Infinite Competitive Dungeon Society – บทที่ 276 – ฤดูที่สาม (1)

Infinite Competitive Dungeon Society - บทที่ 276 – ฤดูที่สาม (1)

บทที่ 276 – ฤดูที่สาม (1)

“…อ่า”
ในมือของลิโคไรท์คือชุดเกราะของฉันที่กลับไปอยู่ในสภาพกำไลข้อมือ ผ้าคลุมของฉันก็ด้วยและรวมไปถึงไอเทมอื่นๆ ในตอนที่ร่างกายของฉันกำลังสร้างขึ้นใหม่ทำให้ของต่างๆของฉันร่วงลงไป แต่โชคดีที่ลิโคไรท์เก็บเอาไว้
เกราะของฉันมันทำลายไม่ได้อยู่แล้วดังนั้นฉันไม่จำเป็นจะต้องมากังวล ส่วนผ้าคลุมก็ยังสามารถจะซ่อมแซมตัวเองได้ในอัตโนมัติอีกด้วย แต่น่าโชคร้ายที่อุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ…..
อ๊าาา ฉันทำไอเทมอย่างหมดพังงั้นหรอ? ฉันได้รู้สึกเสียงสันหลังไปอยู่พักหนึ่ง ฉันได้หยิบเอากำไลข้อมือที่ลิโคไรท์โยนให้ฉันและใส่มันในทันที
ฉันรู้สึกได้ถึงพลังกายที่เพิ่มสูงขึ้นในทันที จากนั้นเกราะโลหะสีดำก็ได้ปกคลุมตัวฉัน อ่าาา การใส่เกราะทั้งๆที่เปลือยอยู่มันเย็นจริงๆ
ฉันได้ลดระดับความสูงลงไปเล็กน้อยและลงไปหาผู้หญิงทั้งสองคน ลิโคไรท์ได้ส่งอุปกรณ์ที่เหลือที่ถูกผ้าคลุมที่ห่อไว้มาให้ฉัน จากการมองดูแล้วมันดูเหมือนว่าจะเหลือแค่ผ้าคลุมที่ยังใช้ได้ แต่อุปกรณ์อื่นๆมีปัญหาขึ้นแล้ว
ไอเทมที่ฉันได้รับมาเมื่อไม่นานมานี่อย่างใบมีดเงาเร้นลับ บัลลังก์แห่งหนาม และแหวนเสียงสะท้อนดูจะไม่เป็ฯอะไร แต่ในทางกลับกันของอย่างหยดน้ำตาทองคำหรือนิ้วนางของโกเลมเนื้อไม่มีให้เหลือแม้แต่ร่องรอยด้วยซ้ำ ของพวกนี้เป็นเครื่องประดับระดับต่ำและสเตตัสที่ให้ก็ไม่ได้มากอะไร แต่ฉันก็ยังรู้สึกสูยเสียอยู่เพราะของพวกนี้ก็อยู่กับฉันมาเป็นเวลานาน
“น่าเสียดาย”
“ใช่แล้ว อะ… เธอกำลังมองไปไหนกัน?”
มันดูเหมือนว่าลิโคไรท์กำลังมองไปที่อื่นอยู่ ฉันได้เขกหัวของเธอในทันทีที่ตระหนักได้ว่าเธอกำลังมองมาที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายฉันอยู่ อุปกรณ์ที่พังไปแล้วมันก็ไม่สามารถจะย้อนกลับคืนมาได้เหมือนๆกันกับที่ฉันไม่สามารถจะย้อนเวลาไปในตอนโป๊ได้แล้ว ฉันจะต้องดูแลในสิ่งที่เหลืออยู่เท่านั้น
“ฮีโร่ เกิดอะไรขึ้น?”
ล็อทเต้ได้ถามออกมาอย่างไม่ใส่ใจและฉันได้ตอบกลับไปง่ายๆ
“ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างนอกเหนือไปจากฉันได้หายไป”
“….”
ล็อทเต้ได้หมดคำพูดไป ฉันได้ยิ้มขมออกมาและเปิดช่องเก็บของ ใช่แล้ว ฉันเปิดมันขึ้นมา เครื่องมือเวทย์ของผู้บุกรุกคริสตัลสีม่วงมันไม่มีเหลืออยู่ในทวีปนี้อีกต่อไปแล้ว ฉันได้เก็บอุปกรณ์และเครื่องประดับกลับไปในช่องเก็บของและยืดตัวออกมา ในตอนที่ฉันปิดช่องเก็บของไปพลังจำนวนมหาศาลก็หลั่งไหลเต็มอยู่ในร่างของฉัน
มันเห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นพลังของนักสำรวจของฉันที่ได้รับมาจากดันเจี้ยนและเชอร์ริฟิน่า
“สามีที่รักเกิดอะไรขึ้นกับพลังของโลกหรอ?”
“ฉันก็ดูดมันเข้ามาเหมือนกัน ฉันไม่สามารถจะแยกมันออกไปได้แล้ว แต่ว่ามันก็ยัง….”
ฉันได้หลับตาลงไป ในตอนที่เอลลอสตายไปพลังของโลกก็ได้ออกมาจากร่างกายของเขา หลังจากนั้นมันก็ได้ถูกดูดมารวมในกระแสของมานาและติดอยู่ในวังวนของฉัน เพราะแบบนี้มันจึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของฉันเองโดยธรรมชาติ
ฉันได้จัดการป้องกันการที่พลังของโลกนี้จะไปผสมกับพลังของโลกที่ฉันมีอยู่แล้ว แต่ว่าในตอนนี้มันก็เข้ามาในร่างของฉันแล้วทำให้มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอามันออกมา ยิ่งฉันคิดเรื่องนี้มากแค่ไหนฉันกก็ยิ่งโกรธ เอลลอสไอ้เวรนั่น ในฐานะของฮีโร่แล้วเขาได้ใช้ตัวเองเป็นระเบิดพลีชีพ ฉันรู้ว่าเขารักบาเรลล่า แต่ว่านี้มันจะทำเกินไปแล้ว! แล้วก็… แล้วก็!!
“อ๊ากกกกกก ให้ตายสิ ไอ้สารเลวนั่น!”
“ใจเย็นก่อนสามทีที่รัก มานาของคุณปะทุออกมาแล้ว”
“อ่า จริงสิ ขอโทษด้วยนะ”
ฉันได้ใจเย็นลงเพราะการเตือนจากลิโคไรท์ มีมานาจำนวนมากได้ถูกใช้ไปในระหว่างการสร้างร่างกายใหม่ของฉันตั้งแต่ตน แต่ว่าก็ยังมีมานาจำนวนมากยังคงหมุนวนอยู่รอบๆร่างกายของฉันผ่านเส้นทางวงจรเพรูต้าจนถึงขนาดที่จะดูถูกไม่ได้เลย มันดูเหมือนว่ามันจะเป็นจำนวนสองเท่าจากที่ฉันเคยมีก่อนหน้านี้….
“เชอร์ริฟิน่าก็น่าจะเห็นได้ได้แล้วใช่ไหม? มาดูกัน”
เป็นเวลานานแล้วที่ฉันไม่ได้เปิดหน้าต่างสเตตัสขึ้นมา

[Name: Kang Shin Race: Human Sex: Male

Class: Elementalist (Sub – Skill Mixer, Tamer) Title: Lightning God Rank: Platinum 9

Level: 81

HP – 352,180/352,180 MP – 497,590/497,590

Strength – 539(+215) Dexterity – 572(+195) Constitution – 763(+71)

Intelligence – 144(+70) Magic – 879(+185) Charm – 407(+130) Luck – 182(+90)

Normal Skills – High-rank Martial Arts (Master – Attack power, attack speed +20%), Peruta – Mad Typhoon (Lv 8), High-rank Crossbow Marksmanship (Lv 2), Wind King’s Rage (Lv 5), High-rank Heroic Strike (Lv 5), High-rank Provoke (Lv 9), Divine Speed (Master), Return (Master), Peruta Circuit (Master), Dimensional Travel (Lv 5), Overwhelm (Lv 7), Absolute Soul (Lv 7), Weapon Swap (Lv 7), Captivation (Lv 5), Deific Manifestation, Riding, Mistification, Breath of Death

Class Skills – High-rank Spirit Mastery (Lv 9), High-rank Spirit Aura (Lv 9), High-rank Elemental Control (Lv 9), High-rank Elemental Contract (Lv 9), Lightning Spear Storm (Lv 7), High-rank Elemental Blade (Lv 7), High-rank Elemental Tempest (Lv 8)

Subclass Skill – Endow Skill, Skill Synthesis, Taming (Master), Spirit of the Collector, Spirit of the Mixer, Spirit of the Tamer (Master)]

หลังจากเช็คสเตตัสของฉันแล้ว ฉันก็ได้อุทานออกมาอย่างตกใจ
“ว้าว”
ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งี่เห็นเลย นี่มันเป็นผลจากพลังของดันเจี้ยนที่เสริมความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฉัน ไม่มีสเตตัสแม้แต่อย่างเดียวที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นมา สติปัญญาของฉันเพิ่มขึ้นประมาณ 50 เสน่ห์เพิ่มขึ้นประมาณ 100 พละกำลังและความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้นประมาณ 200 และความอดทนกับพลังเวทย์เพิ่มขึ้น 400 ฉันสามารถจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าความแข็งแกร่งของฉันเพิ่มขึ้นมา
“อ๊าา ฉันลืมไป นี่มันก็แค่ตัวเลขเท่านั้น”
ฉันไม่สามารถจะประเมินตัวเองสูงเกินไปได้จากการแค่เห็นสเตตัสพวกนี้ หลังจากที่ปิดหน้าต่างสเตตัสลงไปแล้วฉันก็ได้สาบานเรื่องนี้กับตัวเอง พลังที่เป็นของฉันเท่านั้น ถ้าฉันสามารถจะใช้พลังของดันเจี้ยนได้ฉันก็ยินดีที่จะใช้มันแต่ว่าถ้าฉันใช้ไม่ได้ฉันก็จะต้องพึ่งพาพลังของตัวเองในการเอาชนะศัตรู เดม่อนลอร์ดก็น่าจะมีวิธีการลบล้างพลังของดันเจี้ยนอย่างแน่นอน
“เธอสามารถวัดได้แม้กระทั่งทักษะของฉันที่พัฒนาขึ้น เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวอะไรแบบนี้เชอร์ริฟิน่า”
ฉันได้มองไปที่วงจรเพรูต้าที่ฉันเชี่ยวชาญแล้วและยิ้มขึ้น
“สามีที่รักคุณไม่เป็นไรนะ?”
“อ่า ไม่เป็นไร… ชั่งหัวเอลลอสมันไปเถอะ เรากลับกันดีกว่าฉันเหนื่อยแล้ว”
“กลับหรอ? ที่ไหนล่ะ?”
ฉันได้คิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา
“ไปที่จักรวรรดิ”
ระหว่างเส้นทางที่เราได้กลับไปฉันก็ตระหนักได้ว่าความหนาแน่นของมานาในชั้นบรรยากาศได้ลดลงไป
“ว้าว ในที่สุดก็หายใจได้สบายๆซักที”
“งั้นหรอ?”
สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้สึกว่ามานาพวกนี้จะนำมาใช้ได้ดีแค่ไหนกัน แต่แน่นอนว่าในเมื่อฉันไม่ได้วางแผนจะใช้ชีวิตที่นี่ทำให้ฉันคิดเรื่องนี้ไม่นานนัก
“สามีที่รักคุณนี่น่ากลัวจริงๆ คุณได้เอามานาของทั้งทวีปไปหรอ…?”
“ไม่หรอก มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น ความหนาแน่นของมานาก็น่าจะย้อนกลับออกมาจากเทือกเขาเองนั่นแหละ จริงๆแล้วมันก็แค่หายไปเล็กน้อยเอง”
“สามีที่รักรู้อยู่แล้วสินะว่ามันจะเกิดแบบนี้ขึ้นตั้งแต่แรก? นับตั้งแต่ที่เข้ามาในทวีปอีเดียสเลยหรอ?”
“ถ้าเป็นหนึ่งในห้าของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดล่ะก็น่าจะใช่แล้ว”
ฉันได้คิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องสู้กับศัตรูของโลกและฉันได้สาบานกับตัวเองว่าจะหาร่องรอยของเพรูต้า ฉันก็ได้สงสัยว่าเอลลอสได้เปลื่ยนไปและฉันก็รู้สึกเหมือนกับว่าฉันจะแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง
ทุกๆสิ่งที่ฉันได้คิดเอาไว้ได้เปิดขึ้น แต่ว่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด
“ถ้าเอลลอสไม่ได้ทำให้พลังของคาฮาร์คลั่งไป เครื่องมือเวทย์ก็จะไม่ระเบิด และถ้าเครื่องมือเวทย์มันไม่ระเบิด ฮาเซ็นก็จะไม่เป็นอะไรและฉันก็จะไม่ได้พัฒนาถึงระดับนี้”
ถ้าเอลลอสไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาทำนี้และฉันได้ต่อสู้กับฮาเซ็น ฉันก็จำเป็นจะต้องใช้ดวงตาพระศิวะ ฉันจะชนะได้ไหมนะ? ฉันไม่มั่นใจเลย ฮาเซ็นนั้นแข็งแกร่งและเขาก็ยังมีพลังของเทพแห่งการทำลายล้างอีกด้วย ต่อให้ฉันชนะมาได้ ฉันก็อาจจะต้องสละหลายๆอย่างไป ถึงฉันจะพบร่องรอยของเพรูต้า ฉันก็อาจจะไม่ได้เชี่ยวชาญวงจรเพรูต้าด้วย
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันได้ทุ่มเทให้กับวงจรเพรูต้าด้วยการเอาชีวิตเข้าแลก นี้มันเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกแค่นั้นเอง หากฉันล้มเหลวนั่นหมายถึงความตาย แต่โชคดีที่มานาของเพรูต้าได้ให้ความร่วมมือกับฉันและฉันได้นำมันมาทำให้วงจรเพรูต้าในรูปแบบของฉันเองและฉันก็วิวัฒนาการรูปแบบมันสำเร็จ
“สามีที่รักเปลื่ยนไปจริงๆ”
“ใช่แล้ว มากเลยล่ะ”
ฉันได้หยักหน้าเห็นด้วย ฉันไม่สามารถจะโกหกได้ ตัวฉันได้เปลื่ยนไปตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คุณดูเหนื่อยนะ”
“…ลิโคไรท์”
มันดูเหมือนว่าลิโคไรท์จะไม่ได้หมายถึงสิ่งที่อยู่ภายนอก เธอกำลังพูดถึงเรื่องอื่นนอกเหนือไปจากนั้น
“คุณไว้ใจฉันได้ เข้าใจนะสามีที่รัก?”
ด้วยแบบนี้ลิโคไรท์ได้กอดฉันเอาไว้ ฉันไม่ได้พูดอะไรกลับไปและยอมรับอ้อมกอดของเธอ กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอดูเหมือนจะปลอบโยนตัวฉัน
“สามีที่รักคุณคือคนที่มีค่าที่สุดของฉัน… เข้าใจนะ?”
“แล้วซัคคิวบิคนอื่นๆล่ะ?”
“นี้มันใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนี้หรอ? ก็แค่ยอมรับว่าคุณเป็นคนที่มีค่าที่สุดของฉัน!”
แน่นอนว่าคำถามนั้นฉันแค่ล้อเล่น ฉันได้ยิ้มขึ้นและลูบหลังหัวของเธอ
“ขอบคุณนะลิโคไรท์”
[ค้างคาว… ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาเจ้าชู้]
[เจ้านกโง่ นี่คือเวลาที่ดีที่สุด]
“แน่นอนว่าฉันก็เชื่อใจล็อทเต้เหมือนกัน”
ฉันได้เอื้อมมือออกไปและลูบล็อทเต้เบาๆ ฉันได้เริ่มคิดถึงเอลลอส เอลลอสได้เสียงบาเรลล่าไป ฮาเซ็นที่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของเอลลอสเลยและตัวฉันก็เข้าใจเขา แต่ว่าฉันก็ยังให้อภัยเขาไม่ได้
ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่ยกตัวอย่างนะหากว่าฮวาหยาตายไป ถ้าฉันสามารถเอาเพื่อนมาเกี่ยวข้องและใช้แก้แค้นให้ฉันได้ ฉันจะทำในสิ่งที่เขาทำไหม? จะเกิดอะไรขึ้นถ้ารูเดียตาย? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเยอึนหรือเดซี่ตาย? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพ่อ แม่ เร็น ลีออน สุมิเระ ล็อทเต้ หรือลิโคไรท์ตาย?
จะเกิดอะไรขึ้นยุยกับไอน่าตายไป?
หลังจากคิดไปไกลแล้ว ฉันก็ได้เงยหน้าขึ้น
“ฉันเข้าใจแล้ว”
ฉันจะต้องปกป้องทุกคน ฉันจะไม่ยอมสละใครสักคนไปเพื่อแก้แค้นใครสักคน แม้แต่วอร์คเกอร์ก็ตาม
บางคนอาจจะมีความสำคัญกับฉันมากกว่าคนอื่นๆ แต่ยังไงก็ตามฉันก็เป็นแค่มนุษย์ ฉันไม่อาจจะพูดได้ว่าฉันคิดกับทุกคนอย่างเท่าเทียม แต่ถึงแบบนั้นการเอาชีวิตคนอื่นมาใช้แก้แค้นมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะยอมทำเด็ดขาด
ในท้ายที่สุดแล้วนี่คือสิ่งที่เป็นไป
ฉันไม่ใช่คนที่เอลลอสอยากปกป้อง
“เอลลอส…ฉันคิดยังไงกับเอลลอสนะ?”
พวกเราใช่แม้แต่เพื่อนหรือป่าวนะ?
พวกเราได้เจอกันครั้งแรกในชั้นที่ 5 ของดันเจี้ยน เขาเป็นคนนิสัยดีและแม้ว่าปาตี้ของเขาจะผ่านชั้นนี้ไปแล้วและฉันยังอยู่ที่ชั้นที่ 5 นี้ เขาก็ยังคงติดต่อมาหาฉันและให้กำลังใจฉัน ในตอนที่พวกเราได้เจอกันครั้งที่สอง ฉันก็ได้สับตำแหน่งกับเขาแล้ว แต่ว่าการที่พวกเราปฏิบัติต่อกันก็ไม่ได้เปลื่ยนไปเลย พวกเรายังคงเคาระกันและกันและหวังว่าพวกเราจะปกป้องโลกของพวกเราได้
ในตอนที่ฉันคิดเรื่องนี้ เรื่องนี้นี่แหละ
พวกเราไม่ได้แบ่งปันประสบการณ์ที่พิเศษกัน เราไม่เคยได้ใช้เวลาร่วมกันจนมากพอที่จะไว้ใจซึ่งกันและกัน ไม่เพียงแค่นั้นฉันก็ยังสงสัยและระแวงในตัวเขา
นี่คือทั้งหมดที่เชื่อมโยงระหว่างเรา
“สามีที่รัก คุณไม่สามารถจะปกป้องทุกคนที่รู้จักได้ มันจะยิ่งยากด้วยหากเกี่ยวโยงกับพวกเขาด้วยอารมณ์”
“ใช่ ฉันรู้… ถึงแม้ว่าฉันจะรู้แบบนั้น….”
ในตอนนี้ความโกรธของฉันได้ลดลงไปแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้ก็คือความว่างเปล่า ฉันรู้สึกว่างเปล่าเหมือนกับไม่อยากจะทำอะไรอีกแล้ว ฉันอยากจะโยนโลกนี้ทิ้งไปและแค่กลับโลกของฉันซะ
แต่ว่าฉันจทำแบบนี้ไม่ได้ แค่เพราะว่าเอลลอสได้เลือกจะโยนโลกนี้ทิ้ง แต่ฉันจะทำแบบเดียวกันนีเไม่ได้ ฉันไม่สามารถจะทำให้ทุกๆคนที่ดิ้นรนเอาชีวิตรอดในทวีปแห่งนี้ต้องสิ้นหวังเพียงแค่เพราะว่ามีฮีโร่ที่ขาดความรับผิดชอบสองคน
“พวกเขาต้องการความหวังเหมือนกัน พวกเขาก็ยังต้องการฮีโร่คนใหม่”
“ใช่แล้ว”
ฉันได้มองขึ้นไปและตรวจสอบรอบๆตัวพวกเรา ใช่แล้ว ฉันไม่สามารถจะจิตตกแบบนี้ไปตลอดได้ ฉันจะต้องมอบความหวังให้พวกเขา ความหวังใหม่
ฉันจะต้องสร้างฮีโร่คนใหฒ่ขึ้นมาแทนที่ฮีโร่ที่ตายไปและฮีโร่ที่ทอดทิ้งตัวเอง ฉันต้องสร้างฮีโร่ที่มีจิตใจที่ต้องการจะปกป้องทวีปของเขา มันอาจจะใช้เวลาสักหน่อยแต่ว่ามันก็น่าจะเป็นไปได้ ฉันหวังให้เป็นแบบนั้น ถ้าฉันคนแบบนั้นไม่ได้นั่นก็คงจะเป็นจุดจบของทวีปนี้ ไม่ว่ายังไงก็ตามทวีปนี้ก็ยังมีเส้นทางที่ยาวอยู่ข้างหน้า
ฉันได้คิดในสิ่งที่ฮาเซ็นบอกออกมา ฉันได้นึกไปถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังในตอนที่เขาบอกว่าเขาจะต้องต่อสู้กับโลกอื่นๆอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อเอาชีวิตรอด
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะถือว่านั่นเป็นเรื่องโกหกและลืมมันไป นั่นมันจะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับจิตใจของฉันด้วย
แต่ว่าถ้าเขาพูดจริง….
ถ้ามันยังไม่จบ….
ถ้าหากแม้ว่าหลังจากที่ฉันได้เอาชนะเดม่อนลอร์ดและมอนสเตอร์ทั้งหมดแล้วก็มีเส้นทางอื่นของโลกถูกเปิดขึ้นและศัตรูก็บุกเข้ามาอีกล่ะ….
ฉันได้กำหมัดแน่น
“ลิโคไรท์ เราจะต้องอยู่รอดจนกว่ามันจะจบลง”
“อื้อ”
“จนกว่ามันจะจบ จุดจบสุดท้ายจริงๆ”
“อื้อ”
“ไม่ว่าอะไรก็ตาม….”
ฉันสามารถจะมองเห็นพระราชวังของจักรวรรดิได้แล้ว ตอนนี้มันถึงเวลาที่ฉันจะหาผู้สมัครฮีโร่คนใหม่แล้ว

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

ICDS, 무한경쟁던전사회
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2015 Native Language: Korean
อ่านนิยาย Infinite Competitive Dungeon Society เรื่องย่อ : เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset