่องค้นหาระดับขอบเขตนักบุญคนอื่น ด้วยระดับพลังของคนพวกนั้นสามารถหลบหลีกสายฟ้าได้อย่างรวดเร็ว

 

“บูม!บูม!บูม!”

 

จากทิศทางของเซียวเฉินสายฟ้าอีกสองสามเส้นขนาดเท่าโอ่งน้ำถูกยิงออกมาซัดเข้าใส่ระดับขอบเขตนักบุญพวกนั้น ไม่มีใครหนีรอดไปได้และถูกผ่าเละเป็นเนื้อบด

 

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงเซียวเฉินก็ค่อยๆลอยลงมาจากท้องฟ้า มีศพสีดำเป็นถ่านนอนเกลื่อนลานกว้างด้านหน้า ไม่มีระดับขอบเขตปรมจารย์หรือระดับขอบเขตนักบุญแม้แต่คนเดียวหนีรอดไปได้

 

เมฆสีดำเริ่มแตกตัวจางหายไปและเสาสีแดงแปดต้นที่รอบล้อมตระกูลเซียวไว้ก็ค่อยๆจมกลับไปในพื้นดิน ทันทีที่เสาแสงนั้นหายไปพลังอันหน้ากลัวของค่ายกลอัสนีเก้าสวรรค์ก็จางหายไปเช่นกันและแสงอาทิตย์ก็สาดส่องลงมาอีกครั้ง

 

ความเจ็บปวดวิ่งทะลุผ่านหัวของเซียวเฉิน มองเห็นเส้นเลือดได้ชัดเจนบนใบห้าซีดขาวของเขา ท่ามกลางความเจ็บปวดที่ประดังเข้ามาเซียวเฉินรู้สึกได้ถึงพลังในร่างของเขาที่กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว

 

“บูม!”

 

เกิดระเบิดขึ้นที่บริเวณจุดตันเทียนของเขา ระดับพลังของเซียวเฉินลดลงจริงๆเขากลับไปอยู่ที่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงอีกครั้ง

 

หลังจากที่ความเจ็บปวดในหัวของเขาค่อยๆจางหายไปเซียวเฉินก็หยิบเม็ดยาห้วนคืนพลังฉีใส่เข้าปาก เขายิ้มขมขื่นกับตัวเองเพื่อที่จะสังหารคนพวกนี้ข้าต้องลดระดับพลังของเขาเองลงไปถึงหนึ่งขั้น

 

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้นึกเสียใจแต่อย่างใด เพื่อสังหารคนพวกนี้ต่อให้เซียวเฉินลดลงไปถึงระดับขอบเขตปรับแต่งวิญญาณเขาก็จะไม่ลังแลแม้แต่น้อยที่จะใช้ค่ายกลอัสนีเก้าสวรรค์

 

“โซว!โซว!”

 

เซียวเฉินได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเซียวฉงที่นำกลุ่มตระกูลเซียวเข้ามา เซียวเฉียงรีบตรงเข้ามาตรวจสอบสภาพร่างกายของเซียวเฉิน เขามีความประหลาดใจปรากฎขึ้นบนใบหน้า “ระดับพลังของเจ้าลดลงจริงๆ ช่างน่าแปลก ข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน”

 

เซียวฉงเห็นเซียวเฉินที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมายเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารีบกลับไปที่หัวข้อก่อนหน้านี้ “เซียวเฉินจิตวิญญาณยุทธของเจ้าคือมังกรฟ้าใช่หรือไม่?”

 

“ถ้ามันใช่หรือถ้ามันไม่ใช่ล่ะ.. ” เซียวเฉินรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างไม่น่าเชื่อ   เมื่อเขาต้องมาเจอกับคำถามนี้อีกครั้งเขาก็หมดความอดทน

 

สีหน้าของเซียวฉังกลายเป็นเย็นชาเขาไม่คาดคิดว่าเซียวเฉินจะใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับเขา เขาพูดขึ้นด้วยเสียงขุ่นมัว “หากเป็นเช่นนั้นเจ้าก็จากไปซะ อย่าได้กลับมาที่เมืองม่อเหออีก ยิ่งไปให้ไกลก็ยิ่งดี”

 

เซียวเฉินยืนแข็ง แม้ว่าเขาจะวางแผนไว้แล้วว่าจะจากไปหลังจากจบศึกสัญญาสิบปีเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะต้องจากไปเช่นนี้… เซียวฉงเนรเทศเขาออกไปจริงๆ

 

เซียวอวี่หลันประหลาดใจและพูดขึ้น “ท่านผู้นำตระกูลเซียวเฉินเพิ่งจะนำความชอบอันใหญ่หลวงมาสู่ตระกูลเรา ทำไมท่านถึงจะไล่เขาไป?”

 

เซียวฉงหยิบปึกเงินออกมาพร้อมกับขวดใส่เม็ดยาสองขวด เขากล่าวกับเซียวเฉิน “นี่คือเงินทั้งหมดหนึ่งแสนเหรียญเงินและเม็ดยาระดับสามสองขวด เจ้าเก็บไว้”

 

เย่หมิงหลานคุกเข่าลงกับพื้นทันที “ท่านผู้นะตระกูลโปรดถอนคำพูด อย่าไล่นายน้อยสองออกไป”

 

เซียวหลิงเอ๋อก็คุกเข่าลงเช่นกัน “ท่านลุงโปรดอย่าไล่พี่ใหญ่เฉินไปเลย ไม่ใช่ว่าเขาคือวีรบุรุษแห่งตระกูลเซียว?”

 

“ท่านผู้นำตระกูลโปรดถอนคำสั่ง! อย่าไล่นายน้อยสองไปเลย” เหล่าคนที่เข้าไปในการทดสอบป่าทมิฬกับเซียวเฉินและผู้ที่เซียวเฉินเคยช่วยชีวิตไว้ตอนนี้ล้วนคุกเข่าลงกับพื้น

 

เซียวฉงกล่าวด้วยความโกรธ “พวกเจ้าทำอะไร? คิดกบฎ?”

 

เซียวเฉินไม่ได้พูดอะไรและเดินตรงเข้ามาหน้าทุกคน

 

หลังจากนั้นเกิดเสียง “ปัง”. ต่อหน้าทุกคนเซียวเฉินคุกเข่าลงต่อหน้าเซียวฉงและกุมมือแน่นหมอบคำนับต่อหน้าเขา

 

“นี่แสดงถึงความกตัญญูที่ข้ามีต่อท่าน ไม่มีท่าน,ข้า,เซียวเฉิน,คงไม่ได้เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ไม่ว่าท่านจะตัดสินใจเช่นไรข้าก็จะไม่โทษโกรธเคือง”

 

“ปัง!” เซียวเฉินหมอบคำนับลงอย่างแรงอีกครั้งและพูดขึ้น “คำนับนี้ขอบคุณผู้อาวุโสตระกูลเซียวที่ค่อยดูแลข้าตั้งแต่ที่ข้ามายังโลกใบนี้”

 

“ปัง!”

 

“คำนับนี้สำหรับพี่น้องที่ต่อสู้เพื่อข้า คนจริงคุกเข่าต่อสวรรค์ปฐพีและพ่อแม่ของพวกเขาเท่านั้น ข้า,เซียวเฉิน,ข้าไม่คู่ควรกับการคุกเข่าคำนับของพวกเจ้า”

 

หลังจากที่เซียวเฉินพูดจบเขาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็วไม่รับทั้งเงินและเม็ดยาที่เซียวฉงมอบให้ เขาใช้อัสนีหลบเลี่ยงอย่างต่อเนื่องหายไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว

 

เซียวอวี่หลันวิ่งไล่ตามเขาไป ขณะที่นางมองดูเซียวเฉินที่กำลังไกลออกไปดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยน้ำตาและร้องสะอื้นอออกมาเงียบๆ

 

ด้านนอกของเมืองม่อเหอเซียวเฉินมองไปยังกำแพงสูงของเมืองและใช้คาถาสละชีวิตปลุกนกตัวเล็กขึ้นมา เขาเอาสูตรยาที่เขาเตรียมไว้นานมาแล้วและผูกมันไว้กับขาของนกส่งมันไปที่บ้านของโม่ฟาน

 

นี้เป็นสูตรเม็ดยาที่สามารถรักษาอาการขาหักของเขาได้ เซียวเฉินไม่อาจหาวัตถุดิบส่วนผสมของมันได้ครบเขาจึงไม่อาจสกัดมันออกมา

 

เมื่อเซียวเฉินกำลังจะออกจากเมืองม่อเหอเขาทำได้เพียงส่งมอบมันให้กับเขา เขายังฝากฝังไว้ในจดหมายฉบับนี้หวังว่าเขาจะช่วยดูแลปกป้องตระกูลเซียวในอีกสามปีต่อจากนี้

 

แม้ว่าเซียวเฉินจะไม่สามารถมองทะลุความแข็งแกร่งของโม่ฟานแต่อย่างน้อยเขาก็อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด ด้วยการคุ้มครองของเขาแม้ตระกูลเซียวกำลังเผชิญกับหายนะพวกเขาก็จะผ่านพ้นมันไปได้

 

มองดูนกน้อยที่ลอยตัวหายไปบนท้องฟ้าเซียวเฉินทิ้งคำซาบซึ่งไว้ในใจ ลาก่อนเมืองม่อเหอ!

 

เมื่อเขาหันกลับมาก็มีบางอย่างทำเขาประหลาดใจ

 

เซียวเฉินไม่รู้ว่าทำไมแต่ความรู้สึกรันทดใจถูกจุดขึ้นเมื่องเขามองไปเห็นสาวสวยผู้สง่างามคนนี้

 

“เฟิงเฟยเสวี่ยนี่เจ้าก็คำนวณไว้แล้วใช่หรือไม่? ว่าข้าจะถูกไล่ออกจากตระกูลเซียววันนี้? เจ้าถึงได้มาดักรอ”

 

สวมชุดบุรุษและถือพัดไว้ในมือของนาง เฟิงเฟยเสวี่ยผู้สง่างามยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่นข้าเพียงแค่อยากมาส่งเจ้าแล้วก็มอบของบางอย่างให้”

 

มือของนางวูบไหวอย่างรวดเร็วและทันใดนั้นตำราทักษะต่อสู้ก็ลอยมาทางเซียวเฉิน เซียวเฉินรับมาและประหลาดใจเมื่อได้เห็นตัวอักษรบนปกตำรา ออกเสียงดังค่อยๆอ่านมันขึ้นมา “มังกรฟ้าเมฆาทะยาน!”

 

เซียวเฉินนิ่งอึ้งในใจ สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงพร้อมกับยิ้มขึ้นบางเบา “สำหรับผู้อื่นทักษะต่อสู้นี้ช่างไร้ประโยชน์ แต่สำหรับข้ามันคือสมบัติล้ำค่า ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะมอบให้ข้าเปล่าๆ”

 

“แค่ตรงไปตรงมาและบอกความต้องการของเจ้ามา สิ่งที่เจ้ามอบให้ข้ามานั้นเป็นของที่ข้าต้องการอย่างมาก ตราบใดที่เป็นสิ่งที่ข้าทำได้ข้าจะทำให้อย่างสุดความสามารถ”

 

เฟิงเฟยเสวี่ยรู้สึกว่าที่เซียวเฉินพูดมาน่าสนใจ นี้เป็นครั้งแรกที่ผู้ชายคนนี้ตรงไปตรงมากับนาง นางยิ้มขึ้น “ในวันข้างหน้าเมื่อข้าตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากข้าอยากให้เจ้ามาช่วยพาข้าออกไป ข้ายังไม่บอกว่าเจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไรแต่เจ้าจะต้องช่วยข้าได้อย่างแน่นอน”

 

“ตกลง! ในวันข้างหน้าหากเจ้าหาตัวข้าพบข้าก็จะไปตามคำขอของเจ้า” หลังจากพูดจบเซียวเฉินก็หันหลังเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

 

เมื่อเห็นว่าเซียวเฉินตอบตกลงเร็วเหลือเกินเฟิงเฟยเสวี่ยก็นิ่งอึ้ง เมื่อนางได้สตินางก็พบว่าเซียวเฉินก็เดินไปไกลแล้ว นางตะโกนขึ้นเสียงดัง “เซียวเฉิน! เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฉวยโอกาสเอาเปรียบเจ้า?”

 

เซียวเฉินที่อยู่ไกลออกไปไม่ได้หยุดเท้าหรือชะลอลง เขาถือตำราทักษะไว้ในมือแน่นและโบกมือกลับ  เขาใช้เสียงดังกังวาล “ข้าเชื่อใจเจ้า!”

 

ตอนนี้จบภาคศึกสัญญาสิบปีแล้วครับ

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset