ตอนที่ 99 งูขาดำ
เซียวเฉินไม่ได้ตื่นตกใจ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ากำมะหยี่สีดำออกมาและใช้มันปิดจมูกของเขาไว้ ผ้ากำมะหยี่นี้ทำมาจากหนังของสัตว์อสูรวิญญาณ,มันสามารถกรองพิษส่วนใหญ่ไว้ได้
ผ้ากำมะหยี่ดำไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร,ผู้บ่มเพาะพลังส่วนใหญ่ที่เข้ามาในป่าอำมหิตล้วนมีติดตัวกันทั้งนั้น เซียวเฉินก็มีมาเตรียมไว้ ในครั้งแรกที่เขาเข้ามาในป่าอำมหิตเขาก็มีติดตัวมาด้วย
ควันหนาแน่นอบอวลไปในอากาศ,พื้นที่รอบตัวของเขาเต็มไปด้วยหมอก วิสัยทัศน์ของเขากลายเป็นมืดบอด เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไป,และจับตำแหน่งของงูขาดำได้ในทันที
มองดูเซียวเฉินที่ตกอยู่ท่ามกลางหมอกควันพิษ,งูขาดำคิดว่าทัศนวิสัยของเขาจะต้องถูกจำกัดไว้ มันรีบพุ่งตรงเข้าใส่เซียวเฉินและใช้หางของมันฟาดตรงเข้ามา
เซียวเฉินถอยกลับอย่างเร่งรีบ หางอันใหญ่โตขยายยืดยาวออก,ไล่ตามเซียวเฉิน
เซียวเฉินใช้สัมผัสวิญญาณจับไปที่หางอันใหญ่โตของมัน เขาก็ค้นพบว่าหลังจากที่หางของมันยืดออกมันจะบางลงด้วย
โอกาส! เซียวเฉินคิดกับตัวเอง งูขาดำจะต้องคิดว่าเขานั้นไม่สามารถมองเห็นได้ในหมอกควันหนานแน่นนี้ ดังนั้นมันจึงจูโจมเข้ามาโดยไม่ยั้งคิด
“ฆ่า!”
เซียวเฉินตะโกนออกมาเสียงดังและรีบใช้ศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยานออกมา เขากระโดดลอยตัวสูงขึ้นไปกว่าสิบเมตรโดยทันที เกิดเป็นภาพเงามังกรปรากฎขึ้นด้านหลังของเขาพร้อมกับใช้มังกรดิ่งทะยาน
งูขาดำสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันตรายมันจึงรีบดึงหางของมันกลับ ถึงอย่างนั้น,ความรวดเร็วของมังกรดิ่งทะยานก็ยังคงเร็วอย่างเหลือเชื่อ
เซียวเฉินฟันลงไปที่จุดที่กำลังหดกลับมาได้เพียงครึ่งทางอย่างรุนแรง หางของงูขาดำถูกสับขาดครึ่งในทันที
“ฟุ่ว!”
ตรงจุดที่หางถูกตัด,เลือดก็ไหลทะลักออกมาราวกับน้ำพุ เลือดของเจ้านี่ก็เป็นพิษเช่นเดียวกัน หากมันกระเด็นมาโดนตัวเข้านั้นจะเป็นปัญหา เซียวเฉินรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว
เมื่อครู่,เซียวเฉินจู่โจมไปที่จุดอ่อนของงูขาดำ ดั่งที่กล่าวไว้ว่า,ตอนลงมือตีให้ตีไปตรงที่เจ็บที่สุด แม้ว่าการโจมตีเต็มกำลังของเซียวเฉินก่อนหน้านี้จะไม่อาจสับมันออกเป็นสองส่วนได้,มันก็ยังสร้างความเสียหายไม่น้อย
ในตอนนี้อาวุธที่มันใช้,หางของมันถูกเซียวเฉินสับกระเด็นออกไป รวมกับอาการบาดเจ็บก่อนหน้า,มันก็เหมือนกับพยัคฆ์ที่ไร้ซึ่งกรงเล็บ มันไม่เป็นอันตรายต่อเซียวเฉินอีกต่อไป
งูขาดำก็เข้าใจถึงจุดนี้เช่นกัน มันร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและผลักเท้าทั้งสี่ของมันส่งตัวลอยขึ้นไปในอากาศ,พุ่งตัวเข้าใส่เซียวเฉินพร้อมกับเปิดปากกว้าง มันไม่สนอีกต่อไปแล้วว่าจะเป็นเช่นไร,ดับเครื่องชนหมายจะล้มเซียวเฉินลงให้ได้
เซียวเฉินกลายเป็นมืดมน นี้เป็นการจู่โจมสุดท้ายของงูขาดำ ความเร็วของมันเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากไม่มีทางที่จะหลบพ้น หากเขาไม่สามารถฟันมันออกเป็นสองส่วนให้ได้ภายในกระบี่เดียวการโจมตีส่วนจากงูขาดำจะต้องทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส
ในขณะที่มันลอยตัวเขามา,เซียวเฉินจิตใจนิ่งว่าง เขานึกถึงสภาวะในตอนที่ฝึกฝนทักษะกระบี่ เขาคิดกับตัวเองอย่างช้าๆ,อย่าตื่นตกใตแค่คิดว่ามันเป็นเพียงท่อนไม้ที่ข้าใช้ฝึก
“ชักกระบี่ฟัน!”
แสงประกายสายฟ้าถูกจุดขึ้นบนตัวกระบี่เงาจันทร์ของเขา ในขณะที่งูขาดำอยู่ห่างออกไปเพียงครึ่งเมตร,เซียวเฉินก็ลงมือโดยทันที แสงกระบี่วูบผ่านและงูขาดำก็ถูกผ่าเป็นสองซีกจากแนวหัวไปถึงหาง
เซียวเฉินม้วนตัวหลบไปด้านข้างหลบเลือดพิษที่สาดกระเซ็นลงมา งูขาดำทั้งสองซีกตกลงบนพื้นเสียงหนักแน่น
ควันพิษที่กระจายอยู่ภายในเหวค่อยๆจางหายไป เซียวเฉินแก้มัดผ้ากำมะหยี่ออกและตรงไปที่หินก้อนใหญ่ที่งูขาดำใช้พักอยู่เมื่อครู่ เขาค่อยๆหยิบผลเจ็ดกลีบลงในแหวนหวงจักรวาล
เซียวเฉินไม่ได้ปล่อยให้ร่างของงูขาดำสูญเปล่าเช่นกัน ทุกอย่างของงูขาดำเทียบเท่าได้กับขุมทรัพย์ เกล็ดสีดำทองของงูทั้งแข็งแล้วก็ยากที่จะแตกหัก,มันเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการทำเกราะศึก
ขาทั้งสี่ของมันสามารถนำไปหมักเหล้าและสกัดยา พวกมันให้ผลเป็นเลิศ เซียวเฉินหยิบมีดคมออกมาตัดแบ่งพวกมันออก
“วิง วิง!”
หลังจากที่เซียวเฉินเก็บของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยและกำลังเตรียมตัวที่จะออกไป,เขาได้ยินเสียงหึ่งในหัว ทันใดนั้น,เขาก็รู้สึกมึนหัวและแขนขาอ่อนแรง เขากำลังจะหมดสติ
เชี้ย! พิษของมันคงจะซึมผ่านเข้ามาทางผิวหนัง ข้าต้องรีบหาที่พักและขับพิษออก มิเช่นนั้น,ข้าเจอปัญหาใหญ่แน่
“ซวบ!ซวบ!”
เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกของเหว เซียวเฉินส่งสัมผัสวิญญาณออกไป เขารู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังบีบรัด,นั้นมันพวกตระกูลเจียงพวกเขายังไม่ได้กลับออกไป
เสียงของการต่อสู้เมื่อครู่คงจะดึงความสนใจของพวกเขามา
“จะต้องเป็นเจ้าหมอนั้นแน่… มันยังจะกล้าแสดงตัวออกมาอีก”
“เพราะผู้อาวุโสหนึ่งหาตัวมันไม่พบ,เขาเลยโดนผู้นำตระกูลด่ายับ,พวกเราก็เลยโดนผู้อาวุโสหนึ่งด่ามาอีกทอด พวกเราต้องจับตัวมันให้ได้”
“ส่งสัญญาณออกไปเร็วเข้า,แจ้งให้ผู้อาวุโสหนึ่งและคนอื่นๆทราบ”
คำพูดทั้งหมดเซียวเฉินได้ยิน เขาพยายามอย่างที่สุดที่จะลืมตาขึ้นและทำจิตใจให้โล่ง เขามองไปยังเหวและเห็นผู้บ่มเพาะพลังสิบคน,ทั้งหมดอยู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ
“ฆ่า!”
หนึ่งในพวกนั้นตะโกนออกมาเสียงดัง,เขาถือดาบเล่มหนาวิ่งตรงเข้ามาหาเซียวเฉิน เขาเห็นว่าเซียวเฉินเป็นเพียงแค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง แม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติเขาก็เริ่มลงมือก่อนเพื่อเอาหน้า
“ชักกระบี่ฟัน!”
เซียวเฉินเร่งศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยานขึ้นจนถึงขีดสุด ร่างของเขากลายเป็นลำแสง ใช้ทักษะกระบี่สายฟ้าฟาดออกมา,กระบี่เงาจันทร์เรืองแสงขึ้นมาทันที
มีแสงกระบี่วูบผ่านและผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเจียงที่พุ่งเข้ามาถูกซัดลอยตายคาที่ เซียวเฉินมองไปที่ผู้บ่มเพาะพลังอีกเก้าคนที่เหลือ เขาไม่ได้ถอยหนีและกวัดแกว่งกระบี่พุ่งเข้ามา
“ปัง!”
หลังจากที่ขึ้นหน้าไปสามก้าว,ผู้บ่มเพาะพลังที่พุ่งเข้ามาก็ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนในทันทีและร่วงลงพื้นเสียงหนักแน่น,สายเลือดไหลนอง
ผู้บ่มเพาะพลังอีกเก้าคนที่เหลือเริ่มสั่นกลัว พวกเขาไม่คาดคิดว่าเซียวเฉินที่อยู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงจะสังหารระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธได้ภายในกระบวณท่าเดียว นี่มันช่างเหลือเชื่อ
“พวกเราจะกลัวอะไร? ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงไหนเขาก็เป็นแค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง พวกเรามีกันตั้งเก้าคนไม่มีอะไรต้องกลัว นอกจากนั้นผู้อาวุโสหนึ่งก็กำลังจะมาถึง ที่พวกเราต้องทำก็เพียงแค่ถ่วงเวลาไว้” หนึ่งในผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเจียงกล่าวกับคนอื่นๆ
พวกเขาเห็นด้วย “ใช่แล้ว,ไม่มีความจำเป็นต้องไปกลัว,ก็แค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงไหน,พลังของมันก็ห่างจากพวกเราถึงหนึ่งระดับ”
เซียวเฉินไม่ได้กล่าวอะไร สถานการณ์กำลังเลวร้าย,เขาไม่กล้าชักช้า เขาเผาผลาญพลังปราณของเขา เมฆสีขาวสิบก้อนที่อยู่รอบข้างจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้าเดือดพล่านอย่างรวดเร็ว,ส่งพลังปราณบริสุทธิ์ไปทั่วทั้งร่างของเขา
“ชักกระบี่ฟัน!”
แสงกระบี่วูบผ่านและเซียวเฉินเริ่มลงมืออีกครั้ง ภายใต้ศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยาน,ร่างของเซียวเฉินเคลื่อนที่ไปรอบๆอย่างสง่างาม นักบ่มเพาะพลังที่พูดออกมาเป็นคนแรกถูกฟันขาดครึ่ง
“ฟาดฟันประกายแสง!”
“สายฟ้าผ่าสวรรค์!”
“อัสนีฟาดฟัน!”
“อัสนีฟาดฟันพันธนาการสอง!”
ภายในเหว,สายฟ้าคำรามสายลมโหมกระหน่ำ แสงสายฟ้าลอยผ่านไปทั่วทุกที่พร้อมกับเซียวเฉินที่ใช้ทักษะกระบี่สายฟ้าฟาดออกมาเต็มกำลัง
แม้ว่าเซียวเฉินจะเป็นเพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง,แต่เขาก็เคยไปถึงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธมาแล้ว
หลังจากที่เขาบ่มเพาะพลังมาเป็นเวลาหลายวัน,พลังปราณในร่างของเขาทั้งบริสุทธิ์และแข็งแกร่งกว่านักบ่มเพาะพลังของตระกูลดจียงไปมาก นอกจากนั้นเขายังมีทักษะเคลื่อนไหวระดับสวรรค์ศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยานและทักษะกระบี่สายฟ้าฟาดที่เทียบเท่าได้กับทักษะต่อสู้ระดับปฐพี คนพวกนี้ไม่ใช่คู่มือของเซียวเฉินแม้แต่น้อย
ทุกครั้งที่แสงกระบี่วูบผ่านจะมีหนึ่งคนกลายเป็นศพ หลังจากทักษะกระบี่สายฟ้าฟาดถูกใช้ออกไปห้ากระบวณท่า,ก็มีผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเจียงอีกสี่คนที่เหลืออยู่
ผู้บ่มเพาะพลังทั้งสี่เห็นร่างของเซียวเฉินเพียงแค่ลางๆ พวกเขาไม่อาจเห็นได้ว่าเซียวเฉินฆ่าคนทั้งหกในพริบตาได้อย่าไร มองดูเซียวเฉินที่ราวกับเทพเเห่งความตาย,ในใจของพวกเขาบอกให้หนี,พวกเขาทั้งสี่แตกหนีออกไปด้านนอกของหุบเหว
มองดูทั้งสี่คนที่กำลังวิ่งหนี,เซียวเฉินไม่ได้ไล่ตาม เขามุ่งหน้าออกไปจากหุบเหว,สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือหาที่ปลอดภัยและหาทางขับพิษออกจากร่างกาย
เป็นเพราะเขาหมุนเวียนพลังปราณภายในร่างใช้พลังออกมาทั้งหมดกดยับยั้งพิษไว้ได้ช่วงคราว ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่พ้นสถานการณ์อันตราย หากเขายังไม่รีบขับพิษออกจากร่างและมันเริ่มกำเริบขึ้นมา,พิษจะสร้างความเสียหายให้ร่างของเขาอย่างร้ายแรง
ขณะที่เซียวเฉินออกมาจากเหว,เขาสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันแข็งแกร่งไล่ตามเขามา ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลเจียงมาถึงที่นี่แล้ว,ข้าต้องเร่งฝีเท้า
“สารเลว!เจ้าคิดจะหนีไปไหน?”
ข้างหลังเซียวเฉินมีผู้อาวุโสหนึ่งของตระกูลเจียง,เจียงหยุ่นเสอปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง เขากระโดดลอยตัวจากพื้นขึ้นไปที่ต้นไม้ใหญ่
กระโดดอีกครั้งตรงมาที่เซียวเฉิน ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสามารถที่จะไล่ตามเซียวเฉินได้ทัน เขาปล่อยฝ่ามืออกไปเล็งไปที่หลังของเซียวเฉิน
รู้สึกได้ถึงฝ่ามือที่กำลังตรงเข้ามา,เซียวเฉินหมุนตัวและปล่อยฝ่ามือออกไปเช่นกัน แม้ว่าเซียวเฉินต้องกระอักเลือดออกมา,แต่เขายืมแรงจากเจียงหยุ่นเสอลอยกลับหลังไปด้วยความเร็วที่น่ากลัว
เจียงหยุ่นเสอรู้สึกโกรธอย่างช่วยไม่ได้,เจ้าหมอนี้ใช้พลังจากฝ่ามือของข้าส่งตัวเองลอยห่างออกไป! คิดถึงวันที่เขาโดนเจียงหมิงชุ่นดุด่า,เจียงหยุ่นเสอก็ตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับไล่ตามไป
รู้ถึงได้ถึงเจียงหยุ่นเสอที่ไล่ตามมาอีกครั้ง,เซียวเฉินหน่ายใจ หากเป็นวันอื่นเขาคงทิ้งไปไม่เห็นฝุ่น เป็นเพาะเขาต้องใช้พลังปราณกดพิษเอาไว้,เขาไม่สามารถใช้ศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยานออกมาได้เต็มที่ ความเร็วของเขาตกลงไปมากจากปกติ
ข้าต้องรีบหาทาง,เซียวเฉินคิดอย่างกังวลในใจ เขาเห็นเจียงหยุ่นเสอที่กำลังใกล้เข้ามาและทันใดนั้นเขาก็หยุดเท้าลง จากนั้นเขาก็ใช้คาถาแรงโน้มถ่วงค่อยๆลอยขึ้นไป
ในขณะที่ใช้คาถาแรงโน้มถ่วงความเร็วของเขาจะช้าลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็บินหนีจากการไล่ล่าบนพื้นดินไปได้ เมื่อเขาลอยอยู่บนท้องฟ้า,ไม่ว่าเขาจะตกเป็นเป้าหรือไม่,เซียวเฉินก็ไม่ได้สนใจ
เจียงหยุ่นเสอที่เห็นเซียวเฉินหยุดเท้าลงเขาก็รู้สึกเป็นสุขในใจ เขาเร่งฝีเท้าเข้ามาหาเซียวเฉินเขาดึงกระบี่ออกมาจากหลังของเขา ในครั้งนี้,เขาจะไม่ให้เซียวเฉินยืมแรงอีกแล้ว,เจาจะฆ่าให้ตายในกระบี่เดียว
“ฮ่ะ!”
แสงกระบี่วูบผ่าน,ในขณะที่คมกระบี่กำลังจะถูกตัวเซียวเฉิน,ทันใดนั้นเซียวเฉินก็ลอยขึ้นไปบนฟ้า คาถาแรงโน้มถ่วงของเขาถูกใช้ออกมา เขาลอยสูงขึ้นไป,สูงขึ้นไปเรื่อยๆและในไม่ช้าเขาก็ลอยสูงกว่า 200 เมตรเหนือพื้นดิน
“นั้นมันทักษะเหินอากาศ! เจ้าหมอนี้มีที่มายังไงกันแน่” ผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเจียงตรงเข้ามาและยืนค้างด้วยความประหลาดใจขณะที่มองดูเซียวเฉินที่กำลังลอยอยู่บนฟ้า
เจียงหยุ่นเสอจ้องมองเซียวเฉินด้วยสายตาเย็นชา เขาพูดด้วยน้ำเสียงดำมืด “มันจะมาจากไหนก็ช่าง,มันฉกแผนที่ไปจากตระกูลเจียงและยังทำร้ายนายน้อยหนึ่งสาหัส มันจะต้องชดใช้ ไปเอาธนูมาให้ข้า!”
ผู้บ่มเพาะพลังรีบหยิบเอาธนูยาวออกมาและส่งให้กับเจียงหยุ่นเสอ ธนูเรืองแสงพลังวิญญาณอ่อนๆออกมา
ธนูคันนี้เป็นอาวุธวิญญาณ เจียงหยุ่นเสอหยิบลูกศรขึ้นมา เขาดึงสายธนูกลับจนแทบจะเป็นรูปจันทร์เต็มดวง แสงเย็นวาบออกมาจากลูกศรพร้อมกับเล็งไปที่เซียวเฉิน
“โซว!”
ลูกศรส่งเสียงออกมาขณะที่ลอยออกจากคันธนู มันช่างรวดเร็วและสง่างามพร้อมกับมุ่งหน้าไปหาเซียวเฉิน ได้ยินเสียงลูกศรที่แหวกอากาศเข้ามา,เซียวเฉินถอนหายใจยาวในใจ,แม้ว่าจะเป็นตอนที่เขาอยู่ในสภาพเต็มร้อยเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะหลบลูกศรนี้ได้พ้น
เซียวเฉินพยายามอย่างที่สุดหลบไปที่ด้านข้างแต่ลูกศรก็ยังปักเข้าที่หน้าอกด้านขวาของเขาอย่างแม่นยำ หากเขาไม่ได้ตรวจดูก่อนด้วยสัมผัสวิญญาณว่าเจียงหยุ่นเสอกำลังจะทำอะไร,ลูกศรดอกนี้คงทะลุหัวใจของเขาไปแล้ว
เลือดไหลออกมาจากรูขนาดเท่านิ้วมือที่ปรากฎขึ้นมาบนหน้าอกด้านขวาของเขา เลือดไหลออกมาไม่หยุด เซียวเฉินรีบหยิบเม็ดยาห้วนคืนโลหิตออกมาและโยนมันเข้าปากพร้อมกับความเจ็บปวดที่แทบจะทนไม่ได้
เซียวเฉินพยายามรักษาคาถาแรงโน้มถ่วงเอาไว้ขณะที่บินไปข้างหน้าอย่างเก้กัง พิษที่เขากดข่มเอาไว้เริ่มออกฤทธิ์ ท่าทางเก้กังของเขาดูราวกับพร้อมที่จะตกลงไปข้างล่างได้ทุกเมื่อ
“ในที่สุดข้าก็เจอตัวเจ้าหลังจากที่ค้นหามานานกว่าหนึ่งสัปดาห์” ฮวาหยุ่นเฟยกำลังยืนอยู่บนยอดต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไป เขาช่างดูหล่อเหลาด้วยผมยาวสลวยกับชายผ้าที่กำลังพริวไหวไปตามสายลม
เขามองไปที่เซียวเฉินและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย เขากลายร่างเป็นธารโลหิต,พุ่งตรงไปหาเซียวเฉิน