บทที่ 189 – วิญญาณสัมบูรณ์ (1)
ก่อนที่พวกเราจะออกจากป่าเร็นได้เตือนเด็กๆไว้ก่อน
“ปิดตาของพวกเธอเอาไว้นะแล้วพวกเราจะดูแลทุกอย่างให้เอง”
“พี่เร็น”
“ถ้าพี่เป็นอะไรไป หนูจะโกรธพี่นะ”
“พี่ชายปกป้องพี่เร็นด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่ได้อ่อนแอมากจนจะต้องให้ใครมาคุ้มครองหรอก”
“พวกเธอขึ้นไปบนล็อทเต้ก่อน”
ฉันได้ให้เด็กๆเปลื่ยนไปขึ้นหลังของล็อทเต้ เธอได้กลับมาอยู่ในร่างไวเวิร์นแล้ว เร็นและเลอบิคก็ยังมาบนหลังของเธอเพื่อป้องกันเด็กๆ ฉันนั้นจะบินด้วยพลังของชาราน่าและธาเลเรีย ล็อทเต้ได้กระพือปีกและบ่นออกมา
[ฉันเกลียดการที่คนอื่นๆนอกจากฮีโร่มาขี่ฉัน….]
“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องทำแบบนี้เสมอล็อทเต้”
[ฮีโร่จะต้องจ่ายให้กับการที่ทำร้ายความภาคภูมิใจของปีกทมิฬล็อทเต้ เตรียมตัวไว้เลยฮีโร่]
“แน่นอน ฉันจะทำทุกๆอย่างที่เธอต้องการถ้ามันอยู่ในขอบเขตความสามารถของฉัน”
[อะแฮ่ม… ถ้างั้นฉันจะปล่อยเรื่องนี้เอาไว้ก่อน]
ฉันได้ลูบหัวล็อทเต้และทำให้เธอสบายใจ เด็กๆก็ยังนั่งเฝ้ามองล็อทเต้และฉันที่คุยกันอยู่ แต่ว่าเร็นและเลอบิคต่างก็มองไปที่ล็อทเต้อย่างอิจฉา
“ฉันก็อยากจะมีไวเวิร์นแบบนั้นเหมือนกันนะ”
“จริงๆแล้วเธอคือไวเวิร์น… ฉันไม่เคยเห็นไวเวิร์นที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังแบบนี้มาก่อน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอคือผู้หญิงที่ดู่อนแอคนก่อนหน้านี้…สัตว์เลี้ยงของเจ้าชายและภูติธาตุทั้งหมดมีร่างมนุษย์ผู้หญิงใช่ไหม?”
“ฉันก็ไม่เหมือนรู้เหมือน…บางทีมันอาจจะเป็นความต้องการของจักรวาล”
ฉันได้หยักไหล่ตอบกลับไ จากนั้นฉันก็เปลื่ยนท่าจับหอกไปจับปลาย อีกไม่นานพวกเราก็จะออกไปจากป่า นี้คือโอกาสสุดท้ายที่พวกมันจะจับพวกเราดังนั้นเหล่าสัตว์ป่าที่หิวโหยจะเข้ามาหาเราจากทุกๆด้าน
“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะออกไปจากป่าหลังจากสิ้นเสียง ริยู”
[อากาศเยือกแข็ง]
พลังงานเยือกแข็งได้ถูกปล่อยออกมาจากริยูแช่แข็งทุกๆสิ่งในบริเวณใกล้เคียง ในเวลาเดียวกันฉันก็ยิงพลังงานออกไปจากปลายหอกของฉัน มอนสเตอร์ที่พยายามจะทำให้เรากลายเป็นอาหารได้ตัวแข็งไป จากนั้นก็ไม่สามารถจะทนต่อออร่าที่ฉันยิงออกไปได้ทำให้พวกมันได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆพร้อมกันกับต้นไม้รอบๆ หลังจากแสงแดดได้ส่องมาจากด้านบนเราก็ได้พุ่งออกไปจากป่า
ในเวลาเดียวกันนั้นจำนวนมอนสเตอร์นับไม่ถ้วนที่อยู่บนท้องฟ้าก็ได้ปรากฏออกมาให้เราได้เห็น พวกมอนสเตอร์เหล่านั้นได้ถูกควบคุมโดยหนอนสมอง มันยากที่จะอธิบายว่ามันมีกี่ตัว พวกมันก็อาจจะยังไม่รู้จำนวนของตัวเองด้วยซ้ำ บนท้องฟ้าได้เต็มไปด้วยพวกมัน
“พวกมันมีเยอะเกินไป!”
“ฉันจัดการเอง”
ฉันได้เพิ่มพลังและเปิดใช้งานดวงตามาร ด้วยจำนวนของพวกมันทำให้ตาของฉันเริ่มที่จะเจ็บและดูดมานาไปเป็นจำนวนมาก ยังไงก็ตามผลลัพธ์มันยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีก เกือบ 80% ของกองทัพพวกมันได้กลายเป็นหินและล่วงลงไป มันเกือบจะเหมือนกับเป็นฝนดาวตก ในที่สุดฉันจึงเริ่มเข้าใจว่าทำไมผู้ถือครองตามารถึงเป็นที่หวาดกลัว
ดวงตามารแห่งการทำให้การเป็นหินนั้นเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับการต่อสู้กับกองทัพขนาดใหญ่ มันเป็นอาวุธในการสังหารหมู่คนที่ไม่สามารถกันพลังได้ ดวงตามารของฉันยังคงฉายแสงต่อไปและกองกำลังศัตรูก็ยังคงลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
“เจ้าชายรัชทายาท…”
“ว้าว พี่ชินเจ๋งจัง….”
“หนูอยากจะแต่งงานกับพี่ชิน”
“ฉันอยากทำแบบที่ได้จัง สอนฉันทีสิ”
“สะ สอนฉันด้วย”
ฉันได้จัดการเก็บกวาดบางส่วนที่ยังรอดอยู่ไป ล็อทเต้ก็ยังตามฉันมาด้วยความเร็วที่ไม่ได้ช้ากว่าฉันเลยแม้แต่นิดและฆ่าพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆด้วยเพลิงทมิฬของเธอ
หลังจากนั้นไม่นานการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ก็เริ่มแปลกใจ ด้านหลังมันมีมอนสเตรอ์บินขนาดใหญ่อยู่ และมีมอนสเตอร์ขนาดเล็กกว่านับสิบเรียงรายเหมือนกับรางรถไฟ ฉันค่อนข้างจะเข้าใจในความตั้งใจของพวกมัน หลังจากที่ตระหนักได้ว่าฉันทำให้พวกมันกลายเป็นหินด้วยการมอง พวกมันจึงหลบซ่อนอยู่หลังแพงรับบาปแทน มันไม่ใช่สิ่งที่มอนสเตอร์ปกติจะคิดได้แน่นอน
[ก๊าซซซซซซซซ]
[ก๊าซซซซซซซซซซ]
พวกมันได้กรีดร้องออกมาอย่างยินดีเมื่อพวกมันได้พบทางแก้ ฉันได้ยิ้มออกไปและยิงวังวนวายุออกไปจากหอกของฉัน มอนสเตอร์ที่อยู่ด้านหน้าซึ่งได้กลายเป็นหินไปแล้วยังคงพังพวกตัวข้างหลังอยู่ แต่ยังไงก็ตามวังวนวายุได้ฉีกกระชากมอนสเตอร์ที่เป็นหินได้อย่างง่ายดาย มอนสเตอร์ที่อยู่ด้านหลังได้เปลื่ยนเป็นหินและตกลงไปในทันที
เพราะแบบนี้มอนสเตอร์นับพันก็ได้ตายลงไปอีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากฉันเป็นตัวละครในเกม RPG ละก็เลเวลของฉันก็จะพุ่งอย่างรวดเร็วแน่นอน
“เขาหินมันสูงเกินไปแล้ว! เมื่อไหร่ที่เราจะได้เห็นป่าแห่งความเงียบล่ะ?”
“ปาแห่งความเงียบตั้งอยู่ในจุดที่สูงที่สุดในทวีปพาแนน! เทือกเขานี้ก็ยังเป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดอีกด้วย”
ยังไงก็ตามเราไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดได้หลังจากบินมา 5 นาทีแน่ๆ นี่มันสูงเกินไปแล้ว! ฉันได้ยินว่าภูเขาในโลกยังโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉันได้เริ่มกลัวในทันทีว่ามันจะกลายเป็นเหมือนกับภูเขาในทวีปพาแนน
[ก๊าซซซซซซซ]
ยิ่งพวกเราไปสูงเท่าไหร่การโจมตีของมอนสเตอร์ก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นเพราะมันได้รู้ว่ามันจะไม่สามารถที่จะแตะเราได้ถ้าหากเราไปถึงป่าแห่งความเงียบ มอนสเตอร์นับร้อยได้เปลื่ยนไปเป็นหินในทุกๆวินาที แต่ว่ามอนสเตอร์ก็ยังคงบินมามากขึ้นเรื่อยๆ บางทีพวกมันอาจจะต้องการจะฆ่าเราด้วยการให้เราจมหินตายก็ได้
ฉันได้เดาะลิ้นและหยิบโพชั่นมานาออกมาและดื่่มมันลงไปในปาก จากนั้นก็เรียกให้ธาตุเข้ามาในหอกของฉัน
[อ่า นี้มันต่างโลก]
[อี๋ แมลง]
[วันนี้เรากำลังจะกำจัดแมลงหรอ?]
[มันมีเยอะมากกก!]
[ท่านเจ้าชายก็ยังเท่ยิ่งขึ้น]
[หมุนๆ]
“อ่า เทคนิคนั่นมัน….”
“มีธาตุเยอะมาก…”
ด้วยพลังการหมุนของไต้ฝุ่นคลั่งที่ทรงพลังมันดูเหมือนจะทำให้มีภูติธาตุมามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแสงได้ส่องสว่างมากขึ้นกว่าปกติ ฉันก็ได้ดึงหอกไปข้างหลัง
“พายุ…”
“นะ น่าทึ่งมาก….”
“ธาตุ!”
พายุของภูติธาตุได้พุ่งผ่านอากาศ ในขณะเดียวกันฉันก็หยิบมานาโพชั่นลงไปดื่ม เมื่อมองเห็นหลุมโหว่กลางอากาศฉันก็ได้ยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“เอาล่ะเร็วเข้า! จับเอาไว้ให้แน่นๆนะ ล็อทเต้เร่งความเร็วเต็มกำลัง!”
[เข้าใจแล้วฮีโร่]
หลังจากที่ได้ทำลายศัตรูจำนวนมากไปด้วยพายุธาตุ ฉันก็ได้จัดการที่เหลือด้วยดวงตามารอีกรองหนึ่ง จากนั้นพวกเราก็ได้ไต่ระดับขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดได้ด้วยที่แทบจะไม่มีปัญหาใดๆมากนัก หลังจากนั้นประมาณ 5 นาทีในทุกสุดพวกเราก็ได้เข้าสู่ป่าแห่งความเงียบ
ด้านในป่านั้นสวยงามมาก มีทั้งดอกไม้ที่สวยงามจำนวนนับไม่ถ้วยและต้นไม้ที่สูงตระหง่านเต็มไปด้วยใบไม้เขียวชอุ่ม แม้ว่าในโลกนี้ทุกๆอย่างจะถูกควบคุมโดยหนอนสมอง แต่สถานที่นี้ก็ยังคงความสวยงามตามธรรมชาติเอาไว้อยู่ ยังไงก็ตามเหมือนกันชื่อของมัน ป่าแห่งนี้เงียบสนิทอย่างผิดปกติ มันไม่มีแม้แต่ร่องรอยของสัตว์ใดๆ ราวกับว่าเราเป็นเพียงคนเดียวที่หายใจอยู่ที่นี่
“แค่ก แค่ก”
“ฟู่….”
นะดับออกซิเจนในพื้นที่สูงนั้นทำให้เด็กๆหายใจได้ยาก แม้กระทั่งคนมีมานาก็ตาม
“มันยากที่จะหายใจ ฉันเหนื่อย”
“ใช้วิธีการหายใจผ่านมานาเอลฟ่า เธอได้เรียนรู้มันใช่ไหม?”
“อื้อ พ่อได้สอนฉัน”
มันมีวิธีการบ่มเพาะมานาที่แตกต่างกันมากมาย แต่ว่าวิธีที่พบได้มากที่สุดก็คือการหายใจแบบพิเศษนี้ซึ่งมันดูเหมือนจะเป็นแบบเดียวที่เร็นใช้ เด็กๆได้เริ่มทำตามเร็นในทันที พวกเขาดูเหมือนจะจดจำได้ถึงวิธีหายใจของมานาได้หลังจากที่พูดขึ้นมา พวกเขาทุกคนได้เริ่มใช้มันในทันที ฉันได้ลูบหัวของพวกเขาและมองไปรอบๆ
“มีป่าที่เขียวชอุ่มมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”
“คงจะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ แต่ว่าเจ้าชายนายก็น่าจะรู้สึกได้ว่าในที่นี่เต็มไปด้วยมานา ถ้าหากว่าพืชมันได้เติบโตขึ้นด้วยมานามันก็น่าจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลนะ”
เขาพูดถูก การใช้สามัญสำนึกของโลกเพื่อเปรียบเทียบกับทวีปอื่นๆมันเป็นเรื่องที่โง่เขลา ในความเป็นจริงแล้วมันก็คงอีกไม่นานหรอกที่สามัญสำนึกของโลกก็จะเปลื่ยนไปด้วย
“เร็วเข้าเถอะ นายบอกว่าพวกเราไม่สามารถจะอยู่ที่นี่ได้มากกว่าหนึ่งวันนี่”
“ใช่แล้ว ไม่มีใครสามารถจะอยู่ที่นี่ได้ตลอดทั้งวัน”
“พวกนายอาจจะเหนื่อยนะ แต่ว่าทนหน่อยนะ”
“อื้อ”
“มันไม่เป็นไรหรอกเพราะพี่ชินอยู่ที่นี่”
“เอลฟ่า… เธอดูเหมือนเธอจะชอบเจ้าชายรัชทายาทมากกว่าฉันอีกนะ….”
อย่าทำหน้าเหมือนกับถูกแฟนทิ้งสิเร็น! ฉันเกือบจะโทรเรียกตำรวจออกไปแล้วในทันที แต่ว่าโชคดีที่ว่าที่นี่ไม่มีตำรวจ
ยังไงก็ตามไมนานหลังจากนั้นฉันก็ต้องเอียงหัวงง
“เร็นนายอาจจะคิดว่ามันแปลกนะ แต่ว่านายได้มองมาที่ฉันไหม?”
“เปล่านะ”
“ถ้างั้นเลอบิคล่ะ?”
“ทำไมฉันจะต้องไปมองนายด้วยล่ะ? ฉันยุ่งกับการจดจำใบหน้าท่านเร็นอยู่นะ”
เธอได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ…..
ถ้างั้นใครกันล่ะ? ฉันมองกลับไปที่เด็กๆที่นั่งอยู่บนหลังของริยูและเอียงหัว พวกเขาหลายคนก็ยังเอียงหัวหลังจากได้เห็นฉัน พวกเขาดูน่ารักจริงๆ
ยังไงก็ตามไม่นานหลักจากนั้นพวกเราก็เริ่มมีอาการเจ็บปวด
“หนูหายใจ…ไม่ออก”
“เอลฟ่า?”
“พี่ ผมหายใจไม่ได้เลย….”
“เดมิ!”
เร็นและฉันได้สะดุ้งและตรวจสอบเด็กๆ พวกเขาดูเหมือน จะหายใจไม่ออก ฉันได้ขยายมานาออกไปด้านนอกและตรวจสอบเด็กๆ จากนั้นฉันก็ตระหนักได้ว่ามานาของเด็กๆ…กำลังไหลออกไป
“เจ้าชาย”
“เวรเอ้ย… เร็นมานาของทุกๆคนกำลังไหลออกไปจากร่างกายพวกเขา”
ฉันได้รีบโคจรวงจรเพรูต้าจนถึงขีดสุด มานาที่ไหลออกไปจากร่างกายของฉันได้ฟื้นกลับคืนมา แต่ว่าคนอื่นๆกลับทำแบบเดียวอย่างที่ฉันทำไม่ได้ ให้ตายเถอะ เร็น เลอบิค และฉันนั้นไม่เป็นไรแต่ว่าถ้ามานาของเด็กหมดไป…!
จากนั้นป่าก็ได้สั่นอย่างรุนแรง
[มนุษย์ที่หยิ่งยโส เจ้ากล้าที่จะมารบกวนการกินอาหารของข้า]
“เร็นนายไม่ได้บอกหรอว่ามันจะไม่เป็นไรหากอยู่ที่นี่ไม่ถึงวัน”
“คนล่าสุดที่เข้ามาในป่านี้ก็คือเมื่อ 130 ปีก่อน! ยมทูตของป่าคงจะเปลื่ยนความคิดของเขา!”
“หรือบางทีเขาอาจจะไม่ชอบเด็กใหม่ที่เอามานากลับคืนมา เขาบอกว่าเด็กใหม่กำลังรบกวนการกินอาหารของเขา”
“เธอพูดอย่างใจเย็นอย่างนี้ได้ยังไงกัน?”
“นั่น….”
เลอบิคได้ชี้ไปที่ดวงตาที่ใหญ่โตสองดวงที่กำลังมองมาที่พวกเราจากระหว่างต้นไม้ที่หนาแน่น
“ฉันกลัว มันยากแม้แต่จะพูดออกมาเลย”
ในเวลาเดียวกันข้อความที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงก็ดังขึ้นมา
[เหตุการการจู่โจมระดับ SSS+ จำนวน 50 คน ‘ผู้กลืนมานา’ ได้ปะทุขึ้น! เพราะท่านอยู่ในตำแหน่งของบอสการจู่โจม ท่านจะถูกบังคับให้เข้าร่วม]